สถานการณ์ยางพารา
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้เรียกนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร และนายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้ง 2 คน เข้าหารือเพื่อติดตามงานในช่วง 2 เดือนหลังเข้ารับตำแหน่ง และได้สอบถามถึงการติดตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และได้สั่งการงานที่จะเดินหน้าจากนี้ต่อไปว่า ต้องดำเนินการในเรื่องที่กระทบปากท้องชาวบ้าน ทั้งเรื่องของราคาหมู ไข่ไก่ ยางพารา เป็นต้น เพราะเรื่องปากท้องชาวบ้านเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กระทรวงเกษตรฯต้องเร่งจัดการ ส่วนงบประมาณรายจ่ายกลางปีจำนวน 150,000 ล้านบาท กระทรวงเกษตรฯ ได้งบประมาณ 30,000 ล้านบาท แต่นายกฯ ได้ออกหลัก 9 ประการ และระบุว่าให้กระทรวงมหาดไทยเป็นคนรับผิดชอบประสานงานกับเจ้าหน้าที่จากทุกกระทรวง โดยมีการสำรวจความต้องการของประชาชน ในส่วนของเกษตรฯ รับผิดชอบดูว่าเงิน 30,000 ล้านบาท ทำแผนอะไรบ้าง แต่ยืนยันไม่มีการแบ่งเงินจำนวน 15,000 ล้านบาท ไปดูแลชาวสวนหรือมุ่งไปดูแลราคายางพาราแต่อย่างใด เพราะรายละเอียด กระทรวงฯ ยังต้องหารือกันก่อน สำหรับเรื่องยางพาราที่ครม. มีมมีติแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำแล้ว ก็ให้ติดตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ดำเนินการรอะไรไปแล้วบ้าง ถึงไห
การยางแห่งประเทศไทย กยท. เร่งเครื่องเดินหน้าโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ เปิดรับสมัครสถาบันเกษตรกร/เกษตรกรชาวสวนยาง เข้าร่วมโครงการ รับซื้อยางจากเกษตรกรในราคาเป็นธรรมพร้อม ป้อนหน่วยงานรัฐ ผลักดันการใช้ยางภายในประเทศ กระตุ้นเสถียรภาพราคายาง ย้ำไม่มีการเก็บสต็อกยางแบบที่ผ่านมา นำร่องล็อตแรก 1,200 ตัน ใน 5 จังหวัด ดีเดย์ 15 ม.ค. นี้ นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยด้านบริหาร เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ เป็นหนึ่งในนโยบายของทางรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและผลักดันราคายางให้เกิดเสถียรภาพ เปิดรับสมัครเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเข้าร่วมโครงการ โดย กยท. จะรับซื้อยางเพื่อขายให้กับหน่วยงานภาครัฐที่ยื่นข้อมูลปริมาณความต้องการใช้ยางในเบื้องต้น ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงยุติธรรม มีระยะเวลาในการดำเนินโครงการตั้งแต่มกราคม – กันยายน 2561 โดยมีเป้าหมาย 200,000 ตัน นายสุนันท์ กล่าวต่อว่า การซื้อยางจากสถาบันเกษตรกร/เกษตรกรชาวสวนยาง
คุณสุนันท์ นวลพรหมสกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยด้านบริหาร กล่าวว่า จากสถานการณ์ยางพาราในประเทศไทยหลายปีที่ผ่านมา ราคาตกต่ำค่อนข้างน่าเป็นห่วง ถ้าเปรียบเทียบราคาเมื่อตอน ปี 2540-2548 ราคายางพาราจะดี แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาราคาตก สืบเนื่องจากหลายปัจจัย แต่ปัญหาที่เห็นได้ชัดเจนคือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เพราะผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากยางทั้งหมดทั่วโลกที่เราใช้ทำมาจากยางแท้เพียง 40 เปอร์เซ็นต์ อีก 60 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือทำมาจากยางสังเคราะห์ผสมกับน้ำมัน ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขึ้นราคา ยางก็จะขึ้นตามไปด้วย ในสัดส่วน 40 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นยางธรรมชาติราคาจะปรับขึ้นไปด้วย เกิดภัยทางธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ ยกตัวอย่าง เมื่อ ปี 2554 เกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ในขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตยางมากที่สุดในโลก แต่ผลผลิตเสียหายจากน้ำท่วม ปริมาณการส่งออกไม่พอ ต่างชาติก็ต้องไปหาจากแหล่งอื่น มีการเกร็งกำไรในตลาดล่วงหน้าของผู้ค้ายาง เปรียบเหมือนตลาดหุ้นมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันตลอด และอัตราการแลกเปลี่ยนในปีหน้ากับปีที่ผ่านๆ มาค่อนข้างจะต่างกัน ค่าเงินดอลลาร์ลดลง เงินบาทแข็งค่า ผลกลับมาจะน้อย
เมื่อ วันที่ 19 ธันวาคม 2560 คณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบ 6 โครงการ ช่วยเหลือและแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบ เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคา ดร.ธี ธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ 6โครงการ เพื่อแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบ ตามแนวนโยบายดูดซับปริมาณยาง เพิ่มปริมาณการใช้ และลดปริมาณผลผลิต เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาและความยั่งยืนในการประกอบอาชีพการทำสวนยาง ดูดซับปริมาณยาง โครงการชดเชยดอกเบี้ย 3% เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) เพื่อใช้ในการเก็บรวมรวมยาง ในวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อดูดซับปริมาณยางออกจากระบบประมาณร้อยละ 11 ของผลผลิตยางแห้ง 350,000 ตันจากผลผลิตทั้งปี โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยในอัตราตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี (ไม่เกิน 600 ล้านบาท) ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 ถึงเดือนธันวาคม 2562 และมีระยะเวลาการชำระเงินคืนเงินกู้ไม่เกิน 1 ปีนับจากวันทำสัญญาต่อปี โครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพารา (วงเงิน 5,000 ล้านบาท) ซึ่งรัฐบาลเห็นชอบแนวทา
กยท.เปิดทางจีน ‘ชิโนเคม-ไห่งหนาน-เหินฟง’ กินรวบยางไทย หลังอินโดฯ-มาเลย์เมินร่วมมือไทยลดส่งออก ขอลืมอดีตผิดสัญญาเบี้ยวจ่าย ชี้ไม่โดนแบล๊กลิสต์ยังซื้อขายได้ หวังเพิ่มผู้ซื้อในตลาด ดันราคาพุ่ง นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า กยท.ได้เรียก บริษัท ชิโนเคม (SINOCHEM) และ บริษัท ไชน่าไห่หนานรับเบอร์อินดัสทรี กรุ๊ป จำกัด 2 บริษัทของประเทศจีนเข้าหารือ เพื่อเจรจาซื้อ-ขายยางผ่าน กยท. โดยให้ กยท.เป็นผู้รวบรวมปริมาณยางพารา ทั้งนี้ การซื้อ-ขายยางรอบใหม่จะไม่ทำสัญญายาว แต่จะทำสัญญาเดือนต่อเดือน ซื้อ-ขายตามราคาตลาด ขณะนี้ อยู่ระหว่างสรุปปริมาณความต้องการยางของผู้ซื้อ โดยยางที่ 2 บริษัทของประเทศจีนต้องการเป็นยางแท่ง และยางแผ่นรมควัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถซื้อ-ขายและส่งมอบยางล็อตแรกในเดือนกรกฎาคมนี้ “ยอมรับในตลาดยางไทยไม่มีใครแล้ว เลยต้องเชิญ 2 ผู้ซื้อจีนที่ในอดีตผิดนัดสัญญาซื้อ-ขายและส่งมอบยางพารากับ กยท. อย่างน้อยถือเป็นการเพิ่มผู้ซื้ออีกครั้ง การเจรจาซื้อ-ขายยางรอบนี้ ไม่เกี่ยวกับสัญญาเดิม ถือว่าจบแล้วไทยฟ้องร้องไปแล้ว ส่วนการซื้อ-ขายรอบใหม่เป็นเรื่องใหม่ มันเป็นธุรกิจ” นาย
ทุบราคายาง ! สัปดาห์เดียวร่วงกราวรูด10 กว่าบาท/กก. พ่อค้ารายย่อย สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรสต๊อกยางไว้ขายเจ็บตัวระนาว ขาดทุนยับ ร้องรัฐบาลงัด พ.ร.บ.ควบคุมยาง 2542 มาคุมเสถียรภาพราคายาง ด้านผู้ว่าการ กยท.สั่งเลื่อนประมูลขายยางครั้งที่ 4 ออกไปเดือน เม.ย.นี้ แหล่งข่าวจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการ กยท.จะเสนอเลื่อนการประมูลยางงวดที่ 4 ในโกดังที่ภาคใต้ซึ่ง กยท.เช่าเอกชนเก็บประมาณ 1.2 แสนตันสุดท้าย ซึ่งเดิมจะประมูลกลางเดือนมีนาคมนี้ออกไปเป็นเดือนเมษายนนี้ต่อคณะกรรมการบริหาร กยท.ในวันที่ 9 มีนาคมนี้ว่า จะเปิดประมูลในวันใดของเดือนเมษายน ซึ่งช่วงนั้นเกษตรกรทั่วประเทศหยุดกรีดยางแล้ว สาเหตุที่ขอเลื่อนการประมูลในครั้งนี้ เนื่องจากนักลงทุนซื้อขายยางในตลาดล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้กดราคายางลงมาก ทำให้กลุ่ม 5 เสือค้ายางรายใหญ่ของไทยที่ส่งสินค้าให้จีนต้องกดราคารับซื้อ หรือกดราคาประมูลซื้อในไทยอีกต่อหนึ่ง และช่วงนี้ค่าเงินบาทค่อนข้างแข็งอยู่ในระดับ 35 บาท/เหรียญสหรัฐ ทำให้ราคายางที่จะรับซื้อจากเกษตรกรต้องลดลงโดยอัตโนมัติด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้จ