ร้อยเอ็ด
เป็ดไล่ทุ่งวันนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เป็ดไล่ทุ่งธรรมดาที่วิ่งแห่ไปตามฝูงเป็ดเมื่อถูกเจ้าของต้อน เพราะเป็ดไล่ทุ่งที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเป็ดไล่ทุ่งที่สามารถทำเงินให้กับเจ้าของเดือนละเกือบ 2 ล้านบาท คุณศิริพร ชาญณรงค์ อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 10 บ้านหว่า ตำบลลำไทรยงค์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ โทรศัพท์ 080-7221409 เล่าให้ฟังว่า ได้ต้อนฝูงเป็ดไข่ไล่ทุ่งมายังตำบลบึงงาม ตำบลเทอดไทย พื้นที่อำเภอเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวนเป็ดต่อฝูงอยู่ที่ 5,000-10,000 ตัว ต้อนฝูงเป็ดไปเรื่อยๆ พร้อมกับนำครอบครัวเคลื่อนย้ายที่พักตามไปด้วย ซึ่งการเคลื่อนย้ายเป็ดเริ่มขึ้นหลังจากที่ชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังแล้วเสร็จ คุณศิริพร เล่าด้วยว่า ฝูงเป็ดของตนมีทั้งหมด 5,000 ตัว เริ่มต้นจากซื้อลูกเป็ดพันธุ์ไข่ตัวเมีย ตัวละ 18 บาท ให้วัคซีน 4 ครั้ง ครั้งละ 4,000-5,000 บาท ขุนเป็ดด้วยหัวอาหารและข้าวเปลือก จากนั้นนำเป็ดไปปล่อยตามทุ่งนา ที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว โดยจ้างรถบรรทุกขนส่ง ราคาตามระยะทางใกล้ไกล ประมาณ 15,000-18,000 บาท “เป็ดจะเก็บข้าวเปลือกที่ตกหล่นตามทุ่งนากิน ใช้เวลาเจริญเติบโตประมาณ 45-60 วัน
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ จัดงานโดยกรมการข้าว ในงานมี “กลุ่มข้าวหอมมะลิเพชรทุ่งกุลาร้องไห้” มาออกร้านแนะนำผลิตภัณฑ์ จากการพูดคุยถึงที่มาที่ไปน่าสนใจเป็นอย่างมาก จุดเริ่มต้น ชาวบ้านเห็นว่า คุณสมภพ ลุนาบุตร ปลูกอินทผลัมกินผล จำหน่ายได้กิโลกรัมละ 500 บาท ต่างจากข้าวหอมมะลิ บางปีกิโลกรัมละ 6-8 บาท จึงอยากให้ข้าวราคาดีบ้าง โดยตั้งเป้าแปรรูปข้าวจำหน่าย คุณสมภพ หนึ่งในแกนนำการก่อตั้งกลุ่มข้าวหอมมะลิเพชรทุ่งกุลาร้องไห้ ตำแหน่งประชาสัมพันธ์ เล่าถึงข้อมูลประวัติความเป็นมาตลอดจนการแปรรูปข้าวเปลือกเป็นข้าวสารว่า กลุ่มตั้งขึ้นเพื่อความอยู่รอดของชาวนาและเกษตรกรในพื้นที่ ผลผลิตที่ได้จากพื้นที่ทำการเกษตรของสมาชิกที่อยู่ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้แห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิเป็นหลัก โดยลักษณะเด่นทั่วไปของข้าวหอมมะลิเพชรทุ่งกุลาร้องไห้นั้นเหมาะสำหรับใช้บริโภคหรือแปรรูป เป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากมีความหอมนุ่ม เมล็ดข้าวสวยงามมีลักษณะที่เรียวยาว ข้าวตราเพชรทุ่ง นุ่มหอม “ข้าวหอมมะลิเพชรทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นข้าวหอมมะลิที่ผลิตภายใต้ชื่อ “เพชรทุ่ง” เป็นข้าวหอมมะลิท
พลังงาน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ในยุคนี้ และนับวันจะมีราคาแพงขึ้น และการใช้ก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์จึงเป็นพลังงานทดแทนที่น่าสนใจ เช่น คุณสุภีร์ ดาหาร ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองโข่ย หมู่ 19 ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ใหญ่สุภีร์ เล่าให้ฟังว่า มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ ทำฟาร์มเห็ดเป็นหลัก โดยผลิตก้อนเชื้อเห็ดหลากหลายชนิดออกจำหน่าย ได้แก่ เห็ดโคนญี่ปุ่น (เห็ดยานางิ) ก้อนละ 12 บาท เห็ดบด เห็ดขอนขาว และเห็ดเป๋าฮื้อ ก้อนละ 8 บาท เห็ดนางฟ้า-นางรม ก้อนละ 7 บาท ส่วนดอกเห็ดโคนญี่ปุ่น กิโลกรัมละ 200 บาท เห็ดบด กิโลกรัมละ 100 บาท เห็ดขอนขาวและเห็ดเป๋าฮื้อ กิโลกรัมละ 80 บาท เห็ดนางฟ้า-นางรม กิโลกรัมละ 60 บาท นอกจากนี้ยังทำกิจกรรมลักษณะไร่นาสวนผสมได้แก่ ปลูกมะม่วง ไผ่ ชะอม มะละกอ เลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์ ปลาดุกในบ่อซีเมนต์ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากก้อนเชื้อเห็ด มีรายได้หมุนเวียนตลอดปี ที่ฟาร์มแห่งนี้ ใช้เป็นที่ทำการศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลท่าพระ เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเพาะเห็ด การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งแต่ละเดือนจะมีการจัดอบรมเกษตรกรและเป็นแหล่งศึกษาดูงาน และยังจัดประกอบอาหารเลี้ยงผู้เข้าอบรม
ที่วิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด นายรังสิต วงษ์แก้ว ประธานกรรมการอาชีวศึกษาจังหวัดร้อยเอ็ด ประธานกรรมการอาชีวศึกษาภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประธานเปิดโครงการสุดยอดนวัตกรรมอาชีวศึกษา การประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ ระดับอาชีวศึกษาจังหวัดร้อยเอ็ด ประจำปี 2560 ขึ้น โดยมีผู้บริหารสถานศึกษาคณะครูบุคลากรที่เกี่ยวข้องนักเรียนนักศึกษา จากสถานศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา 9 สถานศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก นางยุพิน พิมพ์สอน ผอ.วิทยาลัยอาชีวศึกษาร้อยเอ็ด กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนพัฒนาผู้เรียนด้านวิชาชีพ มุ่งเน้นการพัฒนาให้มีความเจริญงอกงามทางด้านสติปัญญา ร่างกายและจิตใจควบคู่กับด้านคุณธรรมจริยธรรม ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ เป็นนักคิด นักประดิษฐ์ นักวิเคราะห์ ที่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ สามารถทำงานเป็นทีมได้อย่างเป็นระบบ ไปสู่คุณภาพของการปฏิบัติงาน มีจิตอาสาบริการต่อสังคม ชุมชน และตนเอง อีกทั้งยังเป็นการคัดเลือก เพื่อเป็นตัวแทนเข้าร่วมงานส
วันที่ 9 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ฝนตกหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างต่อเนื่อง ทำให้เขื่อนในจ.ชัยภูมิ ขอนแก่น และกาฬสินธุ์ รับน้ำมากเกินปริมาณ ต้องระบายน้ำจำนวนมหาศาลลงลำน้ำชีสู่จ.ร้อยเอ็ด ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันระลอกสองที่บ้านเปลือยตาลหมู่ 5 หมู่ 6 ต.ดงสิงห์ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเกิดน้ำท่วมขังหมู่บ้านอยู่แล้วตั้งแต่ ก.ค.60 น้ำยังไม่ลด ทำให้บ้านเรือนราษฎร ถนนหนทาง และนาข้าวจมน้ำมากขึ้นเป็นสองเท่า ระดับน้ำสูง 1-2 เมตร นาข้าวเสียหายสิ้นเชิงและเน่าแล้ว 5,000 ไร่ ต้องอพยพราษฎร ยวดยานพาหนะและสัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง โดยตั้งศูนย์พักพิงอยู่ที่โรงเรียนบ้านเปลือยตาล ขณะนี้ระดับน้ำยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กว่า 1 เมตรแล้ว นางทองหล่อ ทักขินัย ผู้ใหญ่บ้านบ้านเปลือยตาล หมู่ 16 กล่าวว่า บ้านเปลือยตาล มี 2 หมู่บ้าน คือหมู่ 5 และหมู่ 16 หมู่ 5 นำโดยผู้ใหญ่ธนวัฒน์ อ่อนสาคร มี 101 ครัวเรือน ส่วนหมู่ 16 ตนเป็นผู้ใหญ่ มี 125 หลังคาเรือน ขณะนี้น้ำท่วมบ้านเรือนราษฏรขยายตัวไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่าน้ำจะท่วมนานเพราะรอบแรก น้ำก็ยังไม่ลด และยังมาท่วมเพิ่มอีก คราวนี้เป็นระลอกสอง แต่ท่วมหนักกว่าร
ร้อยเอ็ด – นายจิรศักดิ์ ผาติเจริญชัย ผู้จัดการฟาร์โรฟาร์ม 101 ถนนเลี่ยงเมือง ตำบลหนองแวง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การสร้างฟาร์โรฟาร์ม 101 ต้องการให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือแลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งของร้อยเอ็ด สำหรับผู้ที่ชื่นชอบม้า ได้ลองขี่ม้า ได้ศึกษาเรียนรู้พฤติกรรมของม้า การเลี้ยงม้า และการให้อาหาร โดยบริการฟรี ไม่มีค่าบริการแต่อย่างใด ฟาร์มนี้มีม้า 3 สายพันธุ์ ประกอบด้วย สายพันธุ์อเมริกัน อาร์เจนตินา และอาราเบียน กว่า 30 ตัว อีกทั้งยังมีนกหลากหลายสายพันธุ์จากต่างประเทศ อาทิ นกกระจอกเทศ นกพิราบแอฟริกา และ ปลาช่อนอเมซอน และตนเองยังเป็นนักกีฬาขี่ม้าแชมป์ประเทศไทย พร้อมมีทีมนักกีฬาขี่ม้าหลายรุ่นคอยดูแล นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหาร “ฟาร์โรฟาร์ม คาเฟ่” ไว้รองรับให้บริการ สนใจเข้าชม โทร. (089) 406-1771 ขอบคุณข้อมูลจากข่าวสด