ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ หมู่ที่ 5 ตำบลช้างซ้าย อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช มี นายช่วง สิงโหพล เป็นหัวหน้าศูนย์ หนึ่งในศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ จากจำนวน 221 แห่งทั่วประเทศ ที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ( สำนักงาน กปร. ) ได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์การประเมินและกระบวนการตามหลัก Plan Do Check Act : PDCA จัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ ในโครงการขยายเสริมเพิ่มเครือข่ายศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ อีกหนึ่งกลยุทธ์ในการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ที่มีอยู่ให้กระจายครอบคลุมทุกพื้นที่ และสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงให้แก่เกษตรกรหลากหลายสาขา ได้แก่ ด้านเกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรอินทรีย์ ประมง ปศุสัตว์ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และอื่นๆ เพื่อให้ผู้สนใจได้เข้าไปศึกษาหาความรู้ นำมาประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพให้เกิดความยั่งยืนต่อไป สำหรับนายช่วง สิงโหพล ปัจจุบันมีอาชีพเป็นเกษตร เดิมเป็นข้าราชการบำนาญอยู่กับภรรยาพื้นที่ทำกินสภาพเดิม ดินเสื่อมโทรมต้องปรับปรุงก่อนปลูกพืช จึงสมัครเป็นหมอดินอาสาในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้
หากเอ่ยชื่อ คุณสังวาลย์ พิมลรัตน์ หรือ “ป้านวย” หญิงสูงอายุ วัย 64 ปี ผู้ที่อยู่ในแวดวงกสิกรรมธรรมชาติ คงเคยได้ยินชื่อ เพราะป้านวย คือผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนต้นแบบบ้านพะงุ้น หมู่ที่ 2 ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ซึ่งป้านวย เล่าว่า ตนเองเกิดและเติบโตที่บ้านพะงุ้น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย มีอาชีพทำสวน ทำไร่ไถนา ปลูกผัก เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ ในปี 2547 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีโครงการพักชำระหนี้ มีคนมาถามว่าป้านวยจะเข้าร่วมโครงการที่โครงการปฐมอโศก จังหวัดนครปฐม ด้วยไหม ป้านวยตอบว่า ป้านวยไม่มีหนี้ เขาก็บอกว่าโครงการมีโควต้าอยู่ 50 คน แต่ขาดอยู่ 1 คน ป้านวยจึงเข้าร่วมด้วยในลักษณะมวยแทน โดยได้รับความรู้จาก สมณะโพธิรักษ์ (พระโพธิรักษ์ในขณะนั้น) พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และ คุณวิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือ อาจารย์ยักษ์ ได้รับความรู้ในเรื่องการทำน้ำยาอเนกประสงค์ต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน การทำปุ๋ยหมัก การทำอาหารปลอดสารพิษ การทำเกษตรอินทรีย์ ฯลฯ โดยลงพื้นที่จริง ป้านวยจึงรู้สึกชอบ เมื่อจบโครงการจึงนำความรู้กลับมาทำที่บ้าน “เริ่มแรกจากการทำสบู่ ทำน้ำยาซักผ้า น้ำยาล
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ที่พระราชทานให้คนไทยเมื่อ 30 กว่าปีก่อน มีความทันสมัยและใช้ได้ผลดีตลอดเวลา เพราะการดำเนินชีวิตโดยยึดหลักทางสายกลางและความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ช่วยให้คนไทยก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เขียนมีโอกาสติดตาม คุณวันชัย นิลวงศ์ เกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คุณวิจิตร คงสงฆ์ เกษตรอำเภอบางสะพาน คุณเบญจพร ตั้งวิชัย นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และ คุณธนนันท์ สนสาขา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปเยี่ยมชมกิจการสวนเกษตรผสมผสานของ คุณประเสริฐ ยุวกาฬกุล ที่ทำรายได้ทะลุหลักล้านได้ไม่ยาก แค่ใช้หลัก “การตลาดนำการผลิต” คุณวันชัย นิลวงศ์ เกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า คุณประเสริฐ ยุวกาฬกุล เกษตรกรต้นแบบด้านเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบัน เขาเป็นเกษตรกรหัวก้าวหน้าที่มีจิตสาธา
บนเนื้อที่ 11 ไร่ ภายในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้จัดสรรพื้นที่จัดทำเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตามปณิธาน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปัจจุบันได้ผสมผสานกับโครงการ โคก หนอง นา โมเดล ในการทำเป็น “ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิถีไทย” เพื่อเปิดกว้างให้นักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ เพื่อนำไปต่อยอดใช้ดำรงชีวิตแบบพอเพียงตามปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งนี้ นาวาตรี ทองสุข ถาวงษ์กลาง รองประธานศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิถีไทย และ พันจ่าเอก ทัศ นิลบุตร ผู้ดูแลชุดผู้ปฏิบัติฯ รับผิดชอบศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิถีไทยได้พาสื่อมวลชนชมพื้นที่บริเวณโดยรอบศูนย์พร้อมอธิบายในทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มลงมือปลูกพืชผักต่างๆ กรรมวิธี เทคนิคในการปรุงดินจนถึงนำไปจำหน่ายสร้างรายได้ นาวาตรี ทองสุข อธิบายว่า หลักการของเราคือ ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ให้การสนับสนุนเต็ที่ดินโดยได้รับนโยบายจากกองทัพเรือ ในการน้อมนำเอาแนวความคิดปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นศาสตร์ความรู้ ความพัฒนา ที่ยั่งยืนของ
วันนี้เป็นอีกวันที่ได้พบปะพูดคุยกับคนมีอาชีพอิสระ คุณขจรศักดิ์ เบ็ญชัย อาชีพทนายความและเป็นอดีต ส.อบจ.สกลนคร เขตอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เจ้าตัวบอกว่า แม้จะมีอาชีพทนายความ และชอบทางการเมือง แต่สิ่งที่ไม่เคยทิ้งไปคือการทำนา ทำเกษตร เลี้ยงสัตว์ ที่พ่อแม่ และบรรพบุรุษ ยึดทำเป็นอาชีพหลัก และก็ได้ซึมซับเอาไว้ในตนเองตลอดเวลา เมื่อมีจังหวะและโอกาส ก็จะออกไปที่ทุ่งนา ป่าไม้ที่ซื้อหามาด้วยแรงกายของตนเองส่วนหนึ่ง คุณขจรศักดิ์ ได้ทดลองปลูกพืชหลากหลายชนิดในที่ดิน เช่น มะนาว มะละกอ มะม่วง ตลอดจนทุเรียน จำนวนมากว่า 100 ต้น ปรากฏว่าทุเรียนรอดมาเพียงต้นเดียว จึงซื้อวัว เป็ด ไก่ มาเลี้ยง เป็นเกษตรผสมผสาน แต่ก็มักเดินทางไปศึกษาหาความรู้จากเกษตรกรรายอื่นๆ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการลงทุนทำเกษตร โดยครั้งนี้คุณขจรศักดิ์ ได้ชวนไปศึกษาเกษตรแปลงใหญ่ด้านโคเนื้อ ที่บ้านตาดโตน ตำบลหนองสนม อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ใช้พาหนะเป็นรถปิกอัพ (กระบะ) มุ่งหน้าจากจังหวัดสกลนคร ตามถนนสายสกลนคร-อุดรธานี ผ่านหมู่บ้านดงมะไฟ ที่เป็นหมู่บ้านปั้นเตา ราว 40 กิโลเมตร ผ่านตัวอำเภอพรรณานิคม และวิ่งมาอีก 15 กิโลเมตร เข้าอำเภอพังโ
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ตรวจเยี่ยมโครงการ “การผลิตไก่พื้นเมืองและไก่ลูกผสม เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของชุมชนอย่างยั่งยืน” ณ พื้นที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการเกษตร ตำบลสามัคคี อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ วช. ในฐานะหน่วยงานให้การสนับสนุนทุนวิจัย ได้จัดสรรทุนอุดหนุนการวิจัยโครงการจัดการความรู้การวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์เชิงชุมชน สังคม ตามแนวพระราชดำริ ประจำปีงบประมาณ 2562 แก่ ดร.จิระนันท์ อินทรีย์ และคณะ แห่งมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการเลี้ยงไก่พื้นเมืองแก่เกษตรกร กลุ่มอาชีพในชุมชน และการวางแผนต้นทุนการผลิตและการจัดการทางการตลาด พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดการสร้างเครือข่ายเกษตร กลุ่มอาชีพผู้ผลิตไก่ พื้นเมือง และไก่พื้นเมืองลูกผสม ซึ่งเป็นโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยการนำเกษตรทฤษฎีใหม่เป็นแนวทางในการลดปัจจัยนำเข้า ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้นำมาซึ่งชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ พื้นที่กลุ่มเป้าหมายในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัย จะต้องมีความเข้มแข็ง พึ
โรงเรียนที่เปิดรองรับนักเรียนเข้าศึกษาในพื้นที่อำเภอปากพนัง เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา ปัจจุบันมีหลายแห่ง แต่ถ้าเป็นโรงเรียนเทศบาลที่ก่อตั้งมานานและอยู่ในความดูแลของรัฐบาล มีไม่กี่แห่ง และโรงเรียนเทศบาลปากพนัง 1 ก็เป็นหนึ่งในหลายโรงเรียนที่สามารถปลูกฝังนักเรียนให้มีความรู้ ความสามารถ ไม่น้อยไปกว่าโรงเรียนเอกชนแห่งอื่นในพื้นที่อำเภอปากพนัง โรงเรียนหลายแห่งในอำเภอปากพนัง มีการแข่งขันในเชิงวิชาการค่อนข้างสูง โรงเรียนเทศบาลปากพนัง 1 ก็เช่นกัน แต่ในการแข่งขันในเชิงวิชาการ โรงเรียนเทศบาลปากพนัง 1 ก็มีมุมของการส่งเสริมการเรียนรู้ในทุกๆ ด้านอย่างพอเพียงไปพร้อมกัน ดร. สุชาติ เอียดวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลปากพนัง 1 บอกว่า คำว่า “พอเพียง” ในรัชกาลที่ 9 ไม่ได้นำมาใช้เฉพาะกับงานเกษตร แต่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกด้านในชีวิต โดยนำมาส่งเสริมให้เข้ากับแต่ละวิชา ซึ่งอาจารย์แต่ละสาขาวิชาที่มีอยู่ 77 คน ก็เข้าใจในสิ่งที่ต้องถ่ายทอดให้กับลูกศิษย์ให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกันให้ได้ เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และแทรกซึมเข้าไปในการดำรงชีวิตทุกๆ ด้าน มุ่งหวังให้ลูกศิษย์นำไปใช้ได้จริง โรงเรียนเทศบาลปากพนัง 1