แกะสลัก
งานละเอียดแกะสลักพระพุทธรูป อาชีพนี้ใช้ทักษะเฉพาะตัว จ่ายค่าตอบแทนต่อครั้งหลักแสน คำแสนแกลเลอรี่เป็นที่รวมงานศิลปะประเภทประติมากรรมแกะสลักไม้ แนวคิดเชิงพุทธธรรมเป็นจำนวนมาก รวมเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ให้คนได้ไปชม คำแสนแกลเลอรี่ตั้งอยู่ที่ 251 หมู่ 4 ตำบลวังหลวง อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ ถ้าไปไม่ถูกให้โทรศัพท์ไปถามทางได้ที่ (084) 600-8074 เจ้าของคือ อาจารย์อิทธิพล ปัญญาแฝง คำแสนแกลเลอรี่ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยร่มไม้ ผลงานทุกชิ้นที่แสดงจะตั้งอยู่ในอาคารไม้ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ซึ่งมีอยู่น่าจะเป็นร้อยชิ้นเห็นจะได้ ส่วนใหญ่เป็นผลงานแกะสลักรูปเหมือนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และเกจิอาจารย์ชื่อดัง รวมทั้งพุทธประวัติ ผลงานแต่ละชิ้นมีความเหมือนและสวยงามน่าทึ่งว่าศิลปินจะแกะสลักจากไม้ขึ้นมาเหมือนคนจริงๆ ได้อย่างไร ส่วนชั้นล่างของเรือนไม้ก็มีงานศิลปะแสดงอยู่จำนวนหนึ่ง บริเวณเนื้อที่โดยรอบเป็นงานแกะสลักที่ทำเสร็จแล้วบ้าง กำลังทำก็มีอยู่หลายชิ้น ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปที่อาจารย์รับงานมาทำเอง เนื่องจากมีงานมาก อาจารย์จึงต้องมีคนช่วยงานถึง 7 คน ตัวอาจารย์เอง พอ
ลายไทย เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาติ ลวดลายที่ปรากฏและรู้จักกันโดยทั่วไป เช่น ลายก้านต่อดอก ลายกระจังใบเทศ ลายเปลว ลายประจำยาม และลายกนก เป็นต้น แต่ละลวดลาย ปรากฏอยู่ในภาพจิตรกรรมฝาผนัง และลวดลายแกะสลักตามโบราณสถานต่างๆ มากมาย การสลักลวดลายเราต้องมีเครื่องมือ เครื่องมือสลักลวดลายมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับประเภทงาน สำหรับไม้เนื้ออ่อนๆ เรามี สิ่วแกะสลัก เมื่อก่อนช่างคงต้องนำเหล็กมาตีขึ้นรูป แต่งรูปร่างออกมาใช้กันเอง แต่ปัจจุบันมีโรงงานทำออกมาขายโดยทั่วไป ราคาถูก แพง ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุที่นำมาผลิต ลักษณะของ สิ่วสลักลาย แต่ละอันมีด้ามเหมือนกัน ความยาวของตัวใบมีดใกล้กัน ต่างกันเพียงคมหน้าสิ่ว มีทั้งคมแบนเหมือนสิ่วทั่วไป มีหน้าโค้งมน มีหน้าเป็นมุมฉาก และมีหน้าเล็ก ใหญ่ สาเหตุที่มีหลายรูปร่างหน้าตา เพราะว่าต้องการให้เหมาะสมกับการใช้งานประเภทต่างๆ อย่างครอบคลุม ถ้าลายที่,uลักษณะโค้ง ก็ใช้สิ่วหน้าโค้งสลัก ถ้าต้องการใช้สลักเส้นลายตรงก็ใช้สิ่วหน้าแบนออกมาสลัก ถ้ามีเส้นหักมุมก็นำเอาสิ่วหน้าหักมุมเป็นรูปมุมฉากออกมาใช้ เป็นต้น การเลือกใช้หน้าสิ่วเหมาะสมกับงาน นอกจากจะทำให้มีความรวดเร็วในการทำงานแ
นายกฤษณะ แก้วธำรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ทีมนักแกะสลักหิมะจากประเทศไทย คว้าแชมป์ชนะเลิศการประกวดในการแข่งขัน เทศกาลหิมะ Sapporo Snow Festival ครั้งที่ 69 และงานประกวดแข่งขัน International Snow Sculpture ครั้งที่ 45 ณ สวนโอโดริ เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เป็นงานเทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และจะมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเข้าร่วมชมงานกว่า 2 ล้านคน บนพื้นที่กว่า 1.5 ตารางกิโลเมตร โดยกิจกรรมเด่นภายในงานคือ งานประกวดแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ ซึ่งเริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2517 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดส่งทีมแกะสลักหิมะจากประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันมาทั้งสิ้น 20 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 และปีนี้เป็นครั้งที่ 21 ทีมนักแกะสลักหิมะจากประเทศไทย คว้าแชมป์ชนะเลิศการประกวดในการแข่งขัน ภายใต้แนวคิด “ไก่ชน” ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่ผูกพันกับสังคมไทยมาทุกชนชั้นตั้งแต่สมัยโบราณ โดยทีมนักแกะสลักหิมะไทย ทั้ง 3 คน ได้แก่ นายกุศล บุญกอบส่งเสริม จากโรงแรมแชง – กรีล่า นายอำนวย ศรีสุข จากโรงแรม แกร
ฮือฮา ประติมากรรมจากหินทรายอาชีพที่เริ่มสูญหาย พ่อเฒ่าวัย 62 ปี ชาวบ้านตำบลวังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ใช้เวลาว่างจากการทำไร่ข้าวโพดสร้างงานแกะสลักจากหินทรายเป็นอาชีพเสริม โดยทำมานานกว่า 39 ปี ซึ่งอาชีพนี้นับวันเริ่มเลือนหาย เนื่องจากมีผู้สืบทอดน้อย โดยนายเกตุ บัวงาม อายุ 62 ปี ชาวบ้านตำบลวังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ชาวไร่ข้าวโพดที่ใช่เวลาว่างในการทำไร่ มารับจ้างแกะสลักหินทราย เป็นประติมากรรมรูปสัตว์ เช่น กวาง สิงห์ เป็นต้น รวมทั้งพระพุทธรูป ธรรมจักร และลูกนิมิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาชีพที่เริ่มหาคนทำได้ยาก ทำให้นายเกตุถือเป็นปราชญ์ชาวบ้านคนหนึ่งที่ยังสืบทอดอาชีพนี้ให้เห็นในพื้นที่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก นายเกตุ กล่าวว่า ตนเริ่มเรียนรู้งานแกะสลักมาจากเพื่อนบ้านในหมู่บ้านตั้งแต่ปี 2520 จากนั้นก็เริ่มยึดเป็นอาชีพเสริมเรื่อยมาจนปัจจุบันไม่ต้องดูแบบก็สามารถแกะกลักได้แต่ต้องเป็นแบบที่ทำประจำ จำพวกพระพุทธรูป สัตว์ โดยงานหนึ่งก็ใช้เวลา เดือนครึ่งถึง 3 เดือน แล้วแต่ความยากง่าย ซึ่งขั้นตอนการทำก็จะไปหาหินมาจากนั้นทำการผ่าหินให้ได้ขนาดแล้วเริ่มลงมือแกะสลักตามแบบจนสำเร็จ ซึ่งราคานั้นก็ขึ้นกับขนาดและความย