ส้มโอพิจิตร
จังหวัดพิจิตร มีพื้นที่ปลูกส้มโอเชิงการค้าที่มีศักยภาพส่งออกอยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศไทย มีแหล่งปลูกสำคัญ อยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำพิจิตร (แม่น้ำน่านสายเดิม) อำเภอเมือง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง และอำเภอตะพานหิน โดยเฉพาะที่อำเภอโพธิ์ประทับช้าง มีพื้นที่ในการปลูกมากที่สุดกว่าหมื่นไร่ มีแนวโน้มขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้นทุกปี เนื่องจากมีการส่งออกเพิ่มขึ้น ลูกค้าสำคัญคือ จีน เวียดนาม และตะวันออกกลาง สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในท้องถิ่นไม่ต่ำกว่าปีละ 600 ล้านบาท เนื่องจากส้มโอเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตออกสู่ตลาดได้เกือบตลอดปี ปริมาณผลผลิตส่วนใหญ่ออกสู่ตลาดอย่างมากระหว่างเดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนกันยายน มักมีปัญหาผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้มากเกินความต้องการของตลาดในช่วงเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน จึงเป็นเหตุให้ส้มโอล้นตลาด ราคาตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อการจัดการสวนเพื่อการผลิตส้มโอคุณภาพในฤดูถัดไป สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตรจึงแนะนำให้เกษตรกรผู้ปลูกส้มโอรายย่อยมารวมกลุ่มเป็นเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยใช้เครื่องจักรกลการเกษตรมาช่วยในการผลิต เพิ่มความสามารถจัดการผลิตผลอย่างมืออาชีพ ทำให้คุณภาพสินค้าได้มาตรฐานเ
ตัวอย่างเกษตรกรที่ปลูกส้มโอขาวแตงกวา ที่โพธิ์ประทับช้าง ทำรายได้ต่อปีนับล้านบาท ในพื้นที่ปลูก 45 ไร่ คุณสมเจต ซิ้มประดิษฐ์ บ้านเลขที่ 225/3 หมู่ที่ 9 ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร โทรศัพท์ (081) 740-0010 สวนส้มโอทุกสวน ต้องมีระบบน้ำทั้งหมด สมัยก่อน เมื่อ 20 ปีที่แล้วระบบน้ำในสวนส้มโอ เป็นของแปลกใหม่มาก เพราะก่อนหน้านี้การนำระบบน้ำมาใช้ในสวนส้มโอไม่มีเลย แต่เมื่อทำสวนส้มโอเชิงพาณิชย์ เรื่องของน้ำและระบบการให้น้ำนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก น้ำจะช่วยเรื่องไม่ให้ต้นส้มโอขาดน้ำในช่วงหน้าแล้ง ต้นส้มโอจะแสดงอาการเหี่ยวชัดเจนมาก ไม่ได้ทนแล้งมากเหมือนพวกมะม่วงอย่างที่บางคนเข้าใจ ยกตัวอย่าง จากการสังเกต ส้มโอที่แสดงอาการขาดน้ำได้เร็วที่สุดจากมากไปหาน้อยคือ ส้มโอท่าข่อย รองลงมาก็ส้มโอขาวแตงกวา ทนแล้งได้ดีที่สุดก็เป็นส้มโอทองดี คุณสมเจต อธิบาย น้ำยังเป็นตัวควบคุมที่นำมาใช้ในการเปิดตาดอกส้มโอหลังจากการอดน้ำ น้ำมาช่วยในการเลี้ยงผลส้มโอ ช่วยเรื่องการขยายผล ทำให้น้ำหนักผลดี ระยะปลูกที่เหมาะสมสำหรับส้มโอ คุณสมเจต เล่าว่า เรื่องของระยะปลูกส้มโอก็คงแล้วแต่ชาวสวนและการจัดการของแต่