เทคนิคการม้วนเส้นด้ายยืน
ประเทศไทย มีการทอผ้าเป็นอาชีพจำนวนมากในพื้นที่ภาคอีสาน รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ชาวบ้านนอกจากทอผ้าขายแล้ว ยังผลิตเครื่องทอผ้าพื้นเมืองจำหน่ายให้กับผู้ทอผ้าในท้องถิ่นอื่นๆ โดยเครื่องทอผ้าที่ผลิตขึ้นจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ เครื่องทอผ้ากี่ธรรมดา กับเครื่องทอผ้ากี่กระตุก ในปัจจุบัน เครื่องทอผ้าสามารถพัฒนาได้มากสุด 30-80 ตะกอ เครื่องทอผ้าแต่ละแบบผู้ทอจะเลือกใช้ตามความถนัดของผู้ทอ ผ้าทอประเภทผ้าพื้นส่วนมากจะใช้วิธีการทอด้วยเครื่องทอกี่กระตุก ส่วนผ้าทอที่มีลักษณะของการสร้างลวดลายหรือถักลายบนพื้นผ้าจะใช้เครื่องทอผ้าแบบธรรมดา แต่ละครั้งสามารถทอได้ความยาวเพียง 3 เมตร ต่อวัน กับหน้าผ้ากว้างที่ 60 เซนติเมตร เมื่อนั่งทำงานไปนานๆ ผู้ทอจะเกิดความเมื่อยล้าของร่างกาย เนื่องจากจะต้องนั่งตัวตรง และเกร็งลำตัวเพื่อให้เกิดแรงส่งไปที่แขนและมือ รวมทั้งจะต้องออกแรงที่ขาและเท้าสำหรับเยียบตะกอ ทำให้เกิดความเมื่อยล้า หากทอผ้าที่มีลวดลายพิเศษจะต้องใช้สายตาในการทำงานอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มีเป้าหมายส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อชุมชนสังคม
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เสริมสร้างศักยภาพชุมชนด้วยวิจัยและนวัตกรรม โดยนำนวัตกรรมม้วนเส้นไหมยืนที่ออกแบบและพัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต และมูลค่าของผลิตภัณฑ์ โดย วช. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) พระนคร ยกระดับคุณภาพการผลิตผ้าพื้นเมืองที่ครอบคลุมกระบวนการ ตั้งแต่การเตรียมเส้นยืนก่อนการทอ การออกแบบอุปกรณ์ม้วนเส้นไหม และการทอผ้า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563 ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วย ดร.พรเทพ ศักดิ์สุจริต ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ได้ติดตามความสำเร็จของการนำนวัตกรรมเทคนิคการม้วนเส้นด้ายยืน ไปใช้ในการเพิ่มศักยภาพชุมชน ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านโนนหว้าทอง ต.โนนม่วง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นกลุ่มวิสาหกิจทอผ้าไหมที่สามารถนำนวัตกรรมไปผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นในกระบวนการผลิต ซึ่งปัจจุบันสมาชิกของกลุ่มมีรายได้ในการผลิตผ้าพื้นเมือง เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า และผลิตภัณฑ์ของกลุ่มได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจได้รับการตอบรั