หอยนางรม
แทบจะเป็น Soft Power ทีเดียว เมื่อกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประกาศ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น 77 จังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดตราด เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ที่ “แกงเลียงกะแท่งหอยนางรม” เป็นเมนูที่คนในจังหวัดแทบไม่รู้จัก แกงเลียงกะแท่งหอยนางรม น้อยคนจะรู้จัก คุณปรารถนา มงคลธวัช วัฒนธรรมจังหวัดตราดเล่าถึง “แกงเลียงกะแท่งหอยนางรม” 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น จังหวัดตราด ที่มาจาก โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติที่หายไป The Lost Taste” เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์อาหารไทย อาหารท้องถิ่น อาหารสมุนไพร ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนไทยและรวบรวมความรู้ส่งต่อเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดรุ่นสู่รุ่น ต่อยอดและยกระดับอาหารท้องถิ่นตราดสู่อาหารจานเด็ด โดยผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณา 5 ด้าน คือ 1. ด้านวัตถุดิบท้องถิ่น นำมาใช้และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เป็นแหล่งที่มา 2. ด้านวิธีการปรุง เคล็ดลับ แสดงให้เห็นอัตลักษณ์ วิถีชีวิตที่มีการสืบทอดต่อกันมาเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม 3. ด้านสุขภาพ โภชนาการ สมุนไพร เป็นอาหารสุขภาพ 4. ด้านการสืบ
วิสาหกิจชุมชนสนธิวัฒน์ ตำบลกะแดะ อำเภอกาญจนดิษฐ์ นำหอยนางรมสัตว์น้ำเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มาผลิตเป็นน้ำพริกชูเป็นจุดขาย เกิดเป็น “น้ำพริกเผาหอยนางรม” รายแรก พร้อมการันตีคุณภาพ มาตรฐานและความปลอดภัยด้วย OTOP 5 ดาว และ อย. คุณเบญจนาฎ คงเจริญ หรือ คุณบัว ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสนธิวัฒน์ กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสนธิวัฒน์ เกิดขึ้นมานานกว่า 30 ปี โดยมารดาของตนเองคือ คุณแม่วิมล เริ่มจัดตั้งแล้วชักชวนแม่บ้านในพื้นที่ที่มีความสามารถในการทำน้ำพริกร่วมกันผลิตน้ำพริกขายแล้วนำหอยนางรมที่เป็นอาหารทะเลเด่นของจังหวัดมาผสมเพื่อสร้างความต่างจากน้ำพริกชนิดอื่น ชูเป็นเอกลักษณ์เด่นของผลิตภัณฑ์ เพิ่มมูลค่าของน้ำพริก ช่วยสร้างยอดขาย และรายได้ให้กับชาวบ้าน คุณบัว เล่าว่า ในช่วงแรกที่นำหอยนางรมมาเข้ากระบวนการแปรรูปน้ำพริกซึ่งยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จึงลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าส่วนผสมทุกอย่างจะลงตัวได้รสชาติตามที่ต้องการ จากนั้นเริ่มวางขายตามงานในชุมชนหลายแห่ง ขายแบบตักใส่ถุง เมื่อขายดีจึงค่อยปรับใส่กระปุกแปะฉลากแบบง่ายๆ เพื่อให้รู้แหล่งที่มา ภายหลังที่คุณบัวเข้ามารับช่วงต่อจากคุณแม่วิมล จึงวางแผน
“หอย” คงเป็นเมนูโปรดของใครหลายๆ คน ซึ่งหอยในประเทศไทยนั้นมีมากมายหลายชนิด แต่บางชนิดนั้นก็ไม่สามารถนำมากินได้ แต่ก็ยังมีหอยอีกมากมายหลายชนิดที่กินได้เช่นกัน หากให้พูดถึงหอยที่ยอดนิยมตลอดกาล ต้องยกให้ “หอยนางรม” “หอยนางรม” เป็นหอยสองฝาที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทำให้มีผู้นิยมบริโภคอย่างมาก โดยเฉพาะหอยนางรมพันธุ์ใหญ่หรือหอยตะโกรม มีขนาดใหญ่ชวนให้กิน หอยนางรมถือเป็นวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารได้อย่างหลากหลายหรือจะกินสดก็อร่อยไม่แพ้กัน จึงทำให้ตลาดหอยนางรมเกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ และมีการคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต เนื่องจากผลผลิตในปัจจุบันนี้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศไทยเลย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หอยนางรมมีราคาสูง เมื่อเทียบกับหอยชนิดอื่น ที่คนไทยนิยมกิน หอยนางรมในท้องตลาดปัจจุบัน ส่วนใหญ่แล้วได้มาจากการเพาะเลี้ยงด้วยวิธีทางธรรมชาติ เนื่องจากลูกหอยที่ได้จากการเพาะพันธุ์ยังไม่เพียงพอ การล่อลูกหอยในแต่ละแหล่งเลี้ยงต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาพภูมิอากาศแต่ละพื้นที่ อุณหภูมิของน้ำทะเล ความเค็ม ปริมาณแสง การขึ้น-ลงของระดับน้ำทะเล และความเร็วของกระแสน้ำ ลูกหอยนางรมมักจะ
มทร.ตรัง ประสบความสำเร็จในการศึกษาวิจัย เปลี่ยนวิธีเลี้ยงหอยนางรมแบบดั้งเดิม สู่การเลี้ยงในตะกร้าและตะแกรงคอนโดฯ 3 ชั้น เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตได้มากกว่า 7-8 เท่าตัว ขณะที่คุณภาพหอยไม่แตกต่างจากหอยนางรมในธรรมชาติ หรือที่ชาวบ้านเลี้ยงแบบดั้งเดิม อาจารย์สุพัชชา ชูเสียงแจ้ว อาจารย์ประจำสาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง มทร.ศรีวิชัย ตรัง ลงพื้นที่ติดตามดูความก้าวหน้า โครงการวิจัยการพัฒนาระบบการเลี้ยงหอยนางรมแบบความหนาแน่นสูง เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนลุ่มน้ำปะเหลียน ตำบลวังวน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ภายใต้แผนงานนวัตกรรมพัฒนาพื้นที่เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก และหนุนเสริมผู้ประกอบการชุมชนในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปะเหลียน จังหวัดตรัง ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ด้วยการถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยนางรม บ้านแหลม ตำบลวังวน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งอาศัยของหอยนางรม หอยแมลงภู่ในธรรมชาติแหล่งใหญ่ ที่ชาวบ้านมักดำน้ำ และงมหาเป็นประจำ ถือเป็นห้องครัวหน้าหมู่บ้าน แต่การหาในธรรมชาติมีวันหมดหายไป ห
มทร.ตรัง ประสบความสำเร็จในการศึกษาวิจัย เปลี่ยนวิธีเลี้ยงหอยนางรมแบบดั้งเดิม สู่การเลี้ยงในตะกร้าและตะแกรงคอนโดฯ 3 ชั้น เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตได้มากกว่า 7-8 เท่าตัว ขณะที่คุณภาพหอยไม่แตกต่างจากหอยนางรมในธรรมชาติ หรือที่ชาวบ้านเลี้ยงแบบดั้งเดิม นางสาวสุพัชชา ชูเสียงแจ้ว อาจารย์ประจำสาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง มทร.ศรีวิชัย ตรัง ลงพื้นที่ติดตามดูความก้าวหน้า โครงการวิจัยการพัฒนาระบบการเลี้ยงหอยนางรมแบบความหนาแน่นสูง เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนลุ่มน้ำปะเหลียน ตำบลวังวน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ภายใต้แผนงานนวัตกรรมพัฒนาพื้นที่เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและหนุนเสริมผู้ประกอบการชุมชนใน เขตพื้นที่ลุ่มน้ำปะเหลียน จังหวัดตรัง ภายใต้การสนับสนุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ด้วยการถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยนางรม บ้านแหลม ตำบลวังวน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งอาศัยของหอยนางรม หอยแมลงภู่ในธรรมชาติแหล่งใหญ่ ที่ชาวบ้านมักดำน้ำ และงมหาเป็นประจำ ถือเป็นห้องครัวหน้าหมู่บ้าน แต่การหาในธรรมชาติมีวันหมดหายไป ห
เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ คือ คำขวัญประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ทุกๆ ท่านคงเคยได้ยินผ่านหูอย่างแน่นอน ทีนี้ก็จะขอมาอธิบายคำขวัญในแต่ละหัวข้อๆ เพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักจังหวัดสุราษฎร์ธานี กันมากขึ้น เมืองร้อยเกาะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเกาะน้อยใหญ่มากมาย เช่น เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า เกาะริกัน เกาะนกเภา เกาะกล้วย เกาะพะลวย เกาะปราบ เกาะแตน หมู่เกาะอ่างทอง เป็นต้น นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวจนทำรายได้มากมายให้กับจังหวัดสุราษฎร์ธานี เงาะอร่อย เงาะโรงเรียนมีปลูกกันมากที่ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีประวัติเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 2468 มีชาวจีนสัญชาติมาเลเซีย ชื่อ นายเค วอง มีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองปีนัง ได้เดินทางเข้ามาทำเหมืองดีบุกที่หมู่บ้านเหมืองเกาะ ตำบลบ้านนาสาร ได้นำเมล็ดเงาะมาปลูกข้างๆ ที่พัก ปรากฏว่ามีเงาะต้นหนึ่ง มีลักษณะต่างไปจากต้นอื่น คือ มีผลกลม เนื้อกรอบ เปลือกบาง รสชาติอร่อย ในปี 2497 นายเค วอง ได้เลิกกิจการและได้ขายที่ดินให้กับกระทรวงธรรมธิการ และต่อมาได้ปรับปรุงจนเป็นโรงเรียน ชื่อโรงเรีย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ชาวเน็ตจีนผู้ใช้งานไมโครบล็อกเวยป๋อ เว็บไซต์เครือข่ายสังคมยอดนิยมของจีนต่างเสนอตัวขอเป็นอาสาสมัครช่วยแก้ปัญหาวิกฤตหอยนางรมในเดนมาร์ก ข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา สถานทูตเดนมาร์กในจีนได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชีเวยป๋ออย่างเป็นทางการของทางสถานทูต เล่าถึงปัญหาหอยนางรมแปซิฟิกจากเอเชียที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์แปลกปลอมซึ่งถูกนำเข้ามายังเดนมาร์กเมื่อราว 1 ทศวรรษที่แล้วกำลังแพร่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนมีจำนวนมากกว่าสายพันธุ์ท้องถิ่นถึงขั้นเป็นภัยอันตรายต่อและสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ โดยสถานทูตเดนมาร์กประจำกรุงปักกิ่งได้โพสต์ข้อความทีเล่นทีจริงขอคำแนะนำถึงวิธีแก้ปัญหาจากชาวเน็ตจีนด้วย ข่าวระบุว่า คำแนะนำถึงวิธีการแก้ปัญหาหลากหลายรูปแบบของชาวเน็ตจีนสร้างความประหลาดใจให้สถานทูตเดนมาร์กเป็นอย่างมาก โดยล่าสุดมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากกว่า 14,000 ข้อความ บางรายแนะนำให้ขอความช่วยเหลือจากบริษัทจีนในการนำเข้าหอยนางรมเหล่านี้มาจากเดนมาร์ก ขณะที่บางส่วนระบุให้ออกวีซ่าชนิดพิเศษแบบเข้าประเทศได้หลายครั้ง ระยะเวลา 10 ปีและจัดทัวร์ให้ชาวจีนเดินทาง
วันที่ 12 เมษายน นส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวถึง กรณีที่นายกประมงพื้นบ้าน จ.ระยองร้องเรียนให้ตรวจสอบนายทุนที่เข้ามาเพาะหอยนางรม โดยใช้วิธีผูกไม้ไผ่ติดรากต้นโกงกาง ว่า ได้สั่งการให้ สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่1 (ระยอง) สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 1 (ระยอง) เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ บริเวณคลองท่าครก ม.8 ต.เนินฆ้อ อ.แกลง จ.ระยอง พบว่า มีชาวบ้าน ในพื้นที่รวมกลุ่มกันเพาะเลี้ยงหอยนางรมแบบวิถีชาวบ้าน ซึ่งมีการเลี้ยงกันมานานมากกว่า 40 ปี ประมาณ 30 ครัวเรือน โดยได้รับการสนับสนุนทุนหมุนเวียนจากทางหน่วยงานพัฒนาชุมชน ของกรมการพัฒนาชุมชน อ.แกลง จ.ระยอง “ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว ได้รับอนุญาตให้เพาะเลี้ยงหอยจากกรมประมง ถูกต้อง และกำลังอยู่ในระหว่างยื่นขออนุญาตใช้พื้นที่ในลำน้ำกับกรมเจ้าท่า ทาง สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่1 ได้ประชาสัมพันธ์และทำความเข้ากับชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว ให้ถอนการผูกไผ่ที่ติดกับรากต้นโกงกางออกพราะจะทำให้เกิดผลกระทบกับต้นโกงกางได้ และห้ามดำเนินการใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบกับต้นไม้ป่าชายเลน รวมถึงการก
วันที่ 9 เมษายน 2560 นายสำออย รัตนวิจิตร นายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยองได้ร้องเรียนว่าบริเวณพื้นที่ป่าชายเลนคลองท่าครกหมู่ 8 เขตติดต่อป่าชายเลน สะพานรักษ์แสม พื้นที่จัดตั้งธนาคารปูแสม ต.เนินฆ้อ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวอนุรักษ์ป่าชายเลนที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของอ.แกลง จ.ระยอง มีกลุ่มนายทุนเข้าไปเลี้ยงหอยนางรมบริเวณป่าชายเลน โดยการใช้ไม้ไผ่ผูกติดกับรากไม้ต้นโกงกาง ใช้เชือกติดก้อนปูนซิเมนต์แขวนไม้ไผ่ห้อยลงในคลอง ใกล้กันก็มีการทำแพไม้ไผ่เลี้ยงหอยนางรม นับวันจะเพิ่มมากขึ้น วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบหาทางป้องกันอาจเกิดผลกระทบป่าชายเลนขึ้นได้ จากนั้น นายสุรินทร์ สินรัตน์ ประธานเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน(ทสม.) จ.ระยอง และนายมาโนช ยั่งยืน ประธานธนาคารปูแสม ต.เนินฆ้อ ลงเรือเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ป่าชายเลนคลองท่าครก พบแพทำด้วยไม้ไผ่ผูกเชือกเลี้ยงหอยนางรม เป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้ยังใช้ไม่ไผ่ลอดใต้รากต้นโกงกางผูกเชือกห้อยลงน้ำเลี้ยงหอยนางรมจำนวนมาก นายสำออย กล่าวว่าสาเหตุที่ร้องเรียน 1.เนื่องจากวิธีการเลี้ยงหอยนางรมโดยการใช้ไม่ไผ่ผูกติดกับรากต้นโกงกาง เมื่อหอยนางรมเต
ดร. สุวัจน์ ธัญรส คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ออกแบบถังลงเกาะและอนุบาลลูกหอยนางรมจากโรงเพาะฟักแบบน้ำหมุนเวียนกึ่งปิด สามารถผลิตลูกหอยนางรมในโรงเพาะฟักได้ในปริมาณสูงสุดถึง 2 ล้านตัว/ครั้ง ลูกหอยมีอัตราการลงเกาะมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ มีอัตราการรอดสูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ง่ายและสะดวกในการใช้งาน สามารถสร้างได้โดยใช้วัสดุในท้องถิ่น สำหรับหลักการออกแบบ ดร. สุวัจน์ ธัญรส อธิบายว่า ลูกหอยนางรมจะลงเกาะวัสดุก็เมื่อมีขนาดเหมาะสม (ประมาณ 320 µm) โดยไม่เกี่ยวกับอายุ ดังนั้น การเพาะพันธุ์ในแต่ละครั้งลูกหอยจะลงเกาะไม่พร้อมกัน จำเป็นต้องมีการคัดขนาดตลอดระยะเวลาการอนุบาล ลูกหอยที่พัฒนาเข้าสู่ระยะ pediveliger และพร้อมลงก่อน ก็สามารถนำไปลงเกาะในระบบที่ประดิษฐ์ขึ้นได้ทันที และพฤติกรรมของลูกหอยในช่วงลงเกาะจะมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงของระบบอวัยวะภายในเกิดขึ้น จึงเป็นช่วงที่ไม่มีการกินอาหาร เป็นช่วงที่วิกฤตและอ่อนแอ การใช้ระบบน้ำหมุนเวียนกึ่งปิด จะใช้น้ำที่ผ่านการกรองและฆ่าเชื้อโรค สามารถป้องกันความเสียหายจากการเข้าทำลายของเชื้อโรคและโปรโตซัวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ระบ