หนอนเจาะดอกมะลิ
ก้าวเข้าสู่ช่วงภาวะอากาศร้อน แห้งแล้ง และมีลมพัดแรงเป็นระยะ เสี่ยงเจอปัญหาการแพร่ระบาดของหนอนเจาะดอกมะลิ ที่มักเข้าทำลายต้นมะลิที่กำลังผลิดอก จะพบตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ ตามบริเวณกลีบดอก ก้านกลีบเลี้ยง ใต้ใบ หรือรอยยอดอ่อน เมื่อตัวอ่อนหนอนฟักออกมาจากไข่จะเข้าทำลายดอกมะลิในระยะดอกตูมที่มีขนาดเล็ก หนอนเจาะเข้าไปกัดกินอยู่ภายในดอกมะลิ สังเกตได้จากดอกมะลิเป็นรอยช้ำ เห็นมูลของหนอนเป็นขุยๆ อยู่ภายใต้ดอก สีของดอกมะลิจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง สีน้ำตาลแห้ง เหี่ยวแห้ง และร่วงหล่น หากต้นมะลิไม่มีดอก หนอนจะกัดกินใบอ่อนหรือยอดอ่อน หากมีการระบาดรุนแรงจะทำให้เกษตรกรไม่สามารถเก็บดอกมะลิขายได้เลย หากเกษตรกรผู้ปลูกมะลิเจอปัญหาลักษณะนี้ กรมวิชาการเกษตรแนะนำวิธีป้องกันและกำจัดหนอนเจาะดอกมะลิ โดยพ่นสารฆ่าแมลงฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคลอร์ไพริฟอส 40% อีซี อัตรา 80 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หากพบการระบาดของหนอนเจาะดอกมะลิ ให้ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงทุกๆ 4 วัน ไม่ควรพ่นสารฆ่าแมลงชนิดเดียวติดต่อกันหลายครั้ง เพราะเสี่ยงให้หนอนเจาะดอกมะลิสร้างภูมิต้านทานยาฆ่าแมลงชนิดนั้นได้รวดเร็ว ห
ในช่วงที่มีอากาศร้อนสลับกับมีฝนตก กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกมะลิเฝ้าระวังการระบาดของหนอนเจาะดอกมะลิ โดยจะพบการเข้าทำลายในระยะที่ต้นมะลิออกดอก จะพบตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่สีเหลืองเป็นฟองเดี่ยวๆ ตามบริเวณกลีบดอก ก้านกลีบเลี้ยงดอก ใต้ใบ หรือยอดอ่อน เมื่อตัวอ่อนหนอนฟักออกมาจากไข่จะเข้าทำลายดอกมะลิในระยะดอกตูมที่มีขนาดเล็ก โดยหนอนจะเจาะเข้าไปกัดกินอยู่ภายในดอกมะลิ ซึ่งเกษตรกรสามารถสังเกตลักษณะการเข้าทำลายของหนอนได้จากอาการของดอกมะลิเป็นรอยช้ำ จะเห็นมูลของหนอนเป็นขุยๆ อยู่ภายใต้ดอก สีของดอกมะลิจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง สีน้ำตาลแห้ง เหี่ยวแห้ง และร่วงหล่น กรณีถ้าต้นมะลิไม่มีดอก หนอนจะเข้าทำลายกัดกินใบอ่อนหรือยอดอ่อน หากมีการระบาดรุนแรงจะทำให้เกษตรกรไม่สามารถเก็บดอกมะลิขายได้ นอกจากนี้ แนวทางในการป้องกันและกำจัดหนอนเจาะดอกมะลิ หากพบการเข้าทำลายของหนอนเจาะดอกมะลิ ให้เกษตรกรพ่นด้วยสารฆ่าแมลงฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อพบการระบาดให้เกษตรกรพ่นสารทุก 4 วัน และไม่ควรพ่นสารฆ่าแมลงชนิดเดียวติดต่อกันหลายครั้ง เพราะจะทำให้หนอนเจาะดอกมะลิสามารถสร้างความต้านทานต่อสารฆ่าแมลงชนิด