ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง
ซุกิ กับคนไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ ซุกิ คือ ปลาช่อนทะเล ที่นำมาอัพเวอร์ชั่นใหม่ให้เป็นปลาช่อนทะเลคุณภาพสูงที่มีความอร่อยขึ้น เป็นปลาช่อนทะเลที่แข็งแรง ทนต่อโรค เลี้ยงง่าย โตไว ได้รับอาหารดี คนกินก็ได้กินเนื้อปลาที่อร่อยมากขึ้นกว่าปลาช่อนทะเลทั่วไป โดยคงคุณสมบัติที่ดีเลิศไว้ เป็นปลาที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด ด้วยคุณสมบัติโปรตีนสูง มีโอเมก้า 3 และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว DHA สูง และมีไขมันดีแทรกตัวอยู่ เมื่อกัดเข้าไปแล้วจะมีความชุ่มฉ่ำ Juicy เพิ่มอรรถรสในการกินเมนูนั้นมากขึ้น อีกทั้งเนื้อปลายังมีความขาว แน่น ทรงตัวและคงรูป จึงเป็นที่สนใจของเชฟ ร้านอาหาร คนที่รักในการทำอาหารและรักสุขภาพอย่างมาก ความต้องการที่จะผลักดันให้ปลาช่อนทะเล ของดีจากทะเลไทยเป็นหนึ่งในใจผู้บริโภคและเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ทำให้โครงการ Booster โดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านการวิจัยเพาะเลี้ยงกระชังน้ำลึกจากรัฐบาลนอร์เวย์ หลังจากเหตุการณ์สึนามิ เพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของชาวภูเก็ต มาจับมือร่วมกัน
ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดกาญจนบุรี เป็นอีกหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเพาะพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ นับเป็นภารกิจหลักที่สำคัญที่กรมประมงได้มอบหมายให้รับผิดชอบ นอกจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดกาญจนบุรีจะมีหน้าที่ผลิตสัตว์น้ำแล้ว อีกหนึ่งบทบาทที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดกาญจนบุรีรับผิดชอบ นั้นก็คือ การศึกษา ทดลอง วิจัยสัตว์น้ำจืดของไทย ซึ่งรวมไปถึงการผลิตหอยมุกน้ำจืดที่ทำการศึกษาอยู่ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ศึกษาเพาะขยายพันธุ์หอยมุกน้ำจืด ประจำศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดกาญจนบุรี เล่าให้ฟังว่า หอยมุกน้ำจืด จัดเป็นหอยประเภทสองฝา มีขนาดใหญ่ เปลือกหนา และภายในมีความแวววาวของชั้นมุก ซึ่งนอกจากจะมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศทางน้ำแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์อีกหลายด้าน เช่น การนำเนื้อมาใช้เป็นอาหารของคนและสัตว์ การนำเปลือกมาทำเป็นเครื่องประดับ เครื่องใช้ เครื่องเรือนประดับมุก นอกจากนี้ ยังนำมาใช้ในการผลิตไข่มุกน้ำจืด เพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอัญมณี เครื่องสำอางและยา ประเทศไทยได้มีการนำเปลือกหอยมุกน้ำจืดมาใช้ประโยชน์เป็นเวลานานและยังมีรายงานว่า ได้มีการรวบรวมเปลือก
“ปลากะพงขาว” เป็นปลาน้ำกร่อย ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศไทย มีการเพาะเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย ในบริเวณเขตจังหวัดชายทะเล เนื่องจากเลี้ยงง่ายและเนื้อมีรสชาติดี เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้เกษตรกรมีการเพาะเลี้ยงปลากะพงขาวจำนวนมาก แต่ในปัจจุบันเกษตรกรยังต้องประสบปัญหาเกี่ยวกับต้นทุนในการเลี้ยงปลากะพงขาว เนื่องจาก 60 เปอร์เซ็นต์ ของต้นทุนการเลี้ยง เป็นค่าอาหาร ทั้งแบบการใช้ปลาสดจากธรรมชาติ และการใช้อาหารสำเร็จรูป นอกจากนี้ อาหารแต่ละชนิดยังมีคุณค่าทางอาหารและโภชนาการที่แตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้น การพัฒนาดัชนีชี้วัดการเจริญเติบโตของปลากะพงขาวที่ตอบสนองต่อโภชนาการ เพื่อให้ได้อาหารที่มีโภชนาการดีและทำให้ปลามีการเจริญเติบโตดี โดยเฉพาะส่วนของเนื้อปลากะพงขาวจะสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรได้ ทีมนักวิจัยกรมประมง จึงได้ศึกษา “การใช้หน่วยพันธุกรรม Insulin-like Growth Factor (IGF) และ Myostatin (MSTN) เพื่อเป็นดัชนีวัดการเจริญเติบโตประเมินคุณค่าทางอาหาร และกระตุ้นการเจริญเติบโตของปลากะพงขาว ดร. พิชญา ชัยนาค นักวิชาการประมงชำนาญการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาปร