อากาศร้อน
เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ ผมยังติดใจสงสัยว่า เพราะเหตุใด กรุงเทพฯ เกิดน้ำท่วม (น้ำรอระบาย) จะหนักบ้าง เบาบ้าง มักบ่นกันว่า ขยะอุดตันท่อระบายน้ำบ้าง ฝนตกหนักบ้าง สุดแล้วแต่จะวิจารณ์กันไป แต่ผมคิดว่าน่าจะมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน คุณหมอเกษตรมีความเห็นเป็นอย่างไรกับปัญหาน้ำท่วมนี้ แล้วเราจะหาทางออกที่ดีมีบ้างไหม ช่วยกรุณาให้ข้อคิดเห็นกับตัวผมเอง และผู้อ่านท่านอื่นๆ ไปในโอกาสเดียวกัน ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ ขอแสดงความนับถือ สุรพงศ์ เจริญสุขวงศ์ กรุงเทพฯ ตอบ คุณสุรพงศ์ เจริญสุขวงศ์ คำถามของคุณสุรพงศ์ เป็นคำถามที่ดี แม้ว่าจะผ่านเวลาภาวะน้ำท่วมกรุงเทพฯ ไปแล้วก็ตาม แต่นับว่าเป็นข้อดีที่ผู้เกี่ยวข้องจะได้มีเวลาอ่านและทบทวน แล้วนำไปปรับใช้เพื่อแก้ปัญหาได้บ้างไม่มากก็น้อย น้ำท่วมในกรุงเทพฯ นั้นเกิดจากปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ตามความเข้าใจถูกต้องแล้วครับ ผมจะจัดลำดับปัจจัยที่ส่งผลให้การเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ ดังนี้ สภาพภูมิอากาศ ประเทศไทย รวมทั้งกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในเขตมีอากาศร้อนชื้น มีพายุพัดผ่านทำให้ฝนตกชุก เฉลี่ยปีละ 2,000 มิลลิเมตร ซึ่งฤดูฝนเริ่มตั้งแต่ปลายเดือน
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศในช่วง วันที่ 19-24 ธันวาคม 2561 โดยระบุว่า บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีฝนบางแห่ง แต่ยังคงมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส กับม
นายสัตวแพทย์กิติกรณ์ เจนไพบูลย์ ปศุสัคว์ จ.สงขลาเปิดเผยว่าปัญหาโรคสุนัขบ้าที่กำลังแพร่ระบาดใน 5 อำเภอของ จ.สงขลา อ.รัตภูมิ มากที่สุด รองมา อ.หาดใหญ่ คลองหอยโข่ง รัตภูมิ สะเดา และ อ.กระแสสินธ์ มาจากสุนัขจรจัด ที่มีอยู่ประมาณ 30,000 ตัว ซึ่งจะอาศัยอยู่ในที่มีอาหารเช่น วัด กองขยะและในหมู่บ้าน ยังฉีดวัคซีนในกลุ่มสุนัขจรจัดได้น้อยมาก ปศุสัตว์ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก อบจ.สงขลา ให้ได้ 72,000 ตัวในปี 61 นายสัตวแพทย์กิติกรณ์เปิดเผยว่าทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไขโรคพิษสุนัขบ้า โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ต้องจัดหาสถานกักและเลี้ยงสุนัข-แมวจรจัด และให้ออกกฎข้อบังคับท้องถิ่นเรื่องสุนัขและแมวให้ชัดเจน เพราะสุนัขและแมวจรจัดมาจากสุนัขและแมวที่เลี้ยงมาก่อน เมื่อหมดความรักจะปล่อยทิ้งให้เป็นภารสังคมต่อไป นายสัตวแพทย์กิติกรณ์เปิดเผยว่าเพื่อความชัดเจนในการป้องกันและแก้โรคพิษสุนัขบ้า จ.สงขลา วันที่ 12 มี.ค.ประชุมคณะกรรมการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าระดับจังหวัด หาเจ้าภาพรับผิดชอบ ด้าน นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกอบจ.สงขลา กรรมการ อบจ.แห่งประเทศไทยเปิดเผยว่าสมาคมอบจ.แห่งประเทศไทย ได้พูดคุยใ
วันที่ 24 เมษายน สถานการณ์ปลากะพงขาวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในกระชังริมทะเลสาบสงขลารอบตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ที่ช็อกตายต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีปลาตายแล้วหลายสิบตัน ล่าสุดวันนี้ยังคงพบมีปลากะพงขาวตายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกระชังปลาของนายพงศ์ธร รัตนประทีป ในพื้นที่หมู่ 9 ตำบลเกาะยอ ที่เลี้ยงเอาไว้กว่า 100 กระชัง มีปลาช็อกและกำลังจะตาย จมลงในน้ำ ปลาส่วนใหญ่เป็นปลาที่ได้ขนาดส่งขาย คือตัวละ 3-5 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท นายพงศ์ธรบอกว่า เชื่อว่ามีปัญหาการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงในคลองธรรมชาติ ก่อนที่จะถูกระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้ปลากะพงช็อกตาย เนื่องจากก่อนที่ปลาจะช็อกนั้น ได้กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรง แม้จะมีการพยายามใช้ผงออกซิเจนเพื่อกู้วิกฤต แต่ก็ไม่เป็นผล ปัญหาที่เกิดขึ้นถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี และอยากให้ส่วนราชการเร่งยื่นมือมาช่วยเหลือ เพราะความเสียหายในครั้งนี้ถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว เนื่องจากได้มีการกู้ยืมเงินมาลงทุนเลี้ยงปลาล็อตนี้ถึง 2 ปี แต่เมื่อจะจับส่งขายได้ในราคากิโลกรัมละ 165 บาท วันนี้เหลือเพียง 5-100 บาทเท่านั้น ทำให้ประสบปัญหาขาดทุนทันที โด
วันที่ 24 เมษายน 2560 จากอากาศที่ร้อนติดต่อกันหลายวัน ไม่ได้ส่งผลกระทบกับพืชผลการเกษตรเท่านั้น ยังส่งผลต่อไก่ไข่ที่เกษตรกรเลี้ยงในจังหวัดหนองคาย ที่มีกว่า 5 แสนตัว ทำให้มีไก่น็อกตายจากอากาศร้อนทุกวัน เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องหาวิธีคลายความร้อนให้กับไก่ที่เลี้ยง โดยเฉพาะเกษตรกรที่เลี้ยงไก่ไข่ในเขตอำเภอศรีเชียงใหม่ ที่เลี้ยงไก่ไข่จำนวน 14 ฟาร์ม ไก่ไข่กว่า 2 หมื่นตัว ได้คลายความร้อนให้กับไก่โดยติดตั้งระบบปริงเกอร์บนหลังคาโรงเรือนที่เลี้ยงไก่ไข่ เปิดในช่วงที่อากาศร้อน ซึ่งช่วงนี้ต้องเปิดทั้งวันคือตั้งแต่ 08.00 น.- 18.00 น. และถ้าวันไหนร้อนจัดก็เปิดยาวจนถึง 20.00 น. นอกจากนี้ยังได้นำพัดลมไปเปิดภายในโรงเรือนเพื่อให้ไล่อากาศร้อน และยังเปิดเพลงให้กับไก่เพื่อเป็นการผ่อนคลายอีกด้วย ส่งผลให้ไก่ที่เลี้ยงไม่น็อกตายจากอากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ และยังอารมณ์ดี ออกไข่สูงถึงร้อยละ 96 อีกด้วย นายอนันต์ สุวรรณสน อายุ 48 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ บ้านนาโพธิ์ ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ บอกว่า ช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด ตนได้ทำระบบสปริงเกอร์ที่หลังคาโรงเรือนที่เลี้ยงไก่ และเปิดพัดลมภายในโรงเรือน เพื่อเป็นกา
วันที่ 24 เมษายน สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.ชัยนาท ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องในพื้นที่การเกษตรหลักอย่างนาข้าวที่ต้องพักดินเพื่อรอน้ำฝนในการเพาะปลูกฤดูใหม่ ในส่วนของชุมชนเองก็ได้รับผลกระทบต่อเนื่องเช่นกัน โดยนางส้มจีน สีดาฟอง อายุ 63 ปี ประชาชนหมู่ 6 ต.บ่อแร่ อ.วัดสิงห์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ปกติคนในพื้นที่ ต.บ่อแร่จะมีอาชีพเสริมทดแทนการทำนาคือการปลูกผักชนิดต่างๆ ขายเช่น พริก มะเขือ ถั่วฝักยาว ฟักทอง และแตงกวา แต่ในปีนี้แล้งมาเร็วและอากาศร้อนมาก ทำให้ผักที่ปลูกไว้ถูกแดดเผาจนเหี่ยวแห้งตายหมด ทำให้ชาวบ้านจำเป็นต้องทิ้งแปลงผัก ชะลอการเพาะปลูกออกไปก่อนเพื่อรอน้ำจากฤดูฝน เพราะหากปลูกพืชในระยะที่อากาศร้อนและแล้งหนักอย่างในปัจจุบันก็คงจะขาดทุนอย่างแน่นอน ด้านนายปราโมทย์ อ่อนน้อม ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาชัยนาท เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้อุณหภูมิในพื้นที่ จ.ชัยนาท ยังยังคงร้อนต่อเนื่องเฉลี่ย 38 องศาเซลเซียส แต่ที่น่าสนใจคือเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการทำลายสถิติร้อนที่สุดในรอบปี 60 แล้วคืออุณหภูมิวัดได้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่า ฤดูร้อนปี 2560 กรมอุตุนิยมวิทยาประเมินว่า ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน จะมีอากาศร้อนอบอ้าวและร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิสูงสุดอาจจะสูงถึง 42-43 องศาเซลเซียส ซึ่งปกติร่างกายมนุษย์จะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส หากร่างกายเผชิญกับอุณหภูมิอากาศที่ร้อนกว่านี้ และไม่สามารถปรับลดอุณหภูมิได้ อาจเกิดโรคลมแดดหรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการเจ็บป่วยรุนแรง เกิดจากการออกกำลังกายหรือทำงานในที่อากาศร้อนจัด เป็นเวลานาน ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนในร่างกายได้ ทำให้การทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดรวมทั้งระบบประสาททำงานผิดปกติ ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลวจนทำให้เสียชีวิตได้ ผู้ที่เป็นลมแดด จะมีอาการ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ไม่มี เหงื่อออก รู้สึกกระหายน้ำมาก ตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ความร้อนในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียล ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เพ้อ ชัก มึนงง หน้ามืด หากไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีอาจทำให้หมดสติและเสียชีวิตได
พังงา – นายปฤษฎี กอบบุญเกษม เกษตรกรบ้านนากลาง เผยว่า ช่วงนี้อากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง ส่งผลให้ผลผลิตเห็ดบางส่วนได้รับความเสียหาย เนื่องจากความแห้งแล้ง เกษตรกรที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นจากการให้น้ำปรับอุณหภูมิโรงเพาะเห็ด วันละ 4 ครั้ง ขณะที่รายได้ลดลงเนื่องจากผลผลิตเห็ดในช่วงฤดูแล้งจะลดลงกว่าปกติไม่น้อยกว่า ร้อยละ 30 นอกจากนี้ พืชผักสวนครัวหลายชนิดก็ได้รับผลกระทบผลผลิตเสียหายเช่นเดียวกับกลุ่มเกษตรกรที่เพาะเห็ดจำหน่าย ด้าน นายสมพงศ์ สมใหญ่ เกษตรกรผู้เลี้ยงกบ กล่าวเสริมว่า นอกจากผลผลิตทางการเกษตรแล้ว เลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ เช่น แม่พันธุ์กบส่งผลให้ไข่น้อยลง แม่พันธุ์พ่อพันธุ์กบกินอาหารได้น้อยลง เกิดภาวะความเครียดจากอากาศที่ร้อนจัด ขอบคุณข้อมูลจากข่าวสด