มะขามหวาน
รวมกลุ่มผลิตมะขามหวานฉ่ำ ให้สมชื่อของดีเด็ด แบบใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยสภาพอากาศของอำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ มีลักษณะร้อนชื้น เป็นที่ราบล้อมรอบด้วยภูเขา มีป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำปาดไหลผ่าน ส่งผลให้ผลผลิตมะขามหวานที่ได้มีรสหวานอร่อย เนื้อร่อน ไม่ติดซัง ขายได้ราคาดี มีตลาดรองรับ เกษตรกรท่าฟากจึงนิยมปลูกเรื่อยมา ปัจจุบัน อำเภอฟากท่ามีพื้นที่ปลูกมะขามประมาณ 2,677 ไร่ ให้ผลผลิตราว 1,600 ตันต่อปี และเป็นของเด็ดที่ต้องห้ามพลาด โด่งดังจนมีชื่ออยู่ในคำขวัญของอำเภอที่ว่า “ห้วยเทิบสวยงาม มะขามหวานฉ่ำ ลือนามปู่ตา ผ้าทอลือไกล” นายวีรศักดิ์ บุญเชิญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า แปลงใหญ่มะขาม วิสาหกิจชุมชน กลุ่มมะขามแปลงใหญ่ หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านเสี้ยว อำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ประกอบด้วยเกษตรกรสมาชิกรวม 56 ราย จากหมู่ที่ 4, 5 ตำบลสองห้อง และหมู่ที่ 1, 3, 6 ตำบลบ้านเสี้ยว พื้นที่ปลูกรวม 348 ไร่ ทั้งนี้สมาชิกได้รับการรับรอง GAP แล้วถึง 35 ราย พันธุ์ที่นิยมปลูกคือพันธุ์ศรีชมภู มะขามสีทอง มะขามเปรี้ยว และมะขามฝักใหญ่ สำหรับการจำหน่ายจะมีหลายรูปแบบตั้งแต่การขายแบบเหมาสวน ราคาเฉลี่ยไร่ละ
คุณสมชาย เหลี่ยมศร ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนไม้ผลวังซับเปิบ เลขที่ 32 หมู่ที่ 9 ตำบลซับเปิบ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ โทร. (087) 660-1152 เกษตรกรที่ปลูกมะขามหวานมานานกว่า 25 ปี อธิบายว่า พันธุ์มะขามหวาน หากแบ่งตามอายุการเก็บเกี่ยวนั้น เบื้องต้นพอจะแบ่งได้ 3 แบบคือ มะขามหวาน พันธุ์เบา คือ เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตก่อนพันธุ์อื่นๆ มีช่วงการเก็บเกี่ยวในเดือนธันวาคม-มกราคม ได้แก่ พันธุ์น้ำผึ้ง พันธุ์สีชมพู พันธุ์ประกายทอง (ตาแป๊ะ) พันธุ์กลาง เป็นพันธุ์ที่แก่ และให้ผลผลิตช้ากว่าพันธุ์เบา ประมาณ 7-15 วัน ได้แก่ พันธุ์อินทผลัม พันธุ์ขันตี และ พันธุ์หนัก เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตช้ากว่าพันธุ์อื่นๆ เพราะมีระยะเจริญของผลนาน โดยจะเก็บผลได้ประมาณปลายเดือนมกราคม ได้แก่ พันธุ์สีทอง (นายหยัด) พันธุ์หมื่นจง พันธุ์เพชรเกษตร เป็นต้น ลักษณะของฝักมะขามหวาน คุณสมชาย อธิบายว่า แบ่งคร่าวๆ ได้ 3 แบบ ฝักดิ่งหรือฝักตรง ฝักประเภทนี้มีรูปร่างเหยียดตรง ฝักไม่โค้งงอ เช่น พันธุ์ขันตี ฝักดาบ ฝักประเภทนี้มีรูปร่างคล้ายฝักดิ่ง แต่ฝักจะเอนโค้งเล็กน้อยคล้ายรูปดาบ ฝักอาจกลมหรือแบน เช่น พันธุ์อินทผลัม และ ฝักฆ้องหรือโค้ง ฝักปร
“มะขามหวาน” เป็นพืชเอกลักษณ์และพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบูรณ์มาแต่ดั้งเดิม จนได้ชื่อว่า เมืองมะขามหวาน เมื่อเอ่ยถึงเมืองมะขามหวานประชาชนโดยทั่วไปก็เข้าใจเป็นอย่างเดียวกันว่า หมายถึง เมืองเพชรบูรณ์ “มะขามหวาน” เป็นไม้ผลที่มีทรงพุ่มขนาดใหญ่ ปลูกได้ดีในสภาพพื้นที่ฝนตกไม่ชุกมากนัก ดินที่เหมาะสมในการปลูกมะขามหวานควรเป็นดินร่วน มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 5.5-6.5 ทั้งมีฝนตกไม่ชุกนัก มะขามหวานจึงเจริญเติบโตได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่องเชื้อรามารบกวนเหมือนพื้นที่อื่นๆ มะขามหวานจะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากปลูกไปแล้ว 4 ปีขึ้นไป และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ปี ตั้งแต่ติดดอกจนถึงดอกบานจะใช้ระยะเวลาประมาณ 20 วัน หลังจากดอกบานจนถึงฝักแก่จะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ต้นอายุ 10 ปี จะให้ผลผลิตประมาณ 100 กิโลกรัม ผลผลิต 1 กิโลกรัม จะมีประมาณ 30-45 ฝัก ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ในทุกๆ ปี ประกอบกับในดินที่จังหวัดเพชรบูรณ์ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุอาหารฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูง อากาศมีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ซึ่งเป็นระยะที่
เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ศูนย์อำนวยการประกวดมะขามหวาน ในงานมะขามหวาน นครบาลเพชรบูรณ์ มีการประกวดมะขามหวานสายพันธุ์ต่างๆ ของจังหวัดเพชรบูรณ์ รวม 5 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ศรีชมภู พันธุ์สีทอง พันธุประกายทอง พันธุ์ขัน ตีและพันธุ์อื่นๆ ซึ่งปรากฏว่า มีเกษตรกรเจ้าของสวนมะขามหวานส่งตัวอย่างมะขามหวานเข้าร่วมประกวดทั้ง 5 สายพันธุ์ รวม 515 ตัวอย่าง แยกเป็นพันธุ์สีทอง 103 ตัวอย่าง พันธุ์ศรีชมภู 154 ตัวอย่าง พันธุ์ประกายทอง 123 ตัวอย่าง พันธุ์ขันตี 51 ตัวอย่าง และพันธุ์อื่นๆ 51 ตัวอย่าง โดยมีนายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานกรรมการตัดสิน ซึ่งในภาพรวมทางคณะกรรมการพึงพอใจ เนื่องจากมะขามหวานมีคุณภาพและพบเชื้อราน้อย ทั้งนี้ นายวรพจน์ ได้ฝากถึงกรรมการตัดสินซึ่งเป็นนักวิชาการ ให้ช่วยทำงานวิจัยเพื่อพัฒนาสายพันธุ์และแก้ไขปัญหาเชื้อราในมะขามหวาน รวมทั้งการเพิ่มมูลค่ามะขามกรอกหมู รวมทั้งให้ดูแลมะขามหวานสายพันธุ์ดั้งเดิม หลังจากปีนี้พบว่ามีตัวอย่างมะขามหวานพันธุ์น้ำผึ้ง ซึ่งเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมของเพชรบูรณ์ มีเกษตรกรเจ้าของสวนส่งเข้าประกวดในประเภทสายพันธุ์อื่นๆ หลังจากมะขามหวานส
ร้องแม่ค้าขายมะขามหวานมีแต่เชื้อราแถมโกงตาชั่งในงานกาชาดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 10 มกราคม ได้มีประชาชนที่มาเที่ยวงานกาชาดและ 36 ปี ของดีจังหวัดมุกดาหาร เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหารว่าได้ซื้อมะขามหวานที่มีแม่ค้านำมาขายในบริเวณงาน แต่เมื่อนำไปรับประทานที่บ้านแล้วพบว่าไม่ใช่มะขามหวานและมีแต่เชื้อราทำให้ไม่สามารถรับประทานได้ ทั้งที่มีป้ายบอกว่าเป็นมะขามหวานคัดพิเศษกิโลกรัมละ 140 บาท อีกทั้งตาชั่งก็ไม่ตรงมีน้ำน้อยกว่าที่ปรากฏ และยังได้มีผู้นำเรื่องดังกล่าวไปลงโพสต์ในสื่อโซเชียล เพื่อแจ้งเตือนให้ระมัดระวัง ต่อมา นายสุดเขต จันทรสาขา ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหารนายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและรักษาความสงบ เทศบาลเมืองมุกดาหาร และตัวแทนสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดมุกดาหาร ร่วมกันไปตรวจสอบร้านขายมะขามหวานดังกล่าวภายในบริเวณงานกาชาด พบว่าความเป็นจริงดังที่มีการร้องเรียน โดยเมื่อทำการแกะเปลือกมะขามออกดูพบมีเชื้อราเกาะอยู่ตามเนื้อมะขามเป็นจำนวนมาก เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามกับเจ้าของร้านว่าแบบนี้จะรับประทานได้หรือไม่ ซึ่งเจ้าของร้านขาย