อุปกรณ์ตัดไม่ตก
เป็นระเบียบของการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ที่กำหนดให้นักศึกษาต้องนำวิชาเรียนพื้นฐานที่เรียนไปตั้งแต่เริ่มศึกษาในระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในทุกวิชาที่เกี่ยวข้องกับสายงานตัวเอง มาประยุกต์เพื่อคิดโครงงานวิจัยให้เกิดชิ้นงานหรือสิ่งประดิษฐ์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือช่วยแก้ปัญหาให้กับท้องถิ่น หรือชุมชน และต้องเป็นชิ้นงานที่ไม่ได้ทำเพื่อตนเอง เมื่อถึงเทอมสุดท้ายของการศึกษา นักศึกษาระดับชั้นปวส.ปีที่ 2 กลุ่มหนึ่ง นำเสนออุปกรณ์ตัดใบกล้วย โดยใช้ชื่อว่า “อุปกรณ์ตัดไม่ตก” แนวคิดนี้เป็นของ นายนัทธพงศ์ อินทรขัน นายอากร ขำเกลี้ยง และ นายนลธวัช หัวเขา นักศึกษาชั้นปวส.2 แผนกช่างยนต์ วิทยาลัยการอาชีพตรัง ทั้ง 3 คน ให้คำตอบถึงแนวคิดว่า ผู้สูงอายุในชุมชนส่วนใหญ่ไม่ได้ประกอบอาชีพ ประกอบกับบริเวณที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ปลูกกล้วยตานี ผู้สูงอายุเกือบทั้งหมดจึงหารายได้จากการตัดใบกล้วยตานีไปขาย โดยใช้มีดทำครัวผูกติดกับไม้ที่มีขนาดยาว เช่น ไม้ไผ่ ด้วยยางในของรถจักรยานยนต์ เพื่อให้ด้ามมีดมีความยาวมากพอที่จะตัดก้านใบกล้วย เมื่อใช้ไปสักระยะการผูกเกิดหลวม เป็นเหตุให้มีดหล่น ผู้ใช้ถูกมีดบาด
ตรัง – นายสิฐวิชญ์ แต้มประสิทธิ์ อาจารย์แผนก ช่างยนต์ วิทยาลัยการอาชีพตรัง กล่าวว่า นักศึกษา 4 คน ได้แก่ นายนัทธพงศ์ อินทรขัน นายนลธวัช หัวเขา นายอากร ขำเกลี้ยง และนายเอกพงศ์ ยงประเดิม ได้ร่วมกันคิดค้นวิจัยสิ่งประดิษฐ์รุ่นใหม่ขึ้นชื่อว่า “อุปกรณ์ตัดไม่ตก” เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเกษตรกรผู้สูงอายุในเขตเทศบาลตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง ที่ตัดใบตองจำหน่ายให้ดียิ่งขึ้น และได้รางวัลระดับประเทศของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ปกติชาวบ้านมักใช้มีดทำครัวขนาดเล็ก มัดเข้ากับปลายไม้ไผ่ เพื่อตัดใบตอง แต่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงมาก ในกรณีที่มีดหลุดตกใส่ตัวเกษตรกร ขณะที่ใบตองร่วงลงสู่พื้นดิน ทำให้ฉีกขาด หรือหัก และเสียเวลาในการเดินเก็บด้วย ส่งผลให้ราคาใบตองตกไปอยู่ที่เกรดต่ำสุด หรือเกรด C ขายได้กิโลกรัมละ 3-4 บาทเท่านั้น ดังนั้น นักศึกษาจึงได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ตัดไม่ตกขึ้น ซึ่งทำด้วยสเตนเลส หรือเหล็กกล้าไร้สนิม ยกเว้นด้ามต่อยาวประมาณ 4 เมตร ทำด้วยอลูมิเนียม ทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้หนักเพียงแค่ 70 กรัม ยาว 167 เซนติเมตร และมีต้นทุนอยู่ที่ 600 บาท สามารถนำไปใช้ตัดใบตองได้ทุกชนิด โดยเฉพาะกล้ว