รฟม.
เริ่มต้นปีด้วยความเป็นสิริมงคล กับกิจกรรมพิเศษ “One Day Trip กับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)” เพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนตามแนวสายทางรถไฟฟ้ามหานคร และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง รฟม. และชุมชน พาผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT ที่เข้าร่วมกิจกรรมประจำปีไหว้พระทำบุญ อุดหนุนสินค้าชุมชน สนุกสนานกับ Workshop จัดช่อดอกไม้แฮนด์เมด และรับของที่ระลึกกลับบ้านสุดฉ่ำใจ เมื่อเร็วๆ นี้ “จิรฐา วัฒนประดิษฐ์” ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เล่าถึงที่มาของกิจกรรมในครั้งนี้ว่า ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) รวมถึงผู้ใช้บริการอาคารจอดแล้วจร ของรถไฟฟ้า MRT ทั้ง 2 สาย มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ทาง รฟม. ได้คัดเลือกผู้ร่วมทริป 50 คน เพื่อร่วมเดินทางไปสักการะและขอพรพระนอน เยี่ยมชมความงามของ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ วัดประจำรัชกาลที่ 1 โดดเด่นและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของศิลปะไทยอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ยังมีกิจกรรมเช็กอินถ่า
รฟม. ผุดไอเดียร่วมสมัยจัดโครงการเรียนออนไลน์ สร้างนักคิดผลิตคอนเทนต์รุ่นเยาว์ “MRTA Young Creator…นักคิด Gen ใหม่” กับ 10 โรงเรียนตามแนวสายทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง ได้ผลตอบรับดีเกินคาด พร้อมเปิดห้องเรียนออนไลน์สู่สาธารณะ เข้าเรียนฟรี การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง จัดโครงการเรียนออนไลน์ สำหรับนักเรียนชั้น ป.4-ป.6 จำนวน 300 คน ของโรงเรียน 10 แห่ง ตามแนวสายทางรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง สร้างบทเรียนด้านการสื่อสาร 10 บทเรียน และจัดกิจกรรม Virtual Workshop ในรูปแบบ Edutainment Game Show เพื่อทบทวนบทเรียนและสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเรียนรู้ ทั้งนี้ รฟม.จะนำบทเรียนทั้ง 10 บทนี้ เปิดเป็นห้องเรียนสาธารณะให้แก่ผู้สนใจ สามารถเข้าเรียนได้ฟรี ผ่าน www.mrtayoungcreator.com ตั้งแต่บัดนี้ – 31 ธันวาคม 2565 นางสาวจิรฐา วัฒนประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการดำเนินโครงการ MRTA Young Creator…นักคิด Gen ใหม่” เพื่อสร้างทักษะและส่งเสริมความรู้ในการสร้างสื่อให้เยาวชนเป็นนักค
รฟม. ททท. และ BEM ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเดินทางยุคนิวนอร์มอล จัดโครงการ ‘Happy Journey with BEM’ ตอบแทนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินด้วย 5 ทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ฟรี! ตลอดปี 2565 ชวน ‘เที่ยว-แวะ-แชะ-ชิม’ ออกเดินทางเก็บเกี่ยวทุกมิติความสุข เปิดมุมมองใหม่ สัมผัสประสบการณ์ประทับใจกับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ตามเส้นทางรถไฟฟ้า 5 สถานี ได้แก่ สถานีวัดมังกร สนามไชย สามย่าน หัวลำโพง และอิสรภาพ ยกระดับความสุขให้เต็มอิ่มยิ่งขึ้น ด้วย ‘สเปเชียล ทอล์ก’ และ ‘เวิร์กชอป’ โดยวิทยากรชั้นนำ มอบสาระความรู้และความเพลิดเพลินตลอดทริป เสริมความอุ่นใจและความปลอดภัย ด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2565 ที่ สถานีสนามไชย นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านตลาดในประเทศ และ ดร. สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ ‘Happy Journey
‘Live สด’ รฟม.ปั้นอาชีพ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ-มติชนอคาเดมี จัดเต็ม ‘สอนทำอาหาร-ถ่ายภาพ-ขายของออนไลน์’ คนเข้าร่วมกว่า 500 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน (มติชนอคาเดมี) นางสาวจิรฐา วัฒนประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะผู้จัดการโครงการด้านประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายวรศักดิ์ ประยูรศุข บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์มติชน และ นางสกุณา ประยูรศุข ผู้อำนวยการมติชนอคาเดมี พร้อมทีมงาน ร่วมเปิดโครงการ รฟม.ปั้นอาชีพ ทำง่าย ขายดี จัดโดย โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง รฟม. ร่วมกับ มติชนอคาเดมี เป็นการอบรมทาง Live Streaming ในกลุ่มเฟซบุ๊ก รฟม. ปั้นอาชีพ, เฟซบุ๊กมติชนออนไลน์, ช่องยูทูบมติชนอคาเดมี รวมถึงแชร์ไปยังสื่อในเครือมติชน อาทิ เฟซบุ๊กข่าวสดออนไลน์ และเฟซบุ๊กมติชนอคาเดมี โดยมีผู้เข้าอบรมกว่า 500 คน โดยการอบรมแบ่งเป็น 3 หัวข้อหลัก ประกอบด้วย 1.การสอนการถนอมอาหาร เนื้อแดดเดียว เนื้อฝอย และ สุกี้โรล พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ด การขึ้นทะเบียนใบอนุญาตสำนักงานคณะกรร
ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตและส่งออก “สมุนไพร” ที่มีศักยภาพสูงในระดับโลก ด้วยภูมิปัญญาพื้นถิ่น ผสานการสนับสนุนจากภาครัฐผ่านกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก รวมถึงความต้องการสินค้าสุขภาพจากผู้บริโภคทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ตลาดสมุนไพรของไทยเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคง ในยุคที่กระแสการดูแลสุขภาพและความงามด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติกำลังได้รับความนิยมทั่วโลก “สมุนไพรไทย” ได้กลายเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีบทบาทสำคัญในตลาดส่งออกของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2567 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า การส่งออกสินค้าในกลุ่มเครื่องเทศและสมุนไพรของไทยเติบโตขึ้นกว่า 23.1% เมื่อเทียบกับปี 2566 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของสมุนไพรไทยในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศได้อย่างชัดเจน จากข้อมูลสถิติการส่งออกปี 2567 พบว่า ปัจจุบันตลาดสมุนไพรไทยเติบโตอย่างโดดเด่น ขึ้นแท่นอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับ 4 ของเอเชีย และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จนแตะ 100,000 ล้านบาทภายในปี 2570 สมุนไพรที่ได้รับความนิยมและมีศักยภาพด้านตลาดส่งออกสูง มักเป็นชนิดที่มีงานวิจัยรองรับ ใช้ได้ทั้งในอุตสาหกรรมอาหารเสริม ยาแผนโบร
สมัยก่อนปัญหาใหญ่ของเกษตรชาวไทยคือการปลูกผักหรือผลไม้แบบเดียวทั้งสวนหรือการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้รายได้ไม่ทันใช้ในแต่ละปี เพราะผักและผลไม้ส่วนใหญ่จะให้ผลผลิตตามฤดูกาลเท่านั้น ปัจจุบันการปลูกผักและผลไม้แบบผสมผสาน จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการบริหารจัดการสวนของเกษตรกรให้รายได้ตลอดทั้งปี ยกตัวอย่างเช่น คุณเสมอ การินทร์ เกษตรกรชาวอำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ที่ปลูกผักและผลไม้แบบหมุนเวียน โดยจุดเด่นของสวนมีทั้งมันเทศญี่ปุ่นม่วงเพอเพิ้ลสวีทโรส เนื้อสีม่วง สายพันธุ์คุริโอกาเนะเนื้อสีขาวและสายพันธุ์ส้มโอกินาวา เมล่อนสายพันธุ์พอทออเร้นจ์ ที่มีลักษณะผิวตาข่าย ในเนื้อสีส้ม กลิ่นหอมสดชื่น กล้วยหอมทอง และผักอื่นๆ มากมาย “เมื่อก่อนปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกพืชเชิงเดี่ยว แล้วไม่ประสบความสำเร็จ เลยหันมาปลูกพืชผสมผสานเพราะให้ผลตอบแทนดีกว่า” คุณเสมอ บอกด้วยว่า เมล็ดพันธุ์ผลไม้เหล่านี้ หาได้จากท้องตลาดทั่วไป นำมาปลูกที่ดิน ส.ป.ก. (สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม) ที่แบ่งพื้นที่ให้เกษตรกรหลายรายทำกิน ทั้งหมด 50 ไร่ ในจำนวนนี้ มีแหล่งน้ำใช้สำหรับการเกษตร 4 ไร่ ทำให้มีพื้นที่เยอะและสามารถแบ
นายสราวุธ ตระกูลอินทร์ ผู้จัดการฝ่าย บริษัท ซีพีแรม จำกัด (ลำพูน) พร้อมด้วย นายบัญชา โชติกำจร ผู้อำนวยการสำนักงานด้านความยั่งยืนและพัฒนาชุมชน จังหวัดน่าน เครือเจริญโภคภัณฑ์ เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ “CPRAM Green Life” #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน ในพื้นที่จังหวัดน่าน ในการนี้ได้รับเกียรติจาก คุณวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ร่วมปลูกต้นไม้พันธุ์ยืนต้นกว่า 600 ต้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,400 ตารางเมตร โดยมอบต้นกล้าให้กับประชาชนในพื้นที่ ในการรับกล้าไม้ไปปลูกยังชุมชน หรือพื้นที่ของตนเอง เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชุมชน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนกับกรมป่าไม้แล้ว รวมทั้งสิ้น 168 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 112 ไร่ พื้นที่ป่าประโยชน์ 56 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวบนผืนแผ่นดินไทย ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างสมดุลโลก ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ การปลูกต้นไม้ยังลดปัญหาหมอกควันและไฟป่า ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของดิน ลดโอกาสการเกิดเพลิงไหม้ในป่า พร้อมเสริมสร้าง
บำรุงต้นช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ช่วยให้พืชออกดอกออกผล เร่งผลให้สมบูรณ์ เพิ่มความหวานและใช้เร่งราก เร่งหัวของพืช 🪴วิธีการ 1. ใช้ผลไม้ทั้งผลไม่ต้องล้าง ไม่ต้องปอกเปลือก หั่นหรือฝานตามขวางหนา 3-5 เซนติเมตร 2. นำไปคลุกในกะละมังกับน้ำตาลทรายแดง โดยใช้อัตราส่วนผลไม้ 2 กิโลกรัมต่อกากน้ำตาล หรือน้ำตาลทรายแดง 2 กิโลกรัม 3. นำไปเก็บไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง 4. นำไปบรรจุลงในไหเคลือบให้เต็ม โดยให้ต่ำกว่าปากไหประมาณ 1 คืน เอาน้ำตาลปิดหน้าผลไม้ที่ปากไห แล้วใช้ผ้าหรือกระดาษปิดปากไหให้สนิท 5. หมักไว้ในที่ร่มไม่ให้ถูกแสงแดดประมาณ 7-15 วัน 🪴วัตถุดิบ กล้วยน้ำว้าสุก 2 กิโลกรัม มะละกอสุก 2 กิโลกรัม ฟักทองสุก 2 กิโลกรัม น้ำตาลทรายแดง 3 กิโลกรัม ✨วิธีการนำไปใช้ ใช้น้ำหมัก 1 ส่วนต่อน้ำ 500 ส่วน หรือน้ำหวานหมัก 3 ช้อนแกงต่อน้ำ 1 ปี๊บ หรือ 20 ลิตร 🌱ขอบคุณสูตรจาก : รักบ้านเกิด #เทคโนโลยีชาวบ้าน #technologychaoban #สูตรปุ๋ย #สูตรน้ำหมัก #ชมพู่ #น้ำหมักจากผลไม้ #เร่งราก เผยแพร่ออนไลน์ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2567