ส่งเสริมเกษตรกร
เมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทรงเป็นห่วงราษฎรมีแหล่งอาหารโปรตีนไม่เพียงพอ ทรงแนะให้เลี้ยงไก่พื้นเมือง “ไก่แม่ฮ่องสอน” เพื่อช่วยให้ราษฎรในพื้นที่มีอาชีพ พร้อมแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพ “ไก่แม่ฮ่องสอน” เป็นไก่พื้นเมืองท้องถิ่นที่เลี้ยงกันในชนบทเกือบทุกอำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เกษตรกรที่เลี้ยงมีทั้งในหมู่บ้าน รวมทั้งชาวเขาในเขตที่สูง ไม่ว่าจะเป็นชาวกะเหรี่ยง มูเซอ ลีซอ ฯลฯ ลักษณะทั่วไปของไก่พันธุ์นี้คล้ายกับไก่ป่า จึงคาดว่าเป็นไก่ที่มีต้นพันธุ์มาจากไก่ป่า โดย เพศผู้ มีลักษณะขนคอและหลังสีเหลืองแดงเข้ม ขนลำตัวและหางมีสีดำ มีขนปุยขนที่โคนหาง หงอนจักร ใบหน้าแดง แข้งและปากมีสีดำหรือเทา มีขนตุ้มหูสีเหลือง ผิวหนังขาวอมแดง และ เพศเมีย มีลักษณะขนลำตัวสีน้ำตาลกระเหลืองหรือน้ำตาลลายป่าทั้งตัว หงอนจักร ใบหน้าแดง ปากและเเข้งสีดำหรือเทาหรือน้ำตาล มีขนตุ้มหูสีเหลือง ผิวหนังขาวอมแดง ชาวบ้านเลี้ยงไก่แม่ฮ่องสอนเพื่อการบริโภค ไว้จำหน่าย สร้างความเพลิดเพลินในแบบไก่สวยงาม รวมถึงยังเลี้ยงเป็นไก่ล่อหรือต่อไก่ป่า ตำบลแม่เงา อำเภอข
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง ตำบลบ้างปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ปี 2521 อยู่ท่ามกลางหุบเขา ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเขตพื้นที่อำเภอหางดง เมื่อก่อนพื้นที่ศูนย์ฯ ถือเป็นแหล่งทดลองไม้เมืองหนาวที่สำคัญ โดยเฉพาะกุหลาบที่มีกลิ่นหอม แต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนงานส่งเสริม โดยเน้นการปลูกพืชผักอินทรีย์ และไม้ผล ที่สำคัญ คือ อะโวกาโด ที่สามารถรับประทานสด มีไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ประมาณ 8-20 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย วิตามินสูง นอกจากให้คุณค่าทางอาหารแล้ว ยังให้เป็นวัตถุดิบเพื่อการสกัดน้ำมันในอุตสาหกรรม โครงการหลวงได้นำอะโวกาโดมาทดลองปลูกที่พื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2526 ปรากฏว่าผลผลิตที่ได้มีคุณภาพดี จึงเป็นแนวทางที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกไม้ผล เนื่องจากว่าความเหมาะสมของภูมิอากาศที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 600 เมตร ขึ้นไป สำหรับพันธุ์อะโวกาโดที่นำมาปลูก มี 7 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson) เป็นเผ่าเวสต์อินเดียน ลักษณะเป็นผลค่อนข้างกลม มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง น้ำหนัก 200-300 กรัม เนื้อผลสีเหลืองอม
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า “กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันมากที่สุดในโลก Sanjiv Chopra ศาสตราจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้กล่าวไว้ว่า “กาแฟอุดมไปด้วยกรดคลอโรจินิก ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นยอดตัวหนึ่งก็ว่าได้” ขณะที่มีผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 400 มิลลิกรัม ต่อวัน และหลีกเลี่ยงการใช้ครีมหรือน้ำตาล ที่หยิบยกคำดังกล่าวมาเพื่อจะสื่อว่า กาแฟ มีประโยชน์หากรู้จักดื่มอย่างพอดี กาแฟ มิใช่พืชท้องถิ่นหรือพืชดั้งเดิมของประเทศไทย ตามประวัติว่าไว้ว่ามีถิ่นดั้งเดิมบนพื้นที่สูงในประเทศเอธิโอเปีย เจริญงอกงามอยู่ตามใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่ 1,370-1,830 เมตร อุณหภูมิระหว่าง 15-24 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปี 1,900 มิลลิเมตร ชอบดินร่วนสีแดงที่มีหน้าดินลึก กาแฟที่ปลูกกันอยู่ในโลกใบนี้มีหลายพันธุ์ แต่ที่นำมาปลูกในประเทศไทยมี 2 พันธุ์หลักๆ ก็คือ พันธุ์โรบัสต้า (Robusta Coffee) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ปลูกกันมาก ถึงร้อยละ 80 และพันธุ์อาราบิก้า (Arabica Coffee) ปลูกกันอยู่ประมาณร้อยละ 20 แต่ละพันธุ์ยังแยกย่อยเป็นสายพันธุ์ต่างๆ อีกมากมาย แล้วกาแฟอาราบะ
จากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 เน้นการพัฒนาทุกภาคส่วนโดยนำนวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาช่วย สำหรับภาคการเกษตรเองก็อยู่ในระหว่างการปรับเข้าสู่ยุคเกษตร 4.0 นำวิถีทางแห่งนวัตกรรมและการเพิ่มมูลค่า โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พร้อมด้วยองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยี การแปรรูป และการทำตลาด มาเป็นพื้นฐานในการพัฒนา และสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ หรือ Smart Farmer ที่จะเป็นกำลังหลักในการเปลี่ยนแปลงภาคกสิกรรมให้ก้าวไปสู่ยุคเกษตร 4.0 ตามที่หวังไว้ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้าง Smart Farmer จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจในด้านการเกษตร จึงได้จัดโครงการ “KUBOTA Farmer Academy 2017” ขึ้นที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้าเกษตรทิพย์ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ภายใต้แนวคิด “Real Smart Farmer : ลงมือจริง บนพื้นที่จริง กับเกษตรกรตัวจริง” เรียนจากผู้รู้จริง สร้างประสบการณ์ตรงจากการลงมือทำ โดยใช้องค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจร ที่ช่วยยกระดับเกษตรกรรมไทยด้วยนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรและนวัตกรรมการเพาะปลูกที่มีประส
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจระหว่างกับบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อสนับสนุนส่งเสริมเกษตรกร ชุมชน และสถาบันเกษตรกร ผลิตสินค้าเกษตรและปัจจัยการผลิตทางการเกษตรให้มีมาตรฐาน ซึ่ง ธ.ก.ส.สนับสนุนสินเชื่อเพื่อยกระดับเป็นเอสเอ็มอีเกษตรในโครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 เอสเอ็มอีเกษตร ล่าสุดมีการจ่ายสินเชื่อในโครงการดังกล่าวแล้วเป็นเงิน 48,507.67 ล้านบาท ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเกษตร 32,670 ราย ซึ่งผู้ประกอบการในกลุ่มนี้จะเป็นหัวขบวนเชื่อมโยงกลุ่มผู้ผลิตรายย่อยจากต้นน้ำ กลางน้ำ สู่ปลายน้ำ เมื่อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของกลุ่มลูกค้าเกษตรของ ธ.ก.ส.ดังกล่าวผ่านการตรวจสอบวิเคราะห์ โดย บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง จะสร้างความมั่นใจความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค นายสุรชัย กำพลานนท์วัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทห้องปฏิบัติการกลางฯ กล่าวว่า ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษลด 30% แก่เกษตรกร ชุมชน และสถาบันเกษตรกร ที่นำสินค้าไปตรวจทั้ง 6 สาขาทั่วประเทศ สำหรับการตรวจสินค้าทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอาหารหรือไม่ใช่อาหาร พ