เลี้ยงปลาบ่อรวม
การส่งเสริมการเลี้ยงปลาแบบพัฒนา ให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปตั้งแต่เริ่มอนุบาลไปจนถึงจับขาย เป็นวิธีการเลี้ยงแบบพัฒนาที่ต้องใช้ต้นทุนสูง ส่งผลต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาที่มีต้นทุนน้อย ดังนั้น เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงต้องหันมาปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะเลี้ยงใหม่โดยอาศัยธรรมชาติผสมผสานกับวิธีการเลี้ยงแบบพัฒนา เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตแต่ยังคงคุณภาพและปริมาณ การเลี้ยงปลาในบ่อดินเป็นการเลี้ยงปลาที่คล้ายกับการเลี้ยงปลาปล่อยตามธรรมชาติ ปลาสามารถหาอาหารตามธรรมชาติภายในบ่อเลี้ยงกินได้ ซึ่งมีทั้งวัชพืช ธาตุอาหาร และแพลงตอนมากมายที่เกิดขึ้นอยู่ภายในบ่อ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยต่อการเติบโตของปลาเป็นอย่างดี พี่บุญส่ง วงศ์คำภู เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่หันมาทำอาชีพประมงเพาะเลี้ยงปลาเบญจพรรณบ่อดิน ควบคู่กับการเพาะเลี้ยงกุ้งขาวทั้งระบบปิดและเลี้ยงตามธรรมชาติ เป็นอาชีพหลัก ในพื้นที่ตำบลบางปลาร้า อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี กล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยน พี่บุญส่ง เล่าให้ฟังว่า เดิมตนเองและครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงหมู ปลูกพืช โดยอาศัยใต้ถุนบ้านและพื้นที่รอบๆ บริเวณบ้านเป็นสถานที่ทำกิจกรรมทั้งหมด ทำ
ราชบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางด้านตะวันตก ภูมิประเทศมีความหลากหลาย จากพื้นที่ราบต่ำลุ่มแม่น้ำแม่กลองอันอุดมสมบูรณ์ สู่พื้นที่สูงทิวเทือกเขาตะนาวศรี ทอดตัวยาวทางทิศตะวันตกจรดชายแดนไทย-พม่า นอกจากนี้ ยังถือเป็นแหล่งเพาะปลูกพืชผัก และผลไม้เศรษฐกิจนานาชนิด เรียกได้ว่ามีการทำการเกษตรที่หลากหลาย ส่วนด้านการประมงที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในจังหวัดราชบุรีคือ การเลี้ยงกุ้งทะเล กุ้งก้ามกราม และปลาสวยงาม สร้างรายได้หลักพันล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว คุณวสันต์ อินคล้าย อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านไร่ อำเภอดำเนินสะดวก เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรในจังหวัดราชบุรี ที่เลี้ยงปลาแบบแหวกแนว โดยเลี้ยงในรูปแบบที่ไม่เน้นปลาชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่เลี้ยงในรูปแบบผสมผสานหรือเรียกง่ายๆ ว่า เลี้ยงปลารวมแบบประหยัดต้นทุน ซึ่งใน 1 บ่อ มีปลามากกว่า 2 ชนิด จากการเลี้ยงวิธีนี้ทำให้เขาประสบผลสำเร็จ เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้เขาได้เป็นอย่างดี ทดลองทำหลากหลายอาชีพ สุดท้าย จบที่การเลี้ยงปลา คุณวสันต์ เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีมีอาชีพเย็บผ้าอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อแต่งงานกับภรรยาจึงมีแนวคิดที่จะย้ายมาอยู่ที่จังหวัดราชบุรี เพ
คุณจิม ครุฑฉ่ำ อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ที่ 2 ตำบลทรายมูล อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงปลาแบบบ่อรวมมาหลายสิบปี ซึ่งการเลี้ยงด้วยวิธีนี้ทำให้เธอสามารถจำหน่ายปลาได้หลากหลายชนิด จึงทำให้การเลี้ยงปลาแบบบ่อรวมเป็นงานที่สร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี คุณจิม เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนมีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดอื่น ต่อมาเมื่อย้ายมาอยู่ที่จังหวัดนครนายก จึงได้บุกเบิกมาปลูกบ้านอยู่ที่นี่และขุดบ่อเพื่อเลี้ยงปลาทันที โดยในช่วงแรกที่มาทำก็ไม่ได้เลี้ยงปลาแบบเชิงเดี่ยว แต่เลี้ยงแบบบ่อรวม ซึ่งใน 1 บ่อ จะประกอบด้วย ปลานิล ปลาตะเพียน ปลายี่สก ปลานวลจันทร์ และปลาจีน “เนื้อที่ทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 7 ไร่ เราก็แบ่งทำเป็นบ่อเลี้ยงปลา 6 ไร่ และอีก 1 ไร่ ก็แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกบ้าน ซึ่งเท่านี้ก็ถือว่าพอเหมาะ เพราะบริเวณบ้านไม่ต้องมีพื้นที่มาก เอาตรงอื่นมาทำบ่อเลี้ยงปลา ส่วนคันบ่อและบริเวณบ้านที่เหลือ ก็แบ่งเป็นเนื้อที่ปลูกพืชผักสวนครัว ก็ทำให้มีรายได้อีกทางในช่วงที่รอปลาโตจนกว่าจะขายได้” คุณจิม เล่าถึงที่มา ในช่วงแรกก่อนที่จะนำปลามาปล่อยลงบ่อ คุณจิม บอกว่า จะเตรียมบ่อ ขนาด 6 ไร่ ให้มีความพร้อมสำหรับเลี้ยง
คุณสมใจ ไวทยกุล อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 5 ตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี หญิงวัยเกษียณที่มากด้วยความสุข จากสิ่งที่เธอทำ คือ การเลี้ยงปลา ซึ่งภายใน 1 บ่อ จะปล่อยปลามากกว่า 3 ชนิด ปลาสามารถเจริญเติบโตได้ดี การเลี้ยงของเธอทำให้อัตราการรอดของปลาค่อนข้างสูง เน้นให้อาหารที่หาได้จากชุมชนและที่สำคัญเมื่อปลาโตจำหน่ายได้ราคา คุณสมใจ เล่าให้ฟังว่า ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตจะได้มาเลี้ยงปลาแบบที่เป็นอยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ดำรงชีวิตเป็นแม่บ้าน แต่เนื่องจากพี่ชายของเธอมาขอยืมที่ดินเพื่อเลี้ยงปลา ต่อมาพี่ชายเสียชีวิตเธอจึงได้หันมาประกอบอาชีพนี้โดยตรง “ช่วงแรก ประมาณปี ’54 หลังจากที่ต้องมาเลี้ยงต่อจากพี่ชาย ช่วงนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก ปลาก็จะต้องหากินเอง เรียกง่ายๆ ว่า ยังไม่มีความพร้อมทำด้านนี้มากนัก พออายุปลาครบกำหนดจำหน่ายได้ ก็ให้เขามาจับไปทั้งบ่อ คราวนี้เราก็เลยเริ่มที่จะมาทำด้านนี้เต็มตัว โดยเริ่มตั้งแต่เรียนรู้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่เริ่มปล่อยลูกปลาขนาดเล็กๆ ไปเลย” คุณสมใจ เล่าถึงความเป็นมา เมื่อคิดที่จะทำสัมมาอาชีพนี้อย่างจริงจัง การศึกษาหาความรู้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ คุณสมใจ บอกว
คุณชุมนุม ยงสืบชาติ อยู่ที่บ้านเลขที่ 199 หมู่ที่ 13 ตำบลสำโรงใหม่ อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้ที่ยึดการทำเกษตรหลากหลาย แต่ที่โดดเด่นและเกิดเป็นรายได้เป็นเรื่องของการทำประมงและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งพื้นที่ทำการเกษตร 100 เปอร์เซ็นต์ เขาได้แบ่งมาทำประมงอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 60 เปอร์เซ็นต์ก็ทำการเกษตรด้านอื่นๆ เช่น ปศุสัตว์ นาข้าว และพืชไร่บางชนิด เพื่อเสริมรายได้อีกหนึ่งช่องทาง คุณชุมนุม เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เริ่มประกอบอาชีพมาได้ยึดการทำเกษตรเป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้ให้กับครอบครัว โดยการเลี้ยงปลาในช่วงแรกจะเน้นเลี้ยงปลานิลเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ในช่วงเวลาที่ราคาตกลง ปลานิลที่เลี้ยงจำหน่ายได้ราคาที่ลดลงไปด้วย จึงได้ทำการปรับเปลี่ยนเลี้ยงปลาให้หลากหลายชนิดมากขึ้น เป็นแบบบ่อรวมภายใน 1 บ่อ มีปลามากกว่า 1 ชนิด เช่น ปลาตะเพียน ปลานิล และปลากินพืชอื่นๆ “บ่อปลาที่เลี้ยง ผมก็จะแยกบ่อการเลี้ยงอย่างชัดเจน อย่างบ่อที่ใช้สำหรับสร้างลูกพันธุ์ ก็จะเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์เพื่อผลิตลูกอย่างเดียว ส่วนบ่อไหนที่เลี้ยงสำหรับสร้างเป็นปลาเนื้อ ก็จะเลี้ยงผลิตเป็นปลาเพื่อส่งขายให้กับตลาด ต่อมาได