สวพ.8
นายไพศอล หะยีสาแระ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลา เปิดเผยว่า จังหวัดยะลา มีพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่เป็นสวนยางพารา 1,246,055 ไร่ และสวนไม้ผล 127,088 ไร่ ไม้ผลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ทุเรียน ลองกอง และมังคุด เป็นต้น ส่วนข้าวมีพื้นที่ปลูก 44,275 ไร่ พืชผัก 5,924 ไร่ และพืชไร่ 1,833 ไร่ ซึ่งจะเห็นว่าเกษตรกรมีการพึ่งพารายได้หลักจากยางพาราที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัด จึงถือว่าความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะในช่วงที่โรคใบร่วงยางพารากำลังระบาดเพิ่มขึ้นได้ส่งผลทำให้รายได้เกษตรกรลดลงเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นก็พบว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และภาวะสงคราม ได้ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรทั้งในเรื่องต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และการตลาดมีข้อจำกัดมากขึ้นศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลา (ศวพ.ยะลา) สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 (สวพ.8) กรมวิชาการเกษตร เล็งเห็นว่าหากเกษตรกรพึ่งพารายได้จากพืชเชิงเดี่ยวเป็นหลัก ก็จะส่งผลให้มีความเสี่ยงเรื่องการขาดความมั่นคงทางอาหารในภาพรวม จึงได้จัดทำโครงการวิจัยและพัฒนาการจัดการผลิตพืชเพื่อเพิ่มเสถียรภาพด้านรายได้และความมั่นคงด้านอาหารของชุมชนนวัตก
สวพ.8 สุดเจ๋งผุดโครงการ“ชุมชนต้นแบบ พืชสมุนไพรต้านโควิด-19” เชิงพาณิชย์ ระดมคนในชุมชนปลูกสมุนไพรยอดฮิต ฟ้าทะลายโจร ขิงและกระชายขาว เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและเพิ่มผลผลิตรองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 วางเป้าสร้างรายได้ให้เกษตรกรในชุมชนไม่น้อยกว่า 2.5 ล้านบาท/ปี นายจิระ สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 สงขลา (สวพ.8) กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างความวิตกให้แก่ประชาชนอย่างมาก ปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยรายวันที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบจ่อภาคเกษตรอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง อาทิ มีการบริโภคและกระจายสินค้าเกษตรน้อยลงเนื่องจากมีการปิดตัวของตลาดในชุมชนทำให้เกษตรกรขายสินค้าได้ได้น้อยลงและทำให้สินค้าเกษตรหลายชนิดมีราคาตกต่ำลง นำไปสู่รายได้ที่ต่ำลง และเกิดผลกระทบต่อเนื่องในทั้งทางเศรษฐกิจและ สังคมในที่สุด จากสถานการณ์ดังกล่าว สวพ.8ได้จัดทำโครงการ “ชุมชนต้นแบบ พืชสมุนไพรต้านโควิด 19” ขึ้นมาช่วยเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนและพัฒนาชุมชนเกษตรในการผลิตสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ขิง กระชายขาว เพื่อเพิ่มปริมาณสมุน