สับปะรดโรงงาน
นางสาวศิริพร จูประจักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 ราชบุรี (สศท.10) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การผลิตสับปะรดโรงงาน ปี 2565 ของภาคตะวันตก ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี เพชรบุรี และกาญจนบุรี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตหลักที่สำคัญ มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวสับปะรดโรงงานคิดเป็นร้อยละ 55 ของเนื้อที่เก็บเกี่ยวทั้งประเทศ มีเกษตรกรผู้ปลูกรวม 16,903 ครัวเรือน ซึ่งจากการติดตาม (ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2565) พบว่า ปี 2565 เนื้อที่เก็บเกี่ยว 4 จังหวัด รวม 253,237 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 249,985 ไร่ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1) เนื่องจากราคาสับปะรดปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่ และบางส่วนปลูกแซมสวนยางพาราและสวนมะพร้าว ด้านผลผลิต มีจำนวนรวม 937,672 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 895,603 ตัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 5) เนื่องจากสับปะรดที่ปลูกช่วงปลายปี 2563 และช่วงต้นปี 2564 เริ่มให้ผลผลิต ประกอบกับสภาพอากาศเอื้ออำนวย มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอต่อการเจริญเติบโต หากมองถึงสถานการณ์สับปะรดโรงงานในพื้นที่ทั้ง 4 จังหวัด จากข้อมูลพยากรณ์ พบว่
นายสุชัย กิตตินันทะศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 จังหวัดชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะทำงานพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านพืชภาคตะวันออก ซึ่ง สศก. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเก็บและสำรวจข้อมูลจากเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในข้อมูลของแต่ละกรมที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แต่ละจังหวัด เช่น กรมชลประทาน กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว และการยางแห่งประเทศไทย จำนวน 4 สินค้า ได้ ข้าวนาปี ปีเพาะปลูก 2561/62 สับปะรดโรงงาน ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ปี 2561 คณะทำงานฯ ได้ให้ความเห็นชอบรับรองข้อมูล (ณ 14 มิถุนายน 2562) ดังนี้ ข้าวนาปีภาคตะวันออก ปีเพาะปลูก 2561/62 รวม 9 จังหวัด (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ) มีเนื้อที่เพาะปลูก 2,227,121 ไร่ ลดลงจากปี 2560/61 ร้อยละ 0.66 เนื่องจากนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องการลดพื้นที่ปลูกข้าวในพื้นที่นาไม่เหมาะสม และเกษตรกรส่วนหนึ่งที่มีพื้นที่เป็นนาดอนปรับเปลี่ยนปลูกพืชอื่นทดแทน เช่น ไม้ผล อ้อยโรงงาน ยูคาลิปตัส หมาก ส่วนที่นาลุ่มปรับเปลี่ยนเ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจงรายละเอียดข้อมูลต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งการคิดคำนวณต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรของ สศก. จะประกอบด้วย ต้นทุนที่เป็นเงินสด คือ ต้นทุนที่เกษตรกรจ่ายด้วยเงินสด ได้แก่ ค่าพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่ายาและสารเคมี ค่าจ้างแรงงาน และค่าน้ำมัน และต้นทุนที่ไม่เป็นเงินสด คือ ต้นทุนที่เกษตรกรไม่ได้ใช้เงินจ่าย เช่น แรงงานในครัวเรือน ปุ๋ยคอกในฟาร์ม ค่าใช้ที่ดินของตนเอง ค่าเสียโอกาสและค่าเสื่อมอุปกรณ์การเกษตร ซึ่งเมื่อนำต้นทุนทั้ง 2 ประเภทมารวมกัน จะเรียกว่า ต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ โดยทุกครั้งที่มีการเผยแพร่ข้อมูลต้นทุนในเอกสารต่างๆ จะมีการระบุหมายเหตุให้ผู้ใช้ข้อมูลทราบว่า เป็นต้นทุนเงินสด หรือเป็นต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ ไว้ด้วยทุกครั้ง สำหรับการคิดคำนวณต้นทุนแบบเงินสด จะทำให้ทราบว่าค่าใช้จ่ายในช่วงระยะเวลาการผลิตที่เกษตรกรจ่ายในรูปแบบเงินสดเป็นเท่าใด และสามารถนำมาใช้วางนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรได้อย่างถูกต้องและตรงประเด็น อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายเงินสดบางอย่างอาจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ค่าจ้างแรงงาน ซึ่ง สศก. จะคิดแบบค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ
นางสาวจริยา สุทธิไชยา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส 1 ปี 2562 พบว่า ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส 1 ขยายตัวได้ในระดับต่ำหรือค่อนข้างทรงตัว เป็นผลมาจากอัตราการขยายตัวของสาขาพืชที่ชะลอลงเป็นหลัก (มูลค่าการผลิตของสาขาพืชมีสัดส่วนสูงสุดในภาคเกษตร) อย่างไรก็ตาม การผลิตพืชเศรษฐกิจหลายชนิดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และลำไย ยกเว้นอ้อยโรงงาน ซึ่งมีมูลค่าการผลิตสูงสุดในสาขาพืชในไตรมาสแรก กลับมีผลผลิตลดลงค่อนข้างมาก ด้านการผลิตสินค้าปศุสัตว์โดยรวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการขยายการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาด รวมทั้งมีการจัดการฟาร์มที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ส่วนการผลิตสินค้าประมง ผลผลิตกุ้งทะเลเพาะเลี้ยงเริ่มปรับตัวดีขึ้น และการทำประมงทะเลและการเลี้ยงสัตว์น้ำจืดมีทิศทางเพิ่มขึ้น สำหรับรายละเอียดในแต่ละสาขา พบว่า สาขาพืช ไตรมาส 1 ปี 2562 ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 สำหรับ ข้าวนาปี มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากร
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 ลงพื้นที่อุทัยธานี เก็บข้อมูลอัตราค่าจ้างแรงงานและราคาปัจจัยการผลิตสับปะรดโรงงาน เพื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของเกษตรกร เผย เกษตรกรมีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เฉลี่ย 833 กก./ไร่ ปุ๋ยเคมี เฉลี่ย 40.5 กก./ไร่ แนะเกษตรกร ดึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผสานเทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อลดต้นทุนการผลิต เน้นผลผลิตที่มีคุณภาพ ตลาดรองรับ นายคมสัน จำรูญพงษ์ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 จังหวัดนครสวรรค์ (สศท.12) ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลอัตราค่าจ้างแรงงานและราคาปัจจัยการผลิตสับปะรดโรงงาน เพื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตให้เป็นปัจจุบันและสอดคล้องกับพฤติกรรมของเกษตรกรระดับจังหวัด จากการสำรวจกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดจังหวัดอุทัยธานีเกี่ยวกับการใช้แรงงานและอัตราค่าจ้างแรงงาน พบว่า ค่าจ้างแรงงานในการใส่ปุ๋ย เฉลี่ย 76.59 บาท/ไร่ ความสามารถในการใส่ปุ๋ย 6.81 ไร่/คน/วัน ค่าจ้างในการฉีดยาป้องกันกำจัดวัชพืช เฉลี่ย 160 บาท/ไร่ ความสามารถในการฉีดยาป้องกัน 12.17 ไร่/คน/วัน อัตราค่