สุนัขบางแก้ว
เสียงเห่าขรมดังหนักหน่วง ทำเอากลุ่มผู้ร่วมงานที่เดินทางมาด้วย กรูไปอยู่รวมกันเป็นก้อนประหนึ่งขนมปังก้อนกลมๆ อย่างไรอย่างนั้น แต่ทันทีที่เสียงเจ้าของบ้านจุ๊ปาก เสียงเห่าขรมที่ได้ยินชัดในตอนแรก กลับเบาเสียงลงเรื่อยๆ และเงียบไปในที่สุด “เด็กๆ ที่นี่ ว่าง่าย ไม่ดุเหมือนอย่างที่ใครเข้าใจหรอก” ความหมายของคำว่า “เด็ก” ในที่นี้ คือ “สุนัขพันธุ์บางแก้ว” ที่ คุณฤทธิรงค์ ม่วงแสง เจ้าของบ้านเลี้ยงไว้ และให้ความสำคัญพิเศษเสมือนหนึ่งบุคคลในครอบครัว เรื่องราวของสุนัขพันธุ์บางแก้ว ที่คุณฤทธิรงค์ปั้นสร้างมากับมือ ตั้งแต่เลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น เพื่อนรัก เพื่อนกินและเพื่อนนอน กระทั่งเติบโตขึ้นเป็นฟาร์มสุนัขเล็กๆ อย่างที่ใฝ่ฝัน และถึงปัจจุบัน ระยะเวลา 10 ปีแล้ว ที่โลดแล่นอยู่ในเส้นทางสายคนรักสุนัขบางแก้ว ฟาร์มสุนัข และเส้นทางการประกวดสุนัขพันธุ์บางแก้ว จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เริ่มต้นจากที่คุณฤทธิรงค์ชื่นชอบและนิยมในสุนัขที่มีลักษณะเป็นผู้นำ ซึ่งระยะแรกตั้งใจเลี้ยงสุนัขพันธุ์อัลเซเชียน แต่ครั้งหนึ่งที่เห็นสุนัขพันธุ์อัลเซเชียนถูกข่มด้วยสุนัขพันธุ์บางแก้ว จึงจุดประกายความชอบในสายพันธุ์บางแก้วขึ้นมาทันท
คอกชนะชัยบางแก้ว จ.พิษณุโลก เนื้อหอมสุด ๆ ผู้คนจากทั่วไทยโทรศัพท์ขอซื้อลูกสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว อยากได้คอกเดียวกันกับที่นายกฯอุดหนุนไป 3 ตัว แต่หมดเกลี้ยงแล้ว ต้องอดใจรออีก 2 เดือน มีอีก 6 แม่ที่ผสมพันธุ์โดยเจ้าเมืองแมน กำลังคลอดในกลางเดือนนี้ คาดได้ลูกสุนัขบางแก้วไม่ต่ำกว่า 20 ตัว เมื่อวันที่ 5 มกราคม กระแสข่าวการซื้อลูกสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วของนายกรัฐมนตรี จำนวน 3 ตัว จากคอกชนะชัยบางแก้ว บ้านยมราช ต.ท่านางงาม อ.บางกระกำ จ.พิษณุโลก ส่งผลดีให้มีประชาชนสนใจสอบถามสั่งซื้อลูกสุนัขจากคอกต่าง ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะคอกชนะชัยบางแก้ว ของนายเสนอ จันทร์พุฒ เจ้าตัวต้องรับโทรศัพท์จากทุกสารทิศทั่วไป มีติดต่อสอบถามเข้ามาเพื่อขอซื้อลูกสุนัขบางแก้ว ที่ต่างล้วนอยากได้คอกเดียวกับลูกสุนัขที่นายกฯซื้อไป นายเสนอ จันทร์พุฒ เจ้าของคอกชนะชัยบางแก้ว เปิดเผยว่า วานนี้ตนต้องรับโทรศัพท์ตลอด มีโทรศัพท์มาจากทั่วไทย สอบถามอยากได้ลูกสุนัขคอกเดียวกับลูกสุนัขที่นายกฯซื้อไป หรือ จากพ่อพันธุ์ชื่อเมืองแมนก็ได้ ซึ่งตนเองก็จำชื่อไม่ได้ว่าใครบ้าง เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ก็มี แต่ก็ต้องตอบปฏิเสธไป เพราะลูกสุนัขคอกเดียวกับสุนัขฯของนายกฯ
“เมื่อก่อนผมเป็นครูโรงเรียนราษฎร์ หลังเรียนจบมาได้ไม่เท่าไร รู้สึกรายได้ไม่ค่อยมั่นคง เลยคุยกับเพื่อน เอาความรู้ที่เรียนมา มาใช้ประโยชน์ ทำให้ผมตัดสินใจลาออกจากอาชีพครู มาทำอินทีเรียดีไซน์ ตามที่เรียนมา ทำงานอาชีพนี้แค่ 7 วัน ได้เงินเท่ากับอาชีพครูตอนนั้น 5 เดือน เลยรู้สึกว่า เรามาถูกทางแล้ว” นี่เป็นแนวการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ของ คุณพงศกร จิระสกุล ที่หันหลังให้กับอาชีพครู แล้วเดินหน้าอาชีพอินทีเรียดีไซน์ ที่ร่ำเรียนมา เมื่อรู้ว่าเดินมาถูกทาง มีรายได้ที่มั่นคงและมากพอสำหรับการตั้งตัวของคนวัยทำงานขณะนั้น ก็มุ่งหน้าทำงานอย่างเต็มที่ กระทั่งเกิดฟองสบู่แตกในปี 2540 จึงคิดจะเปลี่ยนสถานที่ทำงาน ก่อนหน้านี้คุณพงศกร ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานครมาตลอด เมื่อมีโอกาสมาหาเพื่อนที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คุณพงศกร บอกว่า รู้สึกได้ว่าหัวหินเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ อากาศดี การเดินทางสะดวก จึงตัดสินใจย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่อำเภอหัวหิน และเปิดร้านรับทำอินทีเรียดีไซน์ กระทั่งเก็บเงินซื้อโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ได้ 1 แห่ง ถึงปัจจุบัน คุณพงศกร ทำเฟอร์นิเจอร์ รับตกแต่ง และทำอินทีเรียดีไซน์ มายาวนานเกือบ 2