มะริด
“ต้นมะริด คือไม้ป่าโบราณพันธุ์ มีในจดหมายเหตุของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในขณะที่ท่านเสด็จไปยังเมืองตรัง และมีชาวบ้านนำไม้มะริดทำเป็นถ้วยโถโอชามมาทูลถวาย ท่านจึงตรัสถามว่าเป็นไม้อะไร สีสันสวยดี ชาวบ้านจึงตอบกลับไปว่าเป็นไม้มะริด และเป็นไม้ที่เดิมทางตรังส่งไปยังนครศรีธรรมราช เพื่อให้นครศรีธรรมราชส่งไปยังกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นเครื่องราชบรรณาการ เมื่อไม้มะริดถูกใช้เป็นเครื่องราชบรรณาการในสมัยกรุงศรีอยุธยา จึงแสดงว่าเป็นไม้เก่าแก่ของไทยเราเลยครับ เป็นไม้ที่ทรงคุณค่ามาก ซึ่งกรมป่าไม้ได้แจ้งว่าสูญพันธุ์จากป่าเมืองไทยไป ไม่น้อยกว่า 50-60 ปี แต่ว่าไม้มะริดยังมีอยู่ในวังหรือในบ้านของคฤหบดี ทางจังหวัดราชบุรี จังหวัดปราจีนบุรีก็เห็นว่ามีอยู่ 1 ต้น และทางภาคใต้ก็ยังพอมีอยู่บ้างครับ” คุณบัญชา ตั้งสิน อดีตนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมใหญ่ และเจ้าของสวนตั้งสิน ในพื้นที่ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ที่ผันตัวมาทำเกษตรแบบเต็มตัวอย่างจริงจังในวัยใกล้เกษียณ ด้วยการปลูกต้นมะริด ซึ่งเป็นไม้ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ ในพื้นที่กว่า 30 ไร่ หลังจากศึกษาหาข้อมูลและลงมือปลูก จึงได้ค้น
ชื่อสามัญ มะริด ชื่อวิทยาศาสตร์ Diospyros philippensis A. DC. วงศ์ EBENACEAE ช่วงนี้ออกจะฮอตฮิตสำหรับไม้วงศ์มะเกลือตัวนี้ ในท้องตลาดเขาขายกันต้นละหลักร้อยกันเลยทีเดียว สำหรับต้นขนาด 1 ฟุต ผู้เขียนรู้จักต้นไม้ใหญ่ต้นแรกก็ มะริด นี่แหละ…จอดรถใต้ต้นไม้นี้ทุกวัน สิบกว่าปีก็ไม่เคยสนใจ จนมาวันหนึ่งลูกมันหล่นใส่หัว (…ฮา) มะริด ค่อนข้างหายาก เพราะมีถิ่นกำเนิดในฟิลิปปินส์ เมืองไทยไม่ค่อยมีปลูกกันมากนัก นอกจากนักสะสมไม้ หรือนักอนุรักษ์พันธุ์ ด้วยทรงพุ่มที่แน่นทึบ สวย ลำต้นตรง เด่นเป็นสง่า ผลก็รับประทานได้ จึงมีแต่คนตามหาไปปลูก แถมบางคนได้ขอให้ผู้เขียนเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อให้อีกด้วย ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ มะริด หรือ Butter fruit มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Diospyros philippensis A. DC. เป็นไม้ยืนต้น ในวงศ์ EBENACEAE ผลัดใบ สูงได้ถึง 20 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาได้มาก เนื้อไม้แข็งและเหนียว มีลายตามธรรมชาติเป็นสีดำปนสีชมพู หรือสีขาว หรือสีนวลคล้ายสีกาแฟนมคนยังไม่เข้ากัน เป็นพืชแยกเพศ ใบอ่อนสีเขียวอ่อน หรือออกสีชมพู มีขนเป็นมันปกคลุม หนักมาก เป็นไม้ที่ทนทาน ถ้านำมาขัดเงาจะมีความเงางามมาก ดอก ออกเป็นช่อที่ซ
ยำทวายและมะม่วงทวาย นั่นคือนามที่หลายคนอาจนึกถึงเมื่อเอ่ยชื่อ “ทวาย” แต่คงมีมิใช่น้อยคนอยู่เหมือนกันที่นึกถึงเมืองทวาย ของประเทศพม่าหรือสหภาพเมียนมาร์ ทวายอยู่ในแขวงตะนาวศรีทางภาคใต้ของพม่า ติดเขตแดนจังหวัดกาญจนบุรีของไทย เป็นเมืองที่ฉันใฝ่ฝันมานานว่าอยากมาเยือนสักครั้ง เช่นเดียวกับเมืองมะริดที่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน โดยเฉพาะเมื่อคนไทยพลัดถิ่นแถวประจวบคีรีขันธ์เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนนี้พวกเขาอยู่กันที่มะริด ทวาย ตะนาวศรี ก่อนที่จะหลีกลี้หนีความลำบากของประเทศพม่าข้ามมาฝั่งไทย และในที่สุด ณ เพลานี้ฉันก็ได้มีโอกาสมาเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนหนทางของเมืองทวาย สมดังฝัน ได้ชื่นชมบ้านเรือนเก่าๆ แสนงามมีเอกลักษณ์มีรถม้าเสียงดังกึงกังแล่นผ่าน ความจริงน่าจะนั่งรถม้าวนรอบเมืองสักเที่ยวแต่ไม่ได้นั่งไม่ใช่เพราะมีจิตใจสงสารสัตว์ แต่เพราะกลัวเอวเคล็ดจากการโขยกเขยกของม้ามากกว่า แม้ประเทศพม่ากำลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด แต่ตามต่างจังหวัดยังมีรถม้ารับผู้โดยสารให้เห็น ทว่าคงจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เหมือนรถสามล้อถีบบ้านเราที่ต้องหลีกทางให้รถเครื่อง รถตุ๊กๆ และแท็กซี่ ทวายกับไทยนั้นไม่ห่างไกลกันเลย ในประวัต