อาชีพพระราชทาน
เกษตรแปลงใหญ่-วิสาหกิจชุมชน-ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร-ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน และศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนดีเด่นระดับประเทศปี 2566 พร้อมเผยแพร่องค์ความรู้และขยายผลความสำเร็จสู่เกษตรกรและประชาชนทั่วไป หลังเข้ารับรางวัลชนะเลิศจากกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร จัดพิธีมอบโล่และเกียรติบัตร พร้อมเงินรางวัลให้เกษตรกรต้นแบบ ที่มีผลงานดีเด่นระดับประเทศ ในประเภทต่าง ๆ ประจำปี 2566 ประกอบด้วย 1.แปลงใหญ่ดีเด่นระดับประเทศ ปี 2566 รางวัลชนะเลิศได้แก่แปลงใหญ่โคนม สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมโคกก่อ จำกัด ตำบลโคกก่อ อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม มีนายณัฐวุฒิ ประทีปะวณิช เป็นประธาน 2.วิสาหกิจชุมชน ดีเด่น ระดับประเทศ ปี 2566 รางวัลชนะเลิศได้แก่ เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์จังหวัดอำนาจเจริญ มีนายวันนา บุญกลม เป็นประธานเครือข่ายฯ 3.ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ดีเด่นระดับประเทศ ปี 2566 รางวัลชนะเลิศได้แก่ ศพก.อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา มีนายอรุณ ขันโคกสูง เป็นประธาน 4.ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.)ดีเด่นระดับประเทศ ปี 2566 รางว
กรมปศุสัตว์โชว์ฟาร์มเกษตรกรโคนมต้นแบบ “นคร ฟาร์ม” อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เน้นบริหารจัดการในรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียง เลี้ยงวัวนมในรูปแบบธรรมชาติโดยปลูกพืชอาหารโคนมเองและปรุงอาหารในสูตรเฉพาะที่เหมาะสมกับโคนมแต่ละช่วงอายุ นอกจากช่วยลดต้นทุนการผลิตแล้ว หลักสำคัญทำให้วัวนมมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ให้น้ำนมดี และไม่ป่วย คุณนคร กาบขุนทด อายุ 38 ปี เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ผันตัวเองจากพนักงานประจำช่างอิเล็กทรอนิกส์ มาสู่การทำอาชีพเกษตรกรรมเพียงเพราะเบื่อการทำงานเป็นพนักงานประจำ และเล่าว่า เดิมทีนั้นตนเองทำงานเป็นพนักงานประจำด้านอิเล็กทรอนิกส์ ก็รู้สึกอิ่มตัวแล้วอยากกลับมาอยู่บ้านเกิดที่จังหวัดนครราชสีมา สนใจอาชีพการเลี้ยงวัวนมซึ่งเป็นอาชีพพระราชทาน จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาศึกษาการทำโคนมอย่างจริงจัง เริ่มต้นจากโคนม 7 ตัว และค่อยๆ เพิ่มมาเป็น 12 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ด้วยความบังเอิญได้ไปรู้จักกับหมอที่รักษาวัวนมท่านหนึ่ง ท่านได้เข้ามาแนะนำวิธีการเลี้ยงวัวนมโดยเน้นเลี้ยงแบบธรรมชาติ เพื่อลดการเจ็บป่วยของโคนมให้น้อยลง ทั้งนี้ การเลี้ยงในแบบธรรมชาติสิ่งสำคัญก็คือการดูแลเรื่องอาหาร โดยฟาร์มจะ
“ต้องปลูกฝังลูกหลานสมาชิกให้รักอาชีพการเลี้ยงโคนม มีผู้สืบทอดอาชีพการเลี้ยงโคนม และมีการอบรมส่งเสริมให้ความรู้ในการเลี้ยงโคนม” พระราชดำรัสความตอนหนึ่งที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตรัสแก่ผู้ที่มาเฝ้ารับเสด็จ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมของสหกรณ์โคนมปากช่อง จำกัด จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันพบว่าเกษตรกรเลี้ยงโคนมส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย มีอายุเฉลี่ย 55-65 ปี และมีความต้องการอยากให้ลูกหลานสานต่ออาชีพ ขณะเดียวกันในส่วนของสหกรณ์โคนมก็ขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ มาส่งเสริมฟาร์มโคนมสมาชิก ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ตระหนักการสร้างความมั่นคงในอาชีพการเลี้ยงโคนม จำเป็นต้องสร้างคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นบุตรหลานสมาชิกสหกรณ์โคนมมาต่อ ยอดอาชีพพระราชทาน จึงได้น้อมนำพระราชกระแสรับสั่งของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาสานต่อแนวพระราชดำริ โดยได้ทำโครงการความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ ในการสนั
อ.ส.ค. เตรียมจัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2563 อย่างยิ่งใหญ่ ชูแนวคิด “รักนม รักฟาร์ม สืบสาน รักษา ต่อยอด โคนมอาชีพพระราชทาน” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนม และสืบสานพระราชปณิธาน พัฒนาอุตสาหกรรมโคนมไทยยุคใหม่ เพื่อก้าวสู่แบรนด์นมแห่งชาติ” โดยงานจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 29 ม.ค.-9 ก.พ. 63 ณ บริเวณเชิงเขาตาแป้น อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ที่พระองค์ได้พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมให้แก่ปวงชนชาวไทยและแสดงความก้าวหน้าของวิทยาการด้านการเลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมโคนมของประเทศ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนยีการเกษตรสมัยใหม่ไปสู่เกษตรกร จัดงานขึ้นระหว่าง วันที่ 29 มกราคม-9 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นงานประจำปี ที่ อ.ส.ค. จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี ณ บริเวณเชิงเขาตาแป้น อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ปีนี้จัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ภายใต้แนวค
อ.ส.ค.เตรียมจัดงาน “Thai-Denmark Milksic Festival 2019” หวังปลุกกระแสและสร้างค่านิยมเด็กรุ่นใหม่ Gen Z ถึงGen X ให้หันมาดื่มนมไทย-เดนมาร์ค นมโคสดแท้100% ไม่ผสมนมผงที่ผลิตจากน้ำนมดิบของเกษตรกรไทย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้คนไทยและสนับสนุนโคนมอาชีพพระราชทานให้เป็นอาชีพที่มั่นคง ยั่งยืน อีกทั้งเป็นการผลักดันผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ก้าวสู่แบรนด์อันดับที่ 1 ที่อยู่ในใจผู้บริโภคชาวไทยภายในปี 2564 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการจัดงานไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์สิค เฟสติวัล 2019 (Thai-Denmark Milksic Festival 2019) ว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อ สืบสาน รักษา ต่อยอด “โคนมอาชีพพระราชทาน” ซึ่งเป็นอาชีพทรงคุณค่าที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงพระราชทานไว้ให้แก่เกษตรกรไทย ทรงเล็งเห็นว่าอาชีพการเลี้ยงโคนมจะช่วยให้ชาวไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่า ทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยได้มีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน จึงมอบหมายให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) จัดงานรณรงค์การบริโภคนมด้วยผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คภายใต้ชื
อาชีพการเลี้ยงโคนม นับเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกรไทย และเป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจ เนื่องจากเป็นอาชีพพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประเทศเดนมาร์ก ในปี 2503 ได้ทอดพระเนตรกิจการโคนมของเกษตรกรชาวเดนมาร์ก ทรงให้ความสนพระทัยเกี่ยวกับกิจการการเลี้ยงโคนมของชาวเดนมาร์กเป็นอย่างมาก ด้วยทรงเล็งเห็นว่า อาชีพการเลี้ยงโคนมจะช่วยให้ชาวไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่า ทั้งยังช่วยให้เกษตรกรไทยได้มีอาชีพที่มั่นคงและเป็นหลักแหล่ง ไม่ต้องบุกรุกทำไร่เลื่อนลอยอีกต่อไป และทรงมีพระราชดำรัสในคราวหนึ่งว่า “การเลี้ยงโคนมก็เป็นอาชีพที่ดีสำหรับคนไทย เหมาะกับประเทศ และถ้าใช้หลักวิชาที่เหมาะสม ก็จะทำให้มีความเจริญและมีรายได้ดี” กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้จัดอบรมเพิ่มขีดความสามารถทายาทและยุวชนเกษตรกรโคนมในการเลี้ยงโคนม เพื่อเพิ่มผลผลิตฟาร์มโคนมที่ปฏิบัติได้และเป็นผลจริง ซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อบรมความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยง