หอยลาย
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจติดตามการจับกุมเรือประมงต่างชาติที่ลักลอบนำสินค้าสัตว์น้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยว่า เมื่อวานนี้ (17 พฤศจิกายน 2567) เวลา 12.10 น. ว่าที่ร้อยตรีประเสริฐ คงเยี้ยน หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะสุรินทร์ (พังงา) พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 6 นาย สังกัดศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ กองตรวจการประมง กรมประมง ได้นำเรือตรวจประมงทะเลออกปฏิบัติงานปราบปรามผู้กระทำความผิดตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ 2560 ในทะเลอันดามัน ท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ขณะกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณท่าเทียบเรือประมงระนอง พบเรือประมงสัญชาติเมียนมากำลังลักลอบนำเข้าหอยลายที่คราดจากฝั่งเมียนมาเพื่อนำมาขายในฝั่งไทยและส่งต่อไปยังตลาดภาคกลาง ซึ่งผู้ต้องหาได้หลบหนีระหว่างเข้าทำการจับกุม จึงได้ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย เรือหางยาวชื่อ KT 2558 พร้อมด้วยสัตว์น้ำ 1 รายการ คือ หอยลายขนาด 100 ตัวต่อกิโลกรัมจำนวน 90 กระสอบ กระสอบละ 45 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 4,050 กิโลกรัม รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200,000 บาท ซึ่งฐานการกระทำผิดกฎหมายครั้งนี้คือ
“หอยลาย” เป็นสัตว์ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นที่นิยมบริโภคในประเทศ ปัจจุบัน มีการแปรรูปส่งออกตลาดต่างประเทศและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากข้อมูลของ สวก. ระบุว่า ปี 2531 ไทยส่งออกหอยลายบรรจุภาชนะอัดลม ปริมาณ 10,022 ตัน มูลค่า 617.15 ล้านบาท และเนื้อหอยมิได้บรรจุภาชนะอัดลม 1,374 ตัน มูลค่า 93.22 ล้านบาท ซึ่งปี 2554 ปริมาณหอยลายและมูลค่าได้ลดลงอย่างมาก หอยลายบรรจุภาชนะอัดลมส่งออก 2,038 ตัน มูลค่า 240.18 ล้านบาท และเนื้อหอยมิได้บรรจุภาชนะอัดลม 205 ตัน มูลค่า 42.44 ล้าน และจำนวนหอยลายที่จับได้ลดจำนวนลงอย่างมาก หอยลาย ที่จับได้ ปี 2531 มีปริมาณ 115,400 ตัน คิดเป็นมูลค่า 603.18 ล้านบาท แต่ปี 2555 ปริมาณลดลงเหลือเพียง 8,700 ตัน คิดเป็นมูลค่า 217.0 ล้านบาท ขณะที่ตลาดส่งออกในยุโรป สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย ญี่ปุ่น เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมประมงต้องเร่งเพิ่มปริมาณของหอยลายในท้องทะเล เพื่อเพิ่มผลผลิตและศักยภาพการส่งออก ปล่อยพันธุ์หอยลาย ช่องช้าง 1 ล้านตัว นำร่องพื้นที่จังหวัดตราด ให้ชุมชนมีส่วนร่วม คุณพรรณพิมล ชัญญานุวัตร ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยกา
หอยลาย ที่นำมาใช้ประโยชน์ในปัจจุบันเป็นผลผลิตที่มาจากทะเลไทย ดังนั้น เมื่อความต้องการบริโภคในประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมนำหอยลายไปแปรรูป ซึ่งมีการบริโภคทั้งในประเทศและส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การทำประมงหอยลายมีการแข่งขันอย่างรุนแรง ทำให้หอยลายลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ชาวประมงนิยมใช้คราดหอยที่มีความห่างของซี่ขนาดเล็ก การจับหอยลายจากทะเลขึ้นมาใช้ประโยชน์จนหอยในธรรมชาติเกิดทดแทนไม่ทัน ส่งผลให้แหล่งทำการประมงหอยลาย สามารถควบคุมการทำการประมงให้เหลือเพียงการใช้เครื่องคราดด้วยมือ หรือที่ชาวประมงเรียกกันว่า “กระดึ๊บหอยลาย” ดร. วารินทร์ ธนาสมหวัง ผู้ทรงคุณวุฒิกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตรแห่งชาติ (สวก.) จัดกิจกรรม “คืนหอยลายสู่ทะเลตราด” เพื่อเป็นการสนองพระราชดำริ โดยมีการมอบหอยลาย ขนาด 0.5-1 เซนติเมตร จำนวน 1,000,000 ตัว และมีการปล่อยกุ้งแชบ๊วย จำนวน 8,000,000 ตัว ให้กับตัวแทนชุมชนอ่าวใหญ่ เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศล 50 วัน แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดร. วารินทร์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน หอยลาย ในทะเลไทยมีสภาพขาดแคลน ส่งผลให้
สถานการณ์ “หอยลาย” ขาดแคลนน่าห่วง กรมประมงจับมือ สวก. ปล่อยคืนทะเลตราด 1 ล้านตัว สนองแนวพระราชดำริ ดึงชุมชนมีส่วนร่วมอนุรักษ์เพิ่มปริมาณพ่อแม่พันธุ์ในธรรมชาติ หวังเพิ่มผลผลิตเสริมศักยภาพส่งออกตีตลาดโลก ดร.วารินทร์ ธนาสมหวัง ผู้ทรงคุณวุฒิกรมประมง เปิดเผยว่า หอยลายเป็นสัตว์น้ำชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจของไทย นอกจากเป็นที่นิยมบริโภคภายในประเทศแล้ว ยังเป็นสินค้าส่งออกที่มีความต้องการสูงในตลาดต่างประเทศด้วย โดยจากข้อมูลเมื่อปี 2531 ไทยมีการส่งออกหอยลายในรูปแบบบรรจุภาชนะอัดลม และเนื้อหอยมิได้บรรจุภาชนะอัดลมสูงถึง 11,396 ตัน คิดเป็นมูลค่า 710.37 ล้านบาท มีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ แคนาดา อิตาลี มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น แต่ปี 2554 ส่งออกได้เพียง 2,243 ตัน มูลค่า 282.62 ล้านบาท เนื่องจากผลผลิตไม่เพียงพอ เพราะปัจจุบันหอยลายที่นำมาใช้ประโยชน์ทั้งหมดเป็นผลผลิตที่จับจากทะเล ซึ่งนับวันการแข่งขันทำประมงหอยลายทวีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้แหล่งทำประมงหอยลายหลายแหล่งเสื่อมโทรมลง ขณะเดียวกันผลผลิตหอยลายในทะเลยังลดลงอย่า
หอยลาย เป็นอาหารทะเลที่รสชาติดีมีคุณค่าทางโภชนาการและนิยมนำมาบริโภคกันอย่างแพร่หลาย สามารถประกอบอาหารได้หลากหลายประเภท อีกทั้งเป็นสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจของไทยอาชีพ “เลี้ยงหอยลายในบ่อ” จึงอาจเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงได้ดีไม่แพ้อาชีพอื่นๆ น.ส.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า หอยเป็นสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางอาหารไม่น้อยกว่าสัตว์น้ำจำพวกปลา ปู และกุ้ง มนุษย์กินหอยเป็นอาหารมาเป็นเวลายาวนาน ทุกวันนี้สัตว์จำพวกหอยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประเทศ อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงหอยไม่ว่าจะนำมาเพื่อทำเป็นอาหาร หรือการเลี้ยงหอยมุกเพื่อเก็บเอาไข่มุกมาขายก็ล้วนแต่เป็นธุรกิจที่สร้างความรุ่งเรืองและทำกำไรให้แก่ผู้เพาะเลี้ยงและประเทศชาติได้เป็นอย่างมาก กรมประมงตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำโดยเฉพาะหอยสายพันธุ์ต่างๆ มาโดยตลอด เห็นได้จากการกำหนดมาตรการทางกฎหมาย เพื่อควบคุมการทำประมงหลายมาตรการ อีกทั้งยังมีการศึกษา วิจัย การเพาะขยายพันธุ์ และฟื้นฟูแหล่งพ่อแม่พันธุ์หอย โดยการปล่อยลูกพันธุ์เพื่อเพิ่มความอุดมส