ราคาน้ำตาล
3 สมาคมโรงงานน้ำตาลป่วน จัดประชุมด่วน หลัง “น้ำตาลครบุรี” ส่งจม.ด่วนถึงกองทุนอ้อย-กระทรวงอุตฯ-พาณิชย์ ชี้ประกาศเข้าข่าย “เสี่ยงไม่ชอบด้วยกฎหมาย” เพียบ แหล่งข่าวจากวงการอ้อยน้ำตาล เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้เกิดปัญหาความปั่นป่วนอย่างหนักในการลอยตัวราคาน้ำตาล เพราะภาครัฐไม่สามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องให้กับโรงงานน้ำตาล และชาวไร่อ้อยได้ โดยเฉพาะประกาศต่างๆ ที่ออกมาทางโรงงานน้ำตาลส่วนใหญ่เห็นว่า อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอาจทำให้ผิดข้อตกลงกับบราซิลและองค์การการค้าโลก (WTO) เพราะรัฐบาลยังคงควบคุมราคา และให้การอุดหนุนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ดังนั้น สมาคมโรงงานน้ำตาลไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตน้ำตาลไทย และสมาคมการค้าอุตสาหกรรมน้ำตาลได้นัดประชุม เพื่อหารือเรื่องดังกล่าวในสัปดาห์นี้ หลังรัฐบาลใช้ ม.44 ประกาศลอยตัวราคาน้ำตาลทราย เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 61 ให้ยกเว้นการใช้บังคับมาตรา 17 (18) ของ พ.ร.บ. อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 เรื่องหลักเกณฑ์การจำหน่ายและกำหนดราคาน้ำตาลทรายภายในประเทศ แต่ในวันที่ 23 ม.ค. 61 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงน
ท่ามกลางความสับสนหลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจใช้ มาตรา 44 ปล่อยลอยตัวราคาน้ำตาลภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งชาวไร่อ้อย-โรงงานน้ำตาล ตลอดจนถึง ผู้บริโภค จะได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไร “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ ดร.วิโรจน์ ณ ระนอง ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขและการเกษตร สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) Q : ใช้ ม.44 ลอยตัวน้ำตาล ถ้าดูประกาศ จะบอกว่าใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ไป “ยกเว้น” การบังคับใช้ มาตรา 17(18) ของ พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย ซึ่งหลัก ๆ คือกระบวนการกำหนดราคาน้ำตาลทรายที่ใช้บริโภคภายในประเทศ ม.44 ไปยกเลิกตรงนั้น ไปหยุดกระบวนการที่เคยใช้อยู่ แต่ม.44 ไม่ได้บอกชัดเจนว่า จะใช้อะไรต่อไป เท่าที่ผมอ่านประกาศอีก 5 ฉบับที่ออกตามมาในราชกิจจาฯ ก็พบความชัดเจนเพียงแค่ 2 เรื่องคือ 1) หลังลอยตัวราคาแล้วให้โรงงานน้ำตาลสต๊อกน้ำตาลทรายเอาไว้ในปริมาณเท่ากับการบริโภคภายในประเทศ 1 เดือน กับ 2)ให้โรงงานส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลเท่ากับส่วนต่างของราคาขายส่งหน้าโรงงานกับราคาตลาดโลก ส่วนกฎเกณฑ์อื่น ๆ จะออกประกาศตามมา อะไรที่ยังไม่มีประกาศก็ใช้ตามของเก่าไปก่อน ซึ่งวิธ
โรงงานน้ำตาลกระอัก หลังลอยตัวราคาน้ำตาลภายในประเทศ น้ำตาลตกค้างอื้อ 300,000 ตัน ไม่มีความชัดเจนยกเลิกโควตา สนอ.สำรวจตลาดน้ำตาลในห้าง ราคาขายปลีกลงมาอยู่ที่ กก.ละ 21.50 บาท น.ส.วรวรรณ ชิตอรุณ รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวหลังจากการประกาศยกเลิกการกำหนดราคาน้ำตาลทราย ณ หน้าโรงงานเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมาว่า ราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานในวันที่ 16 มกราคมได้ “ลดลง” จากการออกสำรวจพบโรงงานน้ำตาลทรายจำหน่ายน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์อยู่ที่ กก.ละ 18.18-18.31 บาท และราคาน้ำตาลทรายขาวธรรมดาอยู่ที่ กก.ละ 17.06-17.22 บาท โดยมียอดการขนย้ายน้ำตาลทรายที่จำหน่ายหน้าโรงงาน (16-20 มกราคม 2561) อยู่ที่ 53,000 ตัน หรือ 530,000 กระสอบ และในวันที่ 23 มกราคม เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) สำรวจราคาขายปลีกน้ำตาลทรายในห้างโมเดิร์นเทรดส่วนใหญ่ได้ปรับลดราคาจำหน่าย ลงมาแล้ว โดยเฉลี่ยอยู่ที่ราคา 21.50 บาท “สนอ.มั่นใจ ว่า น้ำตาลทรายที่ค้างอยู่ก่อนการปรับราคาจำนวน 30,000 ตันเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 จำหน่ายหมดแล้ว แต่กระทรวงอุต
นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) เปิดเผยว่า จากการประกาศยกเลิกการกำหนดราคาน้ำตาลหน้าโรงงานและยกเลิกการกำหนดโควตาน้ำตาลทรายภายในประเทศ เพื่อใช้บริโภคในประเทศ เป็นหนึ่งในแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2561 ตามคำสั่งคณะรักษาความแห่งชาติ(คสช.) นั้น สอน.ได้สำรวจราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานลดลง จากเฉลี่ย 19-20 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) เป็นน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 18.18 – 18.31 บาทต่อกก. และราคาน้ำตาลทรายขาวธรรมดา อยู่ที่ 17.06 – 17.22 บาทต่อกก. นอกจากนี้จากยอดการขนย้ายน้ำตาลทรายที่จำหน่ายหน้าโรงงาน ระหว่างวันที่ 16 – 20 มกราคม 2561 มียอดขนย้ายจำนวน 53,000 ตัน (หรือ 530,000 กระสอบ) และในวันที่ 23 มกราคม 2561 ที่ผ่านสอน. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบราคาน้ำตาลทรายที่ห้างค้าปลีก (โมเดิร์นเทรด) พบว่าส่วนใหญ่ปรับราคาลดลงแล้ว โดยเฉลี่ยราคาน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์อยู่ที่ 21.50 บาทต่อกก. จากเดิมราคาอยู่ที่ 23 บาทต่อกก. ทำให้ สอน. มั่นใจว่าน้ำตาลทรายที่ค้างอยู่ก่อนการปรับราคาจำนวน
ลอยตัวน้ำตาลวุ่นไม่เลิก เหตุขาดวิธีปฏิบัติทั้งการขายน้ำตาล การคำนวณค่าอ้อย TDRI ชี้ถ้าไม่ทำมีสิทธิ์ถูกบราซิลฟ้องใน WTO คาดอาจต้องรออีก 2 เดือนถึงจะลอยตัวได้ เหตุยังมีน้ำตาลเหลือค้างสต๊อกในห้างอีก 300,000 ตัน การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ประกาศ “ยกเว้น” การใช้มาตรา 17 (15) แห่ง พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 เฉพาะในส่วนของการกำหนดราคาขายน้ำตาลทรายเพื่อการบริโภคภายในประเทศตั้งแต่ฤดูการผลิตที่ 2560/61 จนถึง 2561/62 หรือที่เรียกกันว่า การปล่อย “ลอยตัว” ราคาน้ำตาลทรายภายในประเทศได้ก่อให้เกิดความสับสนและไม่แน่นอนในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลต่อไปในวิธีปฏิบัติในการคำนวณราคาอ้อยให้กับชาวไร่อ้อย การคำนวณราคาน้ำตาล ณ หน้าโรงงาน การส่งออก-นำเข้าน้ำตาล เนื่องจากคำสั่งที่ 1/2561 ไม่ได้บอกไว้ ประกอบกับเป็นการใช้อำนาจฝ่ายบริหารยกเว้นการบังคับใช้กฎหมาย ในขณะที่ร่าง พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทรายฉบับใหม่ยังไม่สามารถประกาศบังคับใช้ได้ ซุกปัญหาไว้ใต้พรม นายวิโรจน์ ณ ระนอง ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขและการเกษตร สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เจ้าของผลงานข้อเสนอในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงการประกาศลอยตัวน้ำตาลทราย ว่า น้ำตาลยังคงอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม และยังคงเพดานราคาจำหน่ายขายปลีก ไว้ที่ 23 บาท 50 สตางค์ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนจะมีการปรับออกจากบัญชีสินค้าควบคุมหรือไม่ ยังต้องรอกระทรวงอุตสาหกรรมทำหนังสือ เพื่อให้ยกเลิกการกำหนดราคาเพดานดังกล่าวส่งเข้ามาก่อน และยังจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ (กกร.) และนำเสนอเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อมีมติออกมาก่อน ถึงจะยกเลิกได้ ดังนั้นในช่วงนี้หากพบผู้ค้ารายใดจำหน่ายสูงเกินกว่าราคาเพดาน ที่ กกร. กำหนด จะมีความผิด ข้อหาไม่ปฏิบัติตาม ข้อกำหนดของ กกร. มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และจากแนวโน้มราคาน้ำตาลพบว่าลดลง จึงไม่มีเหตุผลที่จะอ้างปรับขึ้นราคาจำหน่ายได้ นอกจากนี้ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้แจ้งมา พบว่าขณะนี้น้ำตาลยังเป็นสต๊อกเก่า ราคาจึงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทีมา : ข่าวสดออนไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมาว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยอาศัยอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่ง ม.44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ เป็นผลให้รัฐยกเลิกการอุดหนุนราคาอ้อยและน้ำตาลทรายโดยตรง ยกเลิกกำหนดโควตาน้ำตาลทราย ยกเลิกกำหนดราคาน้ำตาลหน้าโรงงาน โดยปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำตาลหน้าโรงงานลดลงประมาณ 2-3 บาท จากเดิมปกติ 19-20 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเฉลี่ย 17-18 บาทต่อกิโลกรัมนั้น ล่าสุดจากการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 17 มกราคม เพื่อไปสอบถามชาวไร่อ้อย ในพื้นที่ ต.หนองระเวียง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงกำลังตัดอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลนั้น พบว่ายหลายคนก็รู้สึกกังวัลใจเกี่ยวกับราคาอ้อย ที่จะลดลงไปตามกลไกตลาด นางจำรัส สดโคกกรวด อายุ 50 ปี ชาวไร่อ้อย บ้านทิพย์ประชา ต.หนองระเวียง อ.พิมาย กล่าวว่า ตอนนี้ชาวไร่อ้อยก็ได้รับความเดือดร้อนจากค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูก ซึ่งมีค่าน้ำแรง ค่าน้ำมัน และค่าปุ๋ยบำรุงดูแล ที่ราคาสูงขึ้นทุกปี ตนเองปลูก
นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังจากประกาศลอยตัวราคาอ้อยและน้ำตาลในวันนี้เป็นวันแรกแล้ว จะทำให้ราคาน้ำตาลในประเทศเปลี่ยนแปลงไป โดยคาดว่าราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานจะลดลง ประมาณ 2-3 บาทต่อกิโลกรัม เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 17-18 บาท จากเดิม 19-20 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งคาดว่าราคาน้ำตาลในตลาดลอนดอน พรีเมียน เฉลี่ยจะอยู่ที่ 450 เหรียญต่อปอนด์ แต่ยอมรับว่า ในสัปดาห์นี้ราคาน้ำตาลทรายขายปลีกในประเทศจะยังไม่ลดลง เพราะขณะนี้มีน้ำตาลบางส่วนขอขนส่งออกจากโรงงาน จำนวน 3 แสนตัน จึงทำให้ราคาขายในประเทศอยู่ในราคาเดิม แต่คาดว่าปริมาณทั้งหมดจะขายหมดภายในปลายสัปดาห์นี้ หากเทียบกับการบริโภคน้ำตาลต่อสัปดาห์เฉลี่ยจะอยู่ที่ 4 แสนตัน ดังนั้น ราคาน้ำตาลทรายจะปรับลดลงภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จะต้องออกสำรวจว่าราคาขายน้ำตาลปรับลดลงหรือไม่ ตามหน้าโรงงานหรือไม่ สำหรับการขอคำสั่ง คสช.เพื่อเร่งรัดกระบวนการลอยตัวน้ำตาลให้เร็วขึ้น เนื่องจากแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย 2517 ฉบั
ผู้บริโภคเตรียมแบกรับราคาน้ำตาล 5 บาท ต่อหลัง “สูตรลอยตัวน้ำตาล” จบไม่ลง สอน.เล็งให้ยึดกฎหมายเดิมฤดูกาลนี้ไปก่อน เผยชาวไร่ชงบวกเพิ่มราคาขาย 3 บาท ให้ผู้บริโภคแบกเหมือนเดิม แต่โรงงานหวั่นผิดกฎหมาย หลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เตรียมประกาศลอยตัวน้ำตาลที่ขายภายในประเทศในวันที่ 1 ธันวาคม 2560 และแจ้งว่าจะมีการยกเลิกระบบโควตา ก. (น้ำตาลบริโภคภายในประเทศ) โควตา ข. (ส่งออกโดยผ่านบริษัทอ้อยและนํ้าตาลไทย จำกัด (อนท.) จำนวน 8 แสนตัน) โควตา ค. (น้ำตาลส่งออกไปต่างประเทศ ส่วนที่เหลือโดยหักโควตา ก. และโควตา ข. ออกจากปริมาณน้ำตาลที่ผลิตได้ทั้งหมด) แต่ล่าสุดมีแนวโน้มว่าไม่สามารถประกาศลอยตัวได้ทันภายในวันที่ 1 ธันวาคมนั้น แหล่งข่าวจากวงการน้ำตาล เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้เรื่องการลอยตัวยังมีหลายประเด็นที่ชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลไม่สามารถตกลงกันได้ ส่งผลให้ต้องมีการเลื่อนการประกาศลอยตัวออกไป โดยเฉพาะประเด็นที่ชาวไร่อ้อยมีความพยายามจะให้โรงงานบวกเงินเพิ่มเข้าไปในราคาขาย 2-3 บาท เหมือนกับโครงสร้างเดิมที่ผลักภาระให้ผู้บริโภคด้วยการบวกเงินเพิ่ม 5 บาทเข
นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า กรณีที่สมาคมชาวไร่อ้อยเตรียมประชุมหารือนโยบายการยกเลิกโควตาและลอยตัวน้ำตาลทราย ที่ภาครัฐจะประกาศลอยตัวอย่างเป็นทางการ โดยทางสมาคมชาวไร่อ้อยกังวลว่าหากภาครัฐยังไม่พร้อมก็ควรเลื่อนระยะเวลาการลอยตัวออกไปก่อน เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบในอนาคต “ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายได้เตรียมความพร้อมในการปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2559 ที่ให้ความเห็นชอบแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ และมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2560 ที่รับทราบความคืบหน้ากรณีการเจรจาบราซิลฟ้องไทยอุดหนุนการส่งออกน้ำตาลทรายต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2560 ให้มีการยกเลิกโควตาและยกเลิกการกำหนดราคาน้ำตาลทรายในประเทศ ณ หน้าโรงงานแบบคงที่ โดยปล่อยให้ราคาน้ำตาลเคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลก หรือการลอยตัวราคาน้ำตาลทรายในประเท