เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์
การเกษตรสมัยใหม่ คืออนาคตของประเทศ รัฐบาลชุดที่ผ่านมา จึงมีมติขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สนองนโยบายรัฐบาล โดยจับมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถานศึกษาในสังกัด สอศ. ร่วมบูรณาการนวัตกรรมอาชีวศึกษาเกษตร สู่ความยั่งยืนภายใต้ BCG โมเดล ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ เพื่อลดต้นทุน ควบคู่กับการเพิ่มผลผลิต ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ทุ่นลอยน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานแสงอาทิตย์จัดเป็นพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพสูงปราศจากมลพิษ อีกทั้งเกิดใหม่ได้ไม่สิ้นสุด ซึ่งการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า มีเทคโนโลยีคือ การใช้อุปกรณ์โซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์ และอุปกรณ์รวมแสงอาทิตย์มาผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้งานในระบบต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ และนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งในด้านการเกษตรกรรมนั้น “น้ำ” เป็นสิ่งจำเป็น เกษตรกรพยายามหาวิธีการจัดการน้ำที่ยั่ง
กระแสไฟฟ้าที่ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่ได้มาจากพลังงานฟอสซิส (น้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน) ซึ่งเชื้อเพลิงดังกล่าว นับวันจะมีปริมาณน้อยลงทุกทีและมีโอกาสหมดไปในอนาคต ประกอบกับราคาเชื้อเพลิงกลุ่มดังกล่าวมีความผันผวนสูงขึ้นตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของโลก ขณะเดียวกันเชื้อเพลิงกลุ่มนี้ยังปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมหาศาล เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก แถมสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พอห่อหุ้มโลกหนาเข้าๆ ก็กลายเป็นสภาวะเรือนกระจก แสงแดดที่ส่องเข้ามาจากดวงอาทิตย์ถูกกักความร้อนเอาไว้ ไม่สะท้อนออกไปสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ทำให้มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นถี่กว่าเดิมถึง 5 เท่า อีกด้วย หากประเทศไทยพึ่งพาการใช้เชื้อเพลิงกลุ่มเดิมๆ แต่เพียงอย่างเดียว ก็เสี่ยงเจอปัญหาขาดแคลนพลังงานได้ และอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อการพัฒนาของประเทศไทยได้ในระยะยาว ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาของไทยจึงพยายามนำพลังงานหมุนเวียนจากธรรมชาติ เช่น แสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล น้ำขึ้น-น้ำลง พลังงานไฮโดรเจน ฯลฯ นำมาใช้เป็น
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ร่วมเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มมวลชน ปราชญ์เพื่อความมั่นคงและภาคประชาชนทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิต เสริมสร้างอาชีพและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม โดยกอ.รมน.และวช.ร่วมจัดกิจกรรม Kick-off เปิดตัว”โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลุ่มมวลชน โดยการยกระดับศักยภาพความเข้มแข็งของชุมชนด้วยวิจัยและนวัตกรรม ครั้งที่ 1” เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ศูนย์เรียนรู้วิสาหกิจชุมชนบ้านหนองบัวดง อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการใช้ประโยชน์องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน ในการนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในการเปิดกิจกรรม Kick-off ร่วมกับ พลตรีกฤษณะ วัชรเทศ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฎิบัติที่ 1 กอ.รมน. โดยมี นายสมชัย คล้ายทับทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ให้เกียรติกล่าวต้อนรับ พร้อมผู้