มะละกอแขกดำ
มะละกอจาก “สวนนายปรุง” เป็นหนึ่งในผลไม้ที่สร้างชื่อให้กับตลาดน้ำดอนหวาย ที่มีของกิน ผัก ผลไม้ และสินค้าอื่นๆ วางขายอยู่เป็นจำนวนมาก คุณปรุง ป้อมเกิด อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 45/3 หมู่ที่ 4 ตำบลลานตากฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม นายปรุงปลูกมะละกอมานานกว่า 20 ปีแล้ว เดิมทีแม่ค้าในตลาด มีมะละกอแขกดำรสชาติดี จึงนำผลให้คุณโสภา ภรรยานายปรุงเพื่อชิมเนื้อและรู้สึกชอบใจ จึงได้นำเมล็ดไปปลูก เมื่อมีผลผลิต ปรากฏว่า มีรสชาติอร่อยมาก แต่ขายได้เพียงกิโลกรัมละ 1 บาทเท่านั้น คุณปรุงไม่ย่อท้อ พยายามปลูกรุ่นใหม่ นำผลผลิตออกทดลองตลาดอีก ก็ขายผลผลิตได้ราคาดีขึ้น คือ กิโลกรัมละ 25-30 บาท มีบวกลบบ้างเล็กน้อย มะละกอที่ปลูกเป็นสายพันธุ์แขกดำ นายปรุงได้คัดพันธุ์มะละกอ โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน เริ่มจากดูที่ผลมีความยาวพอประมาณ โคนผลเล็ก ตรงกลางใหญ่ ปลายเรียว แต่ไม่แหลมจนเกินไป ปลายควรทู่พอสมควร ผิวผลสวย ขนาด 1.5-2 กิโลกรัม ต่อผล นี่เป็นลักษณะภายนอก เมื่อผ่าผลสีเนื้อต้องแดง สำคัญที่สุดรสชาติต้องหวาน คุณปรุงคัดพันธุ์มานานกว่า 20 ปี สามารถบอกได้เลยว่า มะละกอสวนนี้เป็น “มะละกอแขกดำสายพันธุ์นายปรุง” คุ
มะละกอแขกดำหนองแหวน เป็นมะละกอที่มีถิ่นกำเหนิด อยู่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี กลายพันธุ์จากแขกดำ ลักษณะเด่นของเขาคือโคนผลเล็ก กลางผลใหญ่ขึ้น ปลายผลแหลม ผิวผลสีเขียวเข้ม ผิวสวย ผลผลิตดก น้ำหนักเฉลี่ย 2.5 กิโลกรัมต่อผล เนื้อสีแดง แต่ไม่แดงติดเปลือก รสชาติหวานแหลม ปลูกและดูแลมะละกอพันธุ์นี้อย่างไรให้ได้ผลดี วิธีการ…เริ่มจากนำเมล็ดลงแช่น้ำ 3 คืน จากนั้นเพาะเมล็ดในถุงขนาด 4 คูณ 6 นิ้ว วัสดุที่ใส่ในถุงมีดิน ขุยมะพร้าว และแกลบดำ ราว 10 วันเมล็ดเริ่มงอก เมื่องอกได้ 25 วัน นำลงปลูกได้ ระยะปลูก ใช้ระยะระหว่างต้นระหว่างแถว 2 คูณ 2.50 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ปลูกได้ 250 ต้น ช่วงที่หยอดเมล็ดลงถุง หยอด 4-5 เมล็ดต่อถุง ต้นจะงอกอย่างต่ำ 3 ต้น เมื่อนำลงปลูก ยามที่มีดอก ให้เลือกต้นกระเทยไว้เพียง 1 ต้นต่อหลุมเท่านั้น งานปลูกมะละกอเรื่องน้ำมีความสำคัญมาก น้ำดีมะละกอให้ผลผลิตดี ปลูกใหม่ๆเจ้าของให้น้ำทุกวันๆละ 30-45 นาที สิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมคือความชื้น หากฝนตก เวลาการให้น้ำก็ลดลง ปลูกได้ 14 วัน ให้ปุ๋ย จากนั้นก็ให้ปุ๋ยทุกๆ 15 วัน เป็นสูตร 15-15-15 สลับกับสูตร 16-16-16 จำนวนครึ่งช้อนกินข้าว หว่านใต้ทรงพุ่ม เม
ผลมีความยาวพอประมาณ โคนผลเล็ก ตรงกลางใหญ่ ปลายเรียว แต่ไม่แหลมจนเกินไป ปลายควรทู่พอสมควร ผิวผลสวย ขนาด 1.5-2 กิโลกรัม ต่อผล เมื่อผ่าผลสีเนื้อต้องแดง สำคัญที่สุดรสชาติต้องหวาน จุดเด่น หากสมบูรณ์ดีเนื้อสีแดงเข้ม รสชาติหวานมีเค็มนิดๆ เนื้อกรอบเมื่อไม่สุกจัด เนื้อไม่นิ่มไม่เละเมื่อสุกมาก เมื่อก่อนการขาย คัดเล็ก กลาง ใหญ่ ผลขนาดเล็กขายได้ราคาดีกว่า ทุกวันนี้ บางครั้งขายคละกันไป ราคาเคยขายจากสวนสูงสุด 30-35 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ 25 บาท ต่อกิโลกรัม ตลาดห้างเดอะมอลล์มาซื้อ แม่ค้าที่ อ.ต.ก. ซื้อไปขาย เขาได้ชิม จึงมาติดต่อซื้อ ที่อื่นมีศาลายา ตลาดน้ำดอนหวาย นครชัยศรี แหล่งที่มา : คุณปรุง คุณสมจินต์ ป้อมเกิด โทรศัพท์ 089-547-1807, 085-409-2662
จังหวัดปราจีนบุรี และสระแก้ว เป็นแหล่งปลูกยางใหม่ที่เกษตรกรหันมาปลูกยางในยุคที่ยางมีราคาแพง มีเนื้อที่ปลูกยางรวมทั้งหมด ประมาณ 30,000 ไร่ ต่อมาเมื่อสถานการณ์ราคายางอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง รายได้จากการขายยางไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย คุณชัยฤทธิ์ บัวแสง ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย สาขาสระแก้ว (กยท. สาขาสระแก้ว) ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่ปลูกยางพาราในพื้นที่จังหวัดสระแก้วและปราจีนบุรี จึงส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำการเกษตรแบบผสมผสานในลักษณะปลูกพืชแซมในสวนยาง หรือปลูกพืชร่วมยาง ในช่วงที่ต้นยางยังเล็กเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้ คุณชัยฤทธิ์ บัวแสง ผู้อำนวยการ กยท. สาขาสระแก้ว สละเวลาพาผู้เขียนไปเยี่ยมชมกิจการสวนยางผสมผสานของเกษตรกรคนเก่ง คือ คุณลักษณ์-คุณจอม ฤทธิ์ภักดี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 6 ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี โทร. (086) 091-9800, (080) 076-7021 ครอบครัวฤทธิ์ภักดี ทำสวนยางควบคู่กับการทำเกษตรผสมผสานจนประสบความสำเร็จทางอาชีพและรายได้ กยท. สาขาสระแก้ว จึงประกาศยกย่องให้สวนยางแห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง โดยมอบเงินทุนสนับสนุนให้ ครัวเรือนละ 5,000 บา
ถ้าพูดถึงไม้ผลใกล้ตัวที่พบเห็นตามบ้าน ชุมชน จนชินตา นอกจากกล้วยแล้ว “มะละกอ” อาจเป็นพืชไม้ผลอีกชนิดที่พบเห็นด้วยเช่นกันเพราะไม้ผลทั้งสองชนิดสามารถเจริญเติบโตง่าย ไม่เลือกสถานที่ แถมยังไม่ต้องการเอาใจจนเกินไปด้วย ดังนั้น ทั้งมะละกอและกล้วยจึงเกิดขึ้นตามแหล่งต่างๆ ทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ ขณะเดียวกัน ชาวบ้านยังได้ใช้ประโยชน์จากไม้ผลทั้งสองในการประกอบอาหารภายในครัวเรือนอีก ความสำคัญของมะละกอยังประโยชน์ทางด้านอาหารได้ทั้งสุกและดิบขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงจนทำให้ตลาดมะละกอเกิดความคึกคัก ชาวบ้านหันมาปลูกมะละกอทั้งดิบและสุกเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่จนกลายเป็นอาชีพสำคัญสร้างรายได้ให้ทุกครัวเรือน มะละกอที่เห็นตามตลาดหรือแหล่งจำหน่ายอาจมาจากสวนที่ผู้ปลูกขายผ่านคนกลาง หรือขายตรงให้แก่ผู้ขายปลีก ซึ่งไม่ว่าจะขายแบบใดกลุ่มผู้ขายปลีกมะละกอนับเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับประทานมะละกออย่างสมหวัง ฉะนั้น ลองมาสำรวจบางส่วนของผู้ขายปลีกมะละกอว่าพวกเขาขับเคลื่อนอาชีพนี้กันอย่างไร ลุงแซม พ่อค้าผลไม้เร่ตามตลาดนัด ลุงแซม เป็นชาวลำปาง มีบ้านอยู่ทั้งกรุงเทพฯ และกาญจนบุรี อดีตเคยทำง
คุณสหรัฐและคุณเจษฏาภรณ์ เกษสกุล ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 57/1 หมู่3 ตำบลบางกระจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี แต่เดิมคุณสหรัฐ ทำงานอยู่ที่กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จังหวัดจันทบุรี ต่อมาได้ลาออก มาทำอาชีพค้าขายยางพารา จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นค้าขายมะละกอ โดยซื้อผลผลิตจากเกษตรกรไปจำหน่ายที่ตลาดสี่มุมเมืองและตลาดไท ระหว่างที่ซื้อมะละกอไปขายนั้น คุณสหรัฐพบว่า เกษตรกรมักประสบปัญหามีโรคระบาดในแปลง ผลผลิตมีน้อย บางช่วงของไม่พอส่ง เพื่อให้มีผลผลิตส่งอย่างต่อเนื่อง เขาจึงลงมือปลูกมะละกอเองส่วนหนึ่ง โดยการเช่าที่ปลูก เมื่อปลูกไปได้สักพัก ราว 2-3 ปี ก็ย้ายที่ปลูก ทั้งนี้เพื่อลดการระบาดของโรคและแมลงนั่นเอง ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงปัจจุบัน ย้ายมาหลายแปลงแล้ว พื้นที่จะหมุนเวียนอยู่ระหว่างจันทบุรี ปราจีนบุรี และสระแก้ว แปลงปลูกมะละกอของคุณสหรัฐ มีพื้นที่ระหว่าง 20-30 ไร่ สายพันธุ์มะละกอที่ปลูกคือพันธุ์”แขกดำหนองแหวน” เป็นพันธุ์ที่เก็บเป็นมะละกอดิบได้ แต่ทางคุณสหรัฐและภรรยา เก็บสุกอย่างเดียว เนื่องจากได้น้ำหนักและราคาเพิ่มขึ้น คุณสหรัฐและภรรยาแนะนำการปลูกว่า ใช้ระยะระหว่างต้น 2.5 คูณ 2.5 เมตร ปลูกไปราว 7 เดือนก