เฟิร์น
ไม่ใช่เพียงการปลูกผักในบริเวณบ้านเท่านั้นที่จะถูกนำเสนอในคอลัมน์ เกษตรในเมือง แต่หมายถึงการปลูกพืชชนิดไหนก็ได้ ขอเพียงให้สามารถใช้ประโยชน์จากการปลูกทั้งในแง่ความมั่นคงทางอาหารหรือสุขภาพที่ได้บริโภคผักปลอดภัย หรือในแง่สันทนาการเพื่อความเพลิดเพลินสามารถคลายเครียดจากการทำงานในเมืองได้เป็นอย่างดี ไม้ดอกไม้ประดับส่วนใหญ่จะถูกปลูกไว้หน้าบ้านหรือในสวนข้างบ้านอยู่แล้ว จะมากจะน้อยแล้วแต่ความชอบกับความเหมาะสมของสถานที่ ภูมิอากาศสภาพแวดล้อมก็มีส่วนด้วย ตามข้อมูลของเฟิร์นสกุล Platycerium หรือชายผ้าสีดา ที่มีถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติในประเทศไทยมีอยู่ 4 ชนิด คือ เฟิร์นหูช้าง เฟิร์นปีกผีเสื้อ ที่มีมากทางภาคเหนือและภาคอีสาน ส่วนเฟิร์นชายผ้าสีดาใต้ที่มีชายห้อยลงยาวกว่าชนิดอื่นและเฟิร์นเขากวางตั้งซึ่งมีชายตั้งตรงขึ้นไม่ได้ห้อยเหมือนชนิดอื่นพบในภาคใต้ ผู้เขียนเคยนำเฟิร์นทั้ง 4 ชนิดมาปลูกในภาคกลางปรากฏว่าเฟิร์นที่เติบโตได้ดีคือ เฟิร์นปีกผีเสื้อและเฟิร์นหูช้างของภาคเหนือและภาคอีสาน ส่วนเฟิร์นที่มาจากภาคใต้ คือเฟิร์นชายผ้าสีดาใต้และเขากวางตั้งปลูกค่อนข้างยาก เพราะตามถิ่นกำเนิดเดิมเฟิร์นเหล่านี้อยู่ในธรรมชาติที่
เฟิร์น (Fern) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pteridophyta เป็นพืชอีกกลุ่มหนึ่งที่มีราว 20,000 สปีชีส์ โดยถูกจำแนกในไฟลัม Pteridophyta หรือ Filicophyta เฟิร์นเป็นพืชที่มีท่อลำเลียงที่แตกต่างไปจากไลโคไฟตา (lycophyte) ตรงที่มีลักษณะใบแท้จริง (megaphylls) ที่ต่างจากพืชที่มีเมล็ด และที่สำคัญระบบสืบพันธุ์ไม่มีดอกและเมล็ด ซึ่งวงจรชีวิตของเฟิร์นนั้นเป็นวงจรชีวิตแบบสลับ โดยมีระยะสปอโรไฟต์ที่มีโครโมโซม 2 ชุด (diploid) และแกมีโทไฟต์ที่มีโครโมโซม 1 ชุด (haploid) ซึ่งแกมีโทไฟต์ของเฟิร์นสามารถดำรงชีวิตได้อย่างอิสระ เฟิร์นเป็นพืชที่เจริญเติบโตช้าจึงมีความต้องการสารอาหารในปริมาณที่ไม่มาก ทำให้สามารถเจริญเติบโตได้บนดินที่เลว บนหิน ตามร่องหินหรืออาศัยอยู่บนต้นไม้ได้ จึงเป็นไม้ประดับที่นิยมนำมาตกแต่งภายในสวน เพื่อให้เกิดความอ่อนช้อยและมีมิติมากยิ่งขึ้น เมื่อนำมาปะปนอยู่กับไม้อื่นๆ ภายในบริเวณนั้น คุณสุเมธ ศรีสุนทร เป็นเกษตรกรปลูกเฟิร์นอยู่ที่ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยเฟิร์นที่เขาปลูกและขยายพันธุ์นั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ โดยเริ่มทำจากความชอบจนกลายมาเป็นอาชีพที่ทำรายได้ให้กับเขาได้เป็นอย่างดี ค
ข้าหลวงหลังลาย แอบอิงไม้ใหญ่ ไม่เคยอยู่ “วัง” ก็ยังเป็น “นางข้าหลวง” ได้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asplenium nidus L. ชื่อสามัญ : Bird’s nest Fern ชื่อวงศ์ : ASPLENIACEAE ชื่ออื่นๆ : เฟิร์นข้าหลวง เฟิร์นข้าหลวงหลังลาย เฟิร์นรังนก เฟิร์นข้าหลวงโอซาก้า ฉันขอแทนชื่อตัวเองว่า “เฟิร์น” นะจ๊ะ เพราะชื่อของฉันถ้าเรียกชื่อเดิมๆ ฟังดูแล้วเก่าแก่ เป็น “นางห้าม” และเหมือนกับคนทำผิด ถูกลงโทษหนีออกจากวัง ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่วังเลย แต่พอเรียกชื่อแทนตัวว่า “เฟิร์น” เป็นคนละอารมณ์มากๆ รู้สึกสดชื่นเป็นเหมือนสาวน้อยวัยใสเริงร่ากับธรรมชาติที่ชุ่มชื้นด้วยพืชใหญ่ใบเขียว ไม่ว่าอยู่ในป่าใหญ่ หรือในเนิร์สเซอรี่ และภาพรวมของต้นเฟิร์นจริงๆ ก็มีหลายสายพันธุ์ รูปลักษณ์ทั้งใบและกลุ่มกอ เฟิร์นเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ถูกเรียกชื่อโดยมีคำว่า “ข้าหลวง” ประกอบชื่อ กล่าวกันว่า มีถึง 38 สายพันธุ์ เท่าที่เรียกกันมากๆ เช่น เฟิร์นข้าหลวงญี่ปุ่น เฟิร์นข้าหลวงจักรพรรดิ เฟิร์นข้าหลวงแคระ เฟิร์นข้าหลวงโอซาก้า เฟิร์นข้าหลวงคอบบร้า ส่วนตัวเฟิร์นเขาชอบเรียกกันตรงๆ ว่า “ข้าหลวงหลังลาย” ช่วงแรกๆ ได้ยินชื่อก็คิดมาก เพราะติดกับความรู้สึกด้า
เฟิร์นเขากวาง เป็นไม้ประเภทเกาะอาศัยอยู่บนคาคบไม้ เฟิร์นชนิดนี้ ผิวใบด้านบนมีสีเขียวเข้มกว่าด้านล่าง กระเปาะที่สร้างสปอร์อยู่ที่ใบด้านล่างดังกล่าว ด้วยรูปร่างของใบคล้ายเขากวาง จึงเรียกกันว่า เฟิร์นเขากวาง แหล่งที่อยู่อาศัยในธรรมชาติ ต้องการร่มเงา และมีความชื้นในบรรยากาศสูง การขยายพันธุ์ทำได้ทั้งการแยกต้นและเพาะสปอร์ วิธีหลังทำได้ไม่ยาก โดยการนำวัสดุปลูกใส่ลงในภาชนะบรรจุ แล้ววางไว้ใกล้กับต้นเฟิร์นที่เป็นหนุ่มสาวแล้ว เมื่อสปอร์ตกลงในวัสดุปลูก เช่น ขี้เลื่อยชุ่มน้ำ มันจะงอกเป็นต้นอ่อน และเติบโตเป็นต้นสมบูรณ์ต่อไป การนำเฟิร์นเขากวางมาปลูกเลี้ยงในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล ให้แซะต้นเฟิร์นออกจากแผ่นไม้ ปลูกลงในกระถางที่มีขนาดพอเหมาะกับต้นเฟิร์น โดยใช้ขี้เลื่อยแช่น้ำ คั้นให้หมาดเป็นวัสดุปลูก เก็บในที่ร่มรำไร หากต้องการให้เติบโตดี ควรรดด้วยปุ๋ยยูเรีย ละลายในน้ำสะอาดอย่างเจือจาง 2 เดือนครั้ง เมื่อเห็นว่าเติบโตจนล้นกระถาง ให้เปลี่ยนลงปลูกในกระถางที่ใหญ่ขึ้น ความมีเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเฟิร์นชนิดนี้ คือ เมื่อต้นสมบูรณ์เต็มที่ จะสร้างใบออกมาครอบปากกระถางจนมิด เพื่อรักษาความชื้นไว้ในวัสดุปลูกไม่ให้ระเหยไ
หน้าฝนแบบนี้ คนเมืองคงจะไม่ชอบใจนัก เพราะทำให้รถติด เดินทางไปไหนมาไหนไม่สะดวก แต่สำหรับคนชนบทแล้ว หน้าฝนคือชีวิต คือความอุดมสมบูรณ์ มีกุ้ง หอย ปู ปลา เต็มท่า เต็มหนอง ผักพื้นถิ่นต่างแตกยอดชูช่อสดเขียว ทั้งหน่อไม้ เห็ดชนิดต่างๆ พร้อมให้เก็บไปปรุงเป็นอาหาร หล่อเลี้ยงชีวิตให้ดำเนินได้ต่อไป นอกจากพืชหลัก คือข้าวแล้ว หลายครัวเรือนยังต้องเตรียมที่เพื่อลงต้นกล้าของพืชผักชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ถั่ว บวบ มะเขือ และพืชพรรณอื่น ตามที่ตัวเองมีเมล็ดพันธุ์ หน้าฝนในชนบทจึงเขียวขจีมีชีวิตชีวา แต่ยังมีพืชผักอีกหลายชนิดที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ สามารถเก็บมาต้มยำทำกินได้โดยไม่ต้องลงแรงปลูกและซื้อหา เพียงแค่เป็นคนขยัน รู้จักกิน รู้จักใช้ประโยชน์จากพืชผักเหล่านั้น ลำเท็ง เด็ดยอดอ่อนมาทำแกงเลียงส้มระกำใส่ปลาทูนึ่ง หรือทำแกงเลียงใส่เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ใส่กุ้งแห้ง ขอบอกว่า ซดคล่องคอกว่าซุปเห็ด ซุปข้าวโพด ของฝรั่งมังค่า มากมายนัก ลำเท็ง หรือบางแห่งบางที่ เรียกว่า ลำเพ็ง เป็นเฟิร์นชนิดหนึ่ง ยอดอ่อนๆ จะมีสีส้มออกแดง ใบแก่จะมีสีเขียวเข้ม ลำต้นเป็นเถาวัลย์ ชอบเกาะตามต้นไม้ใหญ่ หรือพุ่มไม้อื่นๆ ยิ่งหน้าฝนแบบนี้ จะแตกยอด
ย่านลิเภา หรือ หญ้าลิเภา ที่เคยรู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ และไม่เคยเห็นประโยชน์ของมันเลย นอกจากมองเห็นมันเป็นแค่วัชพืชที่ขึ้นรกเรื้อตามสวนยางและสวนผลไม้ ที่ต้องฟันทิ้ง ตอนที่เป็นเด็กๆ ก็เคยเอามาทำเป็นเชือกผูกไม้จ่อวาด ก็คือว่า ตัดไม้ไผ่ลำเล็กๆ เรียวๆ มา แล้วใช้ก้านมะพร้าวที่ชุบยางไม้มาผูกติดกับปลายยอดของลำไม้ไผ่แล้วผูกด้วยย่านลิเภา ผู้ใหญ่ก็มามัดผูกทำไม้กวาดแข็งแรงและทนทานดีนักแล ประโยชน์ของย่านลิเภาเท่าที่เคยรู้ตอนสมัยเด็กๆ ก็มีเท่านี้ เพิ่งได้รู้ถึงคุณประโยชน์ของย่านลิเภาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เองว่า ย่านลิเภาที่เคยเอามาเล่นในสมัยเด็กๆ นั้น บัดนี้ได้สร้างรายได้ให้กับผู้คนได้มากมาย ด้วยทำเป็นเครื่องจักสาน ที่ดูดีสวยงามและมีคุณค่า ทั้งยังเป็นยาสมุนไพรได้อีกด้วย ย่านลิเภา เขาว่ากันว่า เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามแต่ในแต่ละท้องถิ่น บ้างเรียกตีนมังกร ตีนตะขาบ กระฉอด กระฉอก ตะเภาขึ้นหน ลิเภาใหญ่ กูดก้อง กูดเครือ กูดงอดแงด กูดแพะ กูดย่อง ก็เรียกต่างๆ กันไป แต่ชื่อที่บางท้องถิ่นเรียก ทำให้ตะขิดตะขวงในความรู้สึกนี่สิ แต่ก็นะ ภาษาใครภาษามัน ท้องถิ่นใครก็ภาษาของท้องถิ่นนั้น ซึ
เป็นสามศรีพี่น้อง (ในวงการ) ที่ชื่นชอบต้นไม้ และหลงใหลในธรรมชาติไม่แพ้กัน สำหรับ ซัน-ประชากร, แก้มบุ๋ม-ปรียาดา และ บอส-จักรพันธ์ ล่าสุดเลยแท็กทีมกันมารวมตัวเฉพาะกิจในงาน “The Garden 2017” (เดอะ การ์เด้น 2017) ซึ่งจัดขึ้นโดย ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ ที่นอกจากจะรวบรวมเฟิร์นแต่ละสายพันธุ์ และพันธุ์ไม้ประดับมากมาย มาจัดในสไตล์แกเลอรี่ภายใต้คอนเซปต์ ‘Fern Gallery’ เป็นครั้งแรกในไทย! แล้ว ยังมีกิจกรรมน่ารักๆ อีกเพียบ ณ เซ็นเตอร์คอร์ท ชั้น 1 ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ เมื่อวันก่อน ไม่เพียงแต่เสน่ห์ที่งดงามตามธรรมชาติเท่านั้น ที่ทำให้ทั้ง ซัน-แก้มบุ๋ม-บอส เดินหลงอยู่ในดงเฟิร์น! แต่ยังล้อมรอบไปด้วยซุ้มพันธุ์ไม้ประดับต่างๆ มากมาย งานนี้เลยชวนกันไปชมไปช็อปสุดเพลิน โดยเฉพาะสาว แก้มบุ๋ม ที่ตาวาวเหมือนจะเหมาไปทั้งงาน พร้อมบอก “บุ๋มชอบต้นไม้มากๆ ชอบปลูกเองด้วย มีช่วงนึงปลูกต้นกระบองเพชรเป็นร้อยๆ เลย แล้วก็จะคอยดูว่าจะออกดอกเมื่อไหร่ เห็นแล้วมีความสุข ส่วนเฟิร์นเป็นไม้ที่เลี้ยงในร่มได้ เดี๋ยววันนี้ว่าจะเอากลับไปเลี้ยงไว้กลางบ้านเลยค่ะ (ยิ้ม)” บอส บอก “เป็นคนชอบต้นไม้แต่ปลูกไม่เป็นครับ แต่ชอบอยู่กั
ข้าหลวงหลังลาย เป็นเฟิร์นชนิดหนึ่งในวงศ์ Aspleniaceae จัดเป็นเฟิร์นอากาศ อิงอาศัยต้นไม้หรือหินผา ใบใหญ่และยาวรูปขอบขนานคล้ายใบกล้วย ยาว 50-150 เซนติเมตร กว้าง 10-20 เซนติเมตร ปลายใบแหลมคล้ายใบหอก หนาและแข็งเป็นมันเส้นใบแก่จะเป็นสีดำ การเรียงตัวของใบจะเวียนรอบลำต้น ทำให้ดูคล้ายตะกร้า กลุ่มของอับสปอร์ออกเป็นลายยาวขวางกับใบ เมื่อแก่เป็นสีน้ำตาลดำ