มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
โก โฮลเซลล์ (GO WHOLSALE) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ที่มีความสดใหม่ตลอดเวลาเพื่อผู้ประกอบการ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เร่งค้นหาโอกาสที่สดใหม่ ด้านการเฟ้นหาทรัพยากรบุคคล ลุยชี้แนะนักศึกษาถึงรั้วมหาวิทยาลัย เน้นทำงานตรงสายเสริมแกร่งผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจ นำร่องที่แรก ‘มหาวิทยาลัยมหาสารคาม’! นางสาวยิ่งลักษณ์ นิพนธ์ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด กล่าวว่า โก โฮลเซลล์ มีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอทางเลือกที่สดใหม่ในทุกมิติ รวมถึงในมิติของการเฟ้นหาบุคลากรที่ธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบอาหารมีความต้องการสูง โดยเฉพาะผู้จบการศึกษาในสาขาเฉพาะทางที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขยายงาน ล่าสุดได้เปิดตัวกิจกรรม University Road Show ครั้งที่ 1/2568 เพื่อจับคู่ตำแหน่งงานที่ตรงกับสาขาการเรียนของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยเริ่มที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นแห่งแรก ซึ่งในธุรกิจค้าส่งอาหาร มีความต้องการบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะทางเป็นจำนวนมาก อาทิ แผนกอาหารสด แผนกเบเกอรี่ แผนกบริหารงานขาย
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)มอบรางวัลการวิจัยแห่งชาติ : รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ระดับดีมาก ให้กับผู้ช่วยศาสตราจารย์ เกสร วงศ์เกษม แห่ง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จากผลงาน “กี่ทอผ้ากึ่งอัตโนมัติเพื่ออนุรักษ์ผ้ายกไทย” ในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2564 – 2565 ที่ผ่านมา โดยมีศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานมอบรางวัลผู้ช่วยศาสตราจารย์ เกสร วงศ์เกษม เจ้าของผลงาน กล่าวว่า การทอผ้า ถือเป็นศิลปะและหัตถกรรมหรืองานฝีมืออย่างหนึ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยผ้าที่ทอด้วยลวดลายที่แสดงถึงภูมิปัญญาและทักษะของผู้ทอได้แก่ “ผ้ายก” ซึ่งเป็นผ้าที่ทอได้ยากและมีเอกลักษณ์ ทำให้ผ้ายกนี้เปรียบเสมือนงานศิลปะ หรืองานหัตถกรรม ราคาของผ้าทอยกเหล่านี้จะมีราคาสูง เมื่อเทียบกับการทอด้วยวิธีอื่น โดยปกติแล้วผ้ายกที่เป็นผ้าฝ้ายจะมีราคาขั้นต่ำผืนละ 6,000 บาท แต่หากมีลวดลายซับซ้อนหรือทำจากเส้นไหมหรือดิ้นเงินดิ้นทองแล้วราคาจะสูงกว่า 15,000 บาทต่อผืน แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยอัตราการผลิตที่ต่ำ ทำให้ผู
ข่าวดีต้อนรับวันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ (22 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา) นักวิชาการไทยค้นพบพืชวงศ์ขิง 8 ชนิดใหม่ของโลก อาทิ “กระเจียวจรัญ”, “กระเจียวรังสิมา”, “ขมิ้นน้อย”, “ขมิ้นพวงเพ็ญ” ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ขิงและนักพฤกษศาสตร์ของไทย นอกจากนี้ ยังพบพืชวงศ์ขิงที่มีการรายงานใหม่ในประเทศไทยอีก 1 ชนิด เตรียมศึกษาอนุรักษ์ระยะยาว รศ.ดร.สุรพล แสนสุข นักวิจัยสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช และ ผศ.ดร.ปิยะพร แสนสุข นักวิจัยภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า ได้รับทุนวิจัยจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อดำเนินโครงการองค์ความรู้พื้นฐานโครโมโซมของพืชวงศ์ขิงในประเทศไทย โดยในช่วง ปี 2563 ที่ผ่านมา ได้สำรวจและเก็บข้อมูลพืชวงศ์ขิงในประเทศไทย เพื่อนำตัวอย่างพืชมาศึกษาโครโมโซม และได้ตรวจสอบลักษณะพืชเพื่อจำแนกพืชให้ได้ชื่อวิทยาศาสตร์พืชแต่ละชนิด แบ่งเป็นสกุลขมิ้นหรือสกุลกระเจียว (Curcuma) 6 ชนิด และสกุลเปราะ (Kaempferia) 2 ชนิด มีลักษณะพืชที่แตกต่างและไม่ตรงกับพืชชนิดอื่นๆ ถือพ
ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ และสำนักดิจิทัลและสารสนเทศ ร่วมกับ ผศ.ดร. สุนันทา เลาวัลย์ศิริ จากคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดกิจกรรมการอบรมออนไลน์ ภายใต้การดำเนินโครงการจัดตั้งสถานีจัดการขยะชุมชนร่วมกับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ต้นแบบ 3 จังหวัด เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ได้แก่ จังหวัดหนองคาย (ชุมชนตำบลหาดคำ) จังหวัดเชียงราย (ชุมชนหนองปึ๋ง และโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม) และจังหวัดชลบุรี (โรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธา) โดยมีประชาชนเข้าร่วมอบรมทั้งสิ้น 50 คน นอกจากนี้ ในอนาคต วว. จะขยายผลการดำเนินโครง
มมส เร่งผลิต “ข้าวเหนียวหมูย่าง สเตอริไลซ์” พร้อมรับประทาน เก็บได้นาน 2 ปี ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดอุบลราชธานี เตรียมส่งมอบพี่น้องชาวอุบล กินอาหารที่คุ้นเคยสร้างพลังใจสู้ชีวิต ที่ห้องปฏิบัติการภาควิชาเทคโนโลยีการอาหารและโภชนศาสตร์ คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อาจารย์ ดร.อัศวิน อมรสิน อาจารย์ภาควิชาเทคโนโลยีการอาหารและโภชนศาสตร์ คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พร้อมลูกศิษย์ กำลังเร่งผลิต “ข้าวเหนียวหมู่ย่าง สเตอริไลซ์” จำนวน 2,000 ชุด ภายใต้โลโก้ “กล่องข้าวน้อยให้แม่” เพื่อเตรียมนำส่งประชาชนที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดอุบลราชธานี ในวันพรุ่งนี้ 16 กันยายน 62 โดยกรรมวิธีการผลิตก็เหมือนกับการทำกับข้าวทั่วไป คือ นึ่งข้าวเหนียว ย่างหมู หั่นหมูเป็นชิ้น จากนั้นบรรจุข้าวเหนียวและหมูย่างใส่บรรจุภัณฑ์ ซีลปิดปากถุง เข้าสู่กระบวนการฆ่าเชื้อ สเตอริไลซ์ และติดสติ๊กเกอร์เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะเตรียมส่งถึงมือผู้รับ อาจารย์ ดร.อัศวิน อมรสิน กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการทำ “กล่องข้าวน้อยให้แม่” หรือข้าวเหนียวหมูย่างสเตอริไลซ์ มาจากติดตามข่าวน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานีที่ปีน
“ข้าวคุณภาพดี” เวลาสีจะต้องได้ข้าวเต็มเมล็ด และมีปริมาณข้าวหักน้อย จึงสามารถขายข้าวได้ราคาดี แต่ชาวนาจำนวนไม่น้อยที่ขายข้าวได้ราคาถูก เพราะผลิตข้าวได้คุณภาพต่ำ มีปัญหาข้าวหักในระหว่างการสี ซึ่งเกิดจากหลายกรณี เช่น เมล็ดข้าวบิดเบี้ยวไม่สมบูรณ์ ปัญหาเมล็ดข้าวร้าวก่อนการสี เนื่องจากเก็บเกี่ยวช้า หรือเจอปัญหาข้าวแช่น้ำ รวมทั้งการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวไม่เหมาะสม ทุกข์ของชาวนาดอกคำใต้ “อาชีพการทำนา” เป็นรายได้หลักของชาวบ้านในพื้นที่บ้านใหม่ หมู่ที่ 2 ตำบลหนองหล่ม อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ตั้งแต่ปี 2559 ที่ผ่านมา เกษตรกรตำบลหนองหล่มได้พบกับปัญหาความยากจน หนี้สิน และปัญหาภัยแล้ง ทำให้เกษตรกรที่ผลิตข้าวไม่ได้คุณภาพ เพราะประสบปัญหาเรื่องการจัดการผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยวข้าว ชาวนาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงวัยที่ใช้บริการรถเกี่ยวนวดข้าว เพราะขาดแคลนแรงงานเกี่ยวข้าว แม้เครื่องจักรกลจะทำงานได้ไวกว่าแรงงานคน แต่ข้าวที่เก็บเกี่ยวโดยรถเกี่ยวนวดมักมีความชื้นสูง จำเป็นต้องตากข้าวเพื่อลดความชื้นก่อนขายเข้าโรงสี เนื่องจากชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภูเขา มีพื้นที่ลานตากข้าวน้อย ไม่เพียงพอกับความต้องกา
วช.ร่วมจังหวัดพะเยา เสริมสร้างความเข้มแข็งวิสาหกิจชุมชนด้วยวิจัยและนวัตกรรม: เครื่องอบแห้งเมล็ดพันธุ์พืชและเครื่องผลิตข้าวฮางงอก วช.เดินหน้างานตามภารกิจ มุ่งส่งเสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับจังหวัดพะเยาและมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ภายใต้แผนงานจัดการความรู้การวิจัย และการขยายผลสู่พื้นที่ชุมชน โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในการมอบ “เครื่องเร่งกระบวนการแช่และเพาะงอกข้าวเปลือกสำหรับการผลิตข้าวฮางงอก” และ “เครื่องอบแห้งแบบถังทรงกระบอกหมุนด้วยรังสีอินฟราเรด” แก่วิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิป่าต้นน้ำห้วยร่องสัก จังหวัดพะเยา โดยมี นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ให้เกียรติกล่าวต้อนรับ และผศ.ดร.จักรมาส เลาหวาณิช กล่าวรายงานถึงการพัฒนานวัตกรรมโดยการสนับสนุนของวช. ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ณ วิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิป่าต้นน้ำห้วยร่องสัก ต.หนองหล่ม อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา นวัตกรรมเครื่องอบเมล็ดพันธุ์ ได้รับรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ : รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้นระดับประกาศเกียรต
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ร่วมกับจังหวัดนครสวรรค์และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มุ่งสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจชุมชนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตรด้วยนวัตกรรมงานวิจัย “เครื่องอบแห้งแบบถังทรงกระบอกหมุนด้วยรังสีอินฟราเรด “ โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ทำหน้าที่มอบ “เครื่องอบแห้งแบบถังทรงกระบอกหมุนด้วยรังสีอินฟราเรด” แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวฟ่างหางกระรอก ตำบบลำพยนต์ อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ นางวัชราภรณ์ แตงหมี นายอำเภอตากฟ้า ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวต้อนรับและเป็นผู้รับมอบ และผศ.ดร.จักรมาส เลาหวาณิช นักวิจัยกล่าวรายงานถึงการพัฒนานวัตกรรมโดยการสนับสนุนของ วช. ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 ณ พื้นที่ทำการเกษตรของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวฟ่างหางกระรอก ตำบลลำพยนต์ อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ เครื่องอบแห้งเมล็ดพันธุ์พืช ช่วยลดระยะเวลาในการลดความชื้นลง1ใน3 และเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการอบมีคุณภาพดี สามารถเพิ่มมูลค่าทางการตลาด สามารถรองรับปริมา