ระบบน้ำ
ในยุคที่ภาคการเกษตรกำลังปรับตัวเข้าสู่ “เกษตรแม่นยำ” (Precision Agriculture) เทคโนโลยีการให้ปุ๋ยผ่านระบบน้ำ (Fertigation) กลายเป็นหนึ่งในแนวทางที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ย ลดต้นทุน และยกระดับคุณภาพผลผลิตได้อย่างชัดเจน การให้ปุ๋ยในระบบน้ำ (Fertigation) คือ วิธีการให้ปุ๋ยอีกวิธีหนึ่ง เป็นการให้ปุ๋ยร่วมกับการให้น้ำในระบบเดียวกัน โดยผสมปุ๋ยที่ละลายน้ำได้หมดลงไปในระบบน้ำ ตั้งแต่การให้น้ำในระบบน้ำหยด (Drip Irrigation) หรือ ระบบมินิสปริงเกลอร์ (Mini Sprinkler) เมื่อพืชได้รับน้ำก็จะเป็นตัวนำพาธาตุอาหารไปยังรากพืชโดยตรง จึงทำให้ต้นพืชได้รับทั้งน้ำและธาตุอาหารในปริมาณที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ยังสามารถใส่สารเคมีป้องกันศัตรูพืชลงไปในระบบนี้ได้ด้วยเช่นกัน การใหัปุ๋ยในระบบน้ำ (Fertigation) ดียังไง? คำตอบคือระบบนี้เป็นการผสมผสานระหว่างการให้น้ำและการให้ปุ๋ยในคราวเดียวกัน ผ่านระบบน้ำหยดหรือมินิสปริงเกลอร์ ช่วยให้พืชได้รับน้ำและธาตุอาหารในปริมาณที่แม่นยำ สม่ำเสมอ และสอดคล้องกับช่วงการเจริญเติบโต ซึ่งไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภา
การทำเกษตรให้ประสบความสำเร็จแน่นอนว่าปัจจัยสำคัญคือ “น้ำ” หากน้ำไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยตรง ให้ผลผลิตต่ำ ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะฉะนั้นก่อนการเริ่มต้นปลูกพืชสักอย่าง ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแหล่งน้ำให้เหมาะสมกับพื้นที่ และเหมาะสมตามที่พืชต้องการ เพื่อผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ นำไปสู่การทำเกษตรแบบยั่งยืน คุณเบิร์ด-ยุทธนา คามบุตร เจ้าของสวนลุงเบิร์ด จังหวัดชัยนาท อีกหนึ่งเกษตรกรตัวอย่างในเรื่องของการบริหารจัดการพื้นที่ปลูกไม้ผลท่ามกลางพื้นที่แห้งแล้งได้ดีเยี่ยม โดยเทคนิคสำคัญของสวนลุงเบิร์ดคือ การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ มีการคิดคำนวณต้นทุนตั้งแต่การวางระบบน้ำ ไปจนถึงการคำนวณอัตราการไหลของน้ำเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต จนสามารถเอาชนะความแห้งแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สวนลุงเบิร์ดมีพื้นที่สำหรับปลูกไม้ผลรวมๆ เกือบ 4 ไร่ แบ่งพื้นที่ปลูกฝรั่ง 2 ไร่กว่า ปลูกฝรั่งได้ประมาณ 200 ต้น ส่วนพื้นที่ที่เหลือประมาณไร่กว่าเลือกปลูกพุทรานมสด ท่ามกลางพื้นที่แห้งแล้ง ระบบน้ำจึงมีความสำคัญอย่างมากสำหรับที่นี่ “พื้นที่แถวนี้ส่วนใหญ่จะปลูกพืชไร่กันเกือบทั้งหมด แล
ปัจจุบันระบบน้ำสำหรับการเกษตรมีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ได้แก่ ระบบน้ำพุ่ง ระบบน้ำหยด ระบบน้ำเหวี่ยงระบบปล่อยน้ำทางผิวดิน ระบบมินิสปริงเกลอร์ และระบบน้ำแบบสปริงเกลอร์ แต่ที่พบเห็นได้บ่อยและได้รับความนิยมจากเกษตรกรเป็นลำดับต้นๆ ก็คือ ระบบน้ำหยด กับระบบน้ำสปริงเกลอร์ แล้วระบบน้ำทั้ง 2 รูปแบบนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วใช้ระบบแบบไหนจะคุ้มค่า และตรงจุดกับที่พืชต้องการมากที่สุด วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านมีคำตอบ ระบบน้ำหยด ปัจจุบันเกษตรกรหลายแห่งได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบน้ำหยดในการให้น้ำแก่พืช ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเกษตรรูปแบบใหม่ที่ช่วยจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การให้น้ำแบบนี้ช่วยให้พืชได้รับน้ำอย่างสม่ำเสมอ และเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต หลักการทำงานของ “ระบบน้ำหยด” ระบบน้ำหยดสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเกษตรได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืช ปลูกผัก ทำไร่ ทำสวน ซึ่งสามารถนำระบบน้ำหยดมาใช้สำหรับควบคุมปริมาณน้ำในการปลูกพืช เพื่อรักษาระดับความชื้นในดิน หลักการทำงานของระบบสายน้ำหยดคือ การส่งน้ำไปยังต้นพืชอย่างสม่ำเสมอผ่านท่อและหัวน้ำหยดที่ติดตั้งไว้บริเวณโคนต้น โดยน้ำจะถูกปล่อยออกมาเป็นหยดเล็กๆ
เมืองไทย เป็นแผ่นดินทองของการเพาะปลูกพืช เพราะดินดี น้ำดี มีโอกาสรับลมฝนตลอดทั้งปี เริ่มจากพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ได้ฝนจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พอเดือนมีนาคมถึงเมษายน ก็ได้ฝนจากลมมรสุมในช่วงปลายฤดูหนาวต้นฤดูร้อน เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ได้น้ำฝนจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ได้น้ำฝนจากอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จนถึงช่วงปลายปี ประมาณเดือนตุลาคม ก็ได้น้ำฝนในช่วงปลายฝนต้นหนาวอีกครั้ง แม้เมืองไทยจะไม่เคยขาดฝน แต่มีจุดอ่อนในเรื่องการจัดการพื้นที่เพื่อควบคุมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พื้นที่ชลประทานที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังมีจำนวนจำกัดไม่ครอบคลุมพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศ เกษตรกรส่วนใหญ่จึงปลูกพืชโดยพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก ทำให้มีความเสี่ยงสูง แม้จะได้รับน้ำฝนในช่วงต้นฤดูฝนจากอิทธิพลลมมรสุมมหาสมุทรอินเดีย แต่เมืองไทยก็ได้ปริมาณน้ำฝนไม่เต็มที่ เพราะน้ำฝนจะมาเรี่ยๆ ดิน แถมมีภูเขาขวางกั้นมาเป็นระยะๆ เช่น ภูเขาผานาง เป็นกำแพงกั้นลมฝน ทำให้อำเภอกบินทร์บุรีได้รับน้ำฝนในช่วงต้นฤดูฝนน้อยมาก ส่วนภาคอีสานมักเจอปัญหาฝนแล้ง เพราะมีภูเขาผานาง เทือกเขาสันกำแพงกับเทือกเขาพนมดงรัก เป็นกำแพงขวา
คุณนิโรจน์ แสนไชย เกษตรกรวัย 70 ปี บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลวังผาง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน เกษตรกรผู้คร่ำหวอดกับวงการปลูกลำไยมานานมาก จนได้รับคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาการใช้วิชาการเกษตรที่ดีและเหมาะสม ตามโครงการจัดการระบบการจัดลำไยคุณภาพ เป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมเทคนิคการจัดทรงพุ่ม ได้รับการประกาศเกียรติคุณปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ระดับจังหวัด ประจำปี 2558 สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่น ปัจจุบัน เป็นคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำพูน ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2559 ภายในสวนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสถานที่อบรมและให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ปลูกลำไยและการใช้ระบบน้ำเพื่อการเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง พันธุ์ลำไยเด่น คุณนิโรจน์ แสนไชย ได้ให้คำแนะนำว่า ลำไยพันธุ์ดีที่มีอยู่ในจังหวัดลำพูน ได้แก่ พันธุ์อีดอ เป็นลำไยพันธุ์เบา ออกดอกและเก็บเกี่ยวผลได้เร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ ทนทานต่อโรคและแมลงได้ดี นิยมปลูกมากในประเทศไทย ประมาณ ร้อยละ 90 พันธุ์ดอก้านอ่อน เมื่อแตกยอดใหม่ ใบอ่อนออกสีเหลืองตองอ่อน ก้านอ่อนโน้มลง เมื่อติดผลทำให้ช่อผลย้
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยการนำของ ผศ.ดร. จำเนียร ยศราช อธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผศ. พาวิน มะโนชัย รศ.ดร. วีระพล ทองมา รองอธิการบดี จัดแถลงข่าวพร้อมที่จะนำเสนอผลงานของการจัดงาน เกษตรแม่โจ้ 85 ปี ระหว่าง วันที่ 8-16 ธันวาคม 2561 ในบริเวณมหาวิทยาลัยแม่โจ้ การแถลงข่าวครั้งนี้ ผลงานที่นำมาแสดงและน่าสนใจคือ ระบบการจ่ายน้ำเพื่อการเกษตรแบบแม่นยำอัตโนมัติ โดยมีหัวหน้าโครงการคือ ผศ.ดร. โชติพงษ์ กาญจนประโชติ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร เป็นอุปกรณ์ต้นแบบตรวจวัดและควบคุมการให้น้ำไร้สายแบบแม่นยำอัจฉริยะ ด้วยการรักษาระดับความชื้นในดินให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับพืชนั้นๆ ค่าปริมาณความชื้นที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ด้วยระบบเทคโนโลยีรับส่งสัญญาณแบบไร้สาย และควบคุมการทำงานของวาล์วและปั๊มน้ำในแปลงการเพาะปลูกอย่างแม่นยำ วาล์วและปั๊มน้ำใช้พลังงานต่ำที่เกิดพลังงานจากแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 6 โวลต์ ดังนั้น จึงติดตั้งและทำงานได้ทุกสภาพภูมิประเทศ การพัฒนาเครื่องต้นแบบ เพื่อมุ่งหวังเพิ่มประสิทธิภาพการให้น้ำ สามารถลดการใช้แรงงานคน ลดปริมาณกา
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ลงพื้นที่ประเมินโครงการจัดรูปที่ดินและระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดศรีสะเกษ เผย เกษตรกรตอบรับ มีความพึงพอใจต่อโครงการเป็นอย่างมาก เพราะมีน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูก ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและปัญหาน้ำเกินความต้องการได้จริง นางสาวรังษิต ภู่ศิริภิญโญ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ประเมินผลโครงการจัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม ซึ่ง สศก. ได้ลงพื้นที่ติดตามใน 2 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี และศรีษะเกษ พบว่า จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างในปีงบประมาณ 2560 และแล้วเสร็จเดือนพฤษภาคม 2560 อยู่ในช่วงทดลองส่งน้ำเข้าสู่แปลงนาเกษตรกร โดยงานจัดระบบน้ำโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาสองพี่น้อง (คลอง 4 ซ้าย-5 ซ้าย-2 ซ้าย) มีพื้นที่รับประโยชน์ 1,400 ไร่ เกษตรกร 58 ราย ส่วนงานจัดรูปที่ดินโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่าโบสถ์ ส่วนที่ 3 จังหวัดสุพรรณบุรี มีพื้นที่รับประโยชน์ 1,390 ไร่ เกษตรกร 120 ราย เกษตรกรส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการฯ มองเห็นถึงประโยชน์ของการจัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำ ว่าจะ
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปี 2560 นี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีแผนเร่งขับเคลื่อนโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกร โดยกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรได้สนับสนุนเงินกู้วงเงิน รวม 300 ล้านบาท ให้แก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งในเขตชลประทานและเขตรับน้ำฝนในพื้นที่ 50 จังหวัด จำนวน 100 แห่ง นำไปให้สมาชิกกู้ยืมแบบปลอดดอกเบี้ยเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นาของตนเองอย่างเป็นระบบ เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำและเพิ่มโอกาสในการทำเกษตรกรรมตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะเดียวกันยังมุ่งส่งเสริมการจัดระบบไร่นาของเกษตรกรให้มีความยั่งยืน มีแหล่งน้ำภายในฟาร์ม ลดการพึ่งพาน้ำจากระบบชลประทานและแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงจากระบบการทำเกษตรกรรมแบบพึ่งธรรมชาติ เป็นการเกษตรแบบบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดน้ำ โดยมีเป้าหมายสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 6,000 ราย คาดว่า จะได้รับประโยชน์จากน้ำเฉลี่ยรายละ 10 ไร่ และเพิ่มพื้นที่รับน้ำได้ไม่น้อยกว่า 60,000 ไร่ “เบื้องต้นจะเร่งคัด