แก้มลิง
วันนี้ (8 ก.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่พบปะประชาชน พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยมี นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายจรัญ คำเงิน รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 6 และผู้เกี่ยวข้อง รายงานสรุปการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่และแผนการรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง (เอลนีโญ) ณ เขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ ปัจจุบัน (6 ก.ย. 66) มีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 296 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 16% ของความจุอ่างฯ ซึ่งถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับปี 2565 เนื่องจากปริมาณฝนตกสะสมในพื้นที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยมากถึง 39% กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น วางแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างรัดกุม คาดการณ์
น้ำ คือ ชีวิต ดิน คือ ชีวิต และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ก็เป็นสิ่งที่ต้องบรรเทาไว้ ให้เกิดความสูญเสียให้น้อยที่สุด ประโยคเหล่านี้ เป็นโจทย์ตั้งต้นของการแก้ปัญหา การพัฒนา การบูรณาการของทุกกรมกองที่มีกลไก และเครื่องมือในการบริหารจัดการในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ กระทรวงมหาดไทย โดย คุณนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงที่ดูแลปากท้องของประชาชนระดับรากหญ้า จำต้องคิด วิเคราะห์ให้มากและละเอียดยิ่ง เมื่อได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวถึงแนวนโยบายการทำงานในมุมของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกรมที่ดิน โดยตรง ทั้งยังเป็นกรมที่มีความสำคัญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ตามภารกิจของกระทรวงมหาดไทย คือ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” แล้ว ทำให้ทราบว่า คุณนิพนธ์พยายามบริหารจัดการอย่างเต็มที่เพื่อแก้ปัญหาให้งานลุล่วง บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากมาย แต่ที่พบเป็นประจำทุกปี คือปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง “ปภ. เดินไปใต้คอนเซ็ปต์ สร้างที่ให้น้ำอยู่ ทำทางให้น้ำไหล คอน
กรมชลฯ เปิดโรดแมปแผนศึกษาพัฒนาแหล่งน้ำ จ.พัทลุง ตอนล่าง-สงขลา ตอนบน เตรียมเสนอของบประมาณกว่า 700 ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพอ่าง-คลองส่งน้ำ เพิ่มพื้นที่ทำนาข้าว 10,000 ไร่ แถมเพาะปลูกพืชในฤดูแล้งได้อีก 8,700 ไร่ ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำแผนงานบริหารจัดการน้ำจังหวัดพัทลุง ระยะแรก งบประมาณรวม 744.7 ล้านบาท แบ่งเป็น การเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บน้ำคลองหัวช้าง อันเนื่องจากพระราชดำริ โดยสันฝายอาคารระบายน้ำที่สามารถเก็บกักเพิ่มขึ้นอีก 1 เมตร เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำอีก 3 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 30.339 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เป็น 33.339 ล้าน ลบ.ม. และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักฝายท่าเชียดอีก 300,000 ลบ.ม. ผ่านการเสริมสันฝายเพื่อยกระดับน้ำสูงขึ้นอีก 1 เมตร นอกจากนี้ มีโครงการต่อเนื่องในการปรับปรุงคลองส่งน้ำ จำนวน 8 สาย รวมความยาว 90.60 กิโลเมตร มีอาคารส่งน้ำ 564 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดพัทลุง ตอนล่าง 5 อำเภอ จำนวน 8 ตำบล มี อ.เขาชัยสน บางแก้ว ตะโหมด ป่าบอน และปากพะยูน มีพื้นที่รับประโยชน์รวมทั้งหมด 108,513 ไร่ โดยแผนทั้งหมดเต
เชื่อมั่นรัฐบาลเดินมาถูกทางสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์การตลาด ช่วยรองรับผลผลิตของเกษตรกร ภายหลังจากที่รัฐบาลเดินหน้านโยบายปฏิรูปภาคการเกษตร โดยจัดสรรงบประมาณกลางปีอุดหนุนสหกรณ์การเกษตรสร้างอุปกรณ์การตลาดและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อกักเก็บผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ ภายใต้ชื่อโครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร หรือ โครงการแก้มลิง เน้นรวบรวมข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง และยางพารา เพื่อยกระดับธุรกิจสหกรณ์ให้มีบทบาทตลอดห่วงโซ่การผลิตสินค้าการเกษตร ตั้งแต่การส่งเสริมเกษตรกรให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ การวบรวมเก็บเกี่ยว การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าตลอดจนการเชื่อมโยงกับภาคเอกชนและเครือข่ายสหกรณ์ด้วยกัน เพื่อจัดหาตลาดมารองรับผลผลิตของสมาชิก ซึ่งเปิดตัวโครงการไปตั้งแต่ต้นปี 2561 มีสหกรณ์ให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก และในขณะนี้สำนักงบประมาณได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณกลางปีภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ปฏิรูปโครงสร้างการผลิต ภาคเกษตรในส่วนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ วงเงิน 1,791.5341 ล้านบาท และมีสหกรณ์จะได้รับการอุดหนุนงบดังกล่าว 319 แห่ง ล่าสุด นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษต
โครงการก่อสร้างแก้มลิงหนองโนนต่าย เป็นโครงการตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยความร่วมมือกันระหว่างมูลนิธิภาคโรตารีไทยกับกรมชลประทาน ตั้งอยู่ที่บ้านเสาวัด ตำบลโพนงาม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร มีพื้นที่ทั้งหมด 507 ไร่ 1 งาน กว้าง 812 เมตร ยาว 1,000 เมตร เก็บกักน้ำได้ 2.4 ล้านลูกบาศก์เมตร ผมในฐานะประธานมูลนิธิภาคโรตารีไทย ได้บรรยายให้กับเหล่าโรแทเรียนในการประชุมเมื่อปีที่แล้ว ถึงการที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จจากพวกเราไปนั้น พสกนิกรคนไทยทั้งแผ่นดินต่างสุดโศกเศร้าและก็เสียใจเป็นที่สุด คิดถึงพระองค์ท่าน แต่ผมคิดว่าเราคนไทยแสดงความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้ แล้วบอกว่าคิดถึงพระองค์ท่านอย่างเดียวคงไม่พอ เราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายในการประกอบพระราชกรณียกิจตลอด 70 ปี ที่ทรงครองราชสมบัติ และพระราชทานแนวคิดแนวปฏิบัติต่างๆ จนนำไปสู่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ เพื่อให้พสกนิกรอยู่ดีมีสุข และโครงการแก้มลิงก็เป็นโครงการหนึ่งที่พระองค์ทรงให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะน้ำเป็นประโย
กรมส่งเสริมสหกรณ์เผยผลสำรวจความต้องการสหกรณ์การเกษตรเข้าร่วมโครงการแก้มลิงเพื่อรวบรวมข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง และยางพารา จำนวน 263 แห่ง สนองนโยบายรัฐบาลคัดสหกรณ์ที่มีศักยภาพช่วยรองรับผลผลิตของเกษตรกร เตรียมเสนอของบกลาง 4,200 ล้านบาท สนับสนุนอุปกรณ์การตลาด โกดังและฉางให้สหกรณ์เก็บรวบรวมผลผลิตเพิ่มขึ้น 1,092,000 ตัน หวังสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิตการเกษตรให้แก่เกษตรกร นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแก่สถาบันเกษตรกรจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร โดยสนับสนุนสหกรณ์ทำหน้าที่เป็นแก้มลิงในการเก็บรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ ทั้งข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังและยางพารา เพื่อชะลอปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว โดยกรมฯจะเสนอของบกลางปีจากรัฐบาล 4,200 ล้านบาท สนับสนุนอุปกรณ์การตลาด ทั้งฉาง ลานตาก โกดัง เครื่องอบลดความชื้นและอุปกรณ์ในการแปรรูปผลผลิตการเกษตรให้สหกรณ์ใช้เก็บรวบรวมผลผลิตไว้ รอเวลาที่เหมาะสม จึงจะทยอยนำออกสู่ตลาด เพื่อสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิตการเกษตรให้แก่เกษตรกร เป้าหมายการทำแก้มลิงชะลอผลผลิตการเกษตร คา
คุณไพฑูรย์ น้อยคำมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอร์เดีย จำกัด ซึ่งทำหน้าที่ดูแลตกแต่งภูมิทัศน์รอบพระเมรุมาศในครั้งนี้ เปิดเผยว่า ประมาณช่วงกลางเดือนตุลาคม เกิดฝนตกหนักทั่วรอบมณฑลพิธีสนามหลวง ปรากฏว่า ฝั่งทิศใต้ (ด้านวัดพระแก้ว) ไม่มีพื้นที่รองรับน้ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง จนต้องเร่งระบายน้ำขังเป็นการด่วน ขณะที่ฝั่งทิศเหนือ ไม่มีปัญหาน้ำท่วมขังเลย เนื่องจาก ดร. พรธรรม ธรรมวิมล ภูมิสถาปนิก สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ได้ออกแบบให้มีการก่อสร้าง “โครงการแก้มลิง” ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณนอกรั้วราชวัติ จำนวน 2 จุด คือ ฝั่งแปลงคันนา เลข ๙ และฝั่งพลับพลายก ซึ่งบ่อน้ำดังกล่าว ทำหน้าที่รองรับน้ำฝนได้ดี ช่วยไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมนอกรั้วราชวัติด้านทิศเหนือได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณไพฑูรย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการคิดค้นพระราชทานแนวพระราชดำริให้มีระบบการบริหารจัดการด้านน้ำท่วม ด้วยวิธีการ “แก้มลิง” โดยรับสั่งให้มีการขุดคลองและสระน้ำขนาดใหญ่ สำหรับรองรับน้ำฝนและเก็บไว้เป็นบ่อพักน้ำ อันเปรียบ
วันที่ 14 กันยายน นายโบว์แดง ทาแก้ว ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากกรณีชาวนาและชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บางคนสอบถามเข้ามาถึงการบริหารจัดการน้ำเหนือไหลหลาก เข้าทุ่งแก้มลิงตามธรรมชาติ 7 ทุ่ง ได้แก่ ทุ่งบ้านแพน บางบาล ผักไห่ เจ้าเจ็ด บางกุ้ง ป่าโมก และทุ่งบางกุ่ม รวม 600,000 ไร่ ที่สามารถจุน้ำได้ 1,026 ล้าน ลบ.ม. ว่า ในเมื่อกรมชลประทานให้ชาวนาเกี่ยวข้าวเสร็จก่อนวันที่ 15 กันยายนนี้ แต่ทำไมจะปล่อยน้ำเข้าทุ่งในวันที่ 25 กันยายนนั้น ขอชี้แจงว่ากรมชลประทานมีแนวทางการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ และจะใช้ทุ่งแก้มลิงทั้ง 7 ทุ่ง ตัดยอดมวลน้ำเหนือไหลหลาก ในช่วงที่น้ำเหนือมีปริมาณมาก และมีภาวะน้ำทะเลหนุน ซึ่งนับจากวันที่ 15 กันยายนนี้เป็นต้นไป จะมีการโรยน้ำหรือปล่อยน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ผ่านประตูน้ำเข้าในพื้นที่ลำคลองสาขาต่างๆในทุ่งนาแก้มลิง แบบค่อยๆปล่อยน้ำเข้าไป แต่จะไม่ให้ล้นลำคลองในทุ่งนา ทั้งนี้เพื่อสงวนพื้นที่ทุ่งนา 600,000 ไร่ ที่กำหนดเป็นแก้มลิงตามธรรมชาติไว้ใช้ตัดยอดมวลน้ำเหนือไหลหลาก ซึ่งสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว เพราะกรมอุตุนิยมวิทยาคาดเอาไว้ว่า ใ
วันที่ 12 กันยายน 2560 นายสุชาติ เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 ชัยนาท เปิดเผยว่าจากเดิมที่กรมชลประทานจะเริ่มผันน้ำเข้าพื้นที่แก้มลิง ทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาหลังวันที่ 15 กันยายน 2560 เพื่อลดผลกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำภาคกลางตอนล่างและกรุงเทพมหานครนั้น ล่าสุดจากการสำรวจพบว่ายังมีนาข้าวของเกษตรกรจำนวนมากที่ยังไม่ทันได้เก็บเกี่ยว จึงพิจารณาการผันน้ำเข้าพื้นที่แก้มลิงออกไปเป็นหลังวันที่ 25 กันยายน เพื่อไม่ให้นาข้าวที่เหลือได้รับความเสียหาย ซึ่งในช่วงแรกจะทำการผันน้ำเข้าพื้นที่แก้มลิง ในพื้นที่ทางตอนบนใน จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง และ จ.สุพรรณบุรี บางส่วนก่อน ส่วนพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาทางตอนล่าง ใน จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี จะยังไม่มีการผันน้ำเข้า โดยคาดว่าหลังวันที่ 25 กันยายน เมื่อน้ำเข้าแก้มลิงตามแผนจะสามารถกักเก็บน้ำได้ 1,300 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกษตรกรจึงยังไม่ต้องกังวล เพราะกรมชลประทานจะผันน้ำเข้าพื้นที่ ที่เก็บเกี่ยวแล้วเท่านั้น แต่เกษตรกรไม่ควรทำนาต่อเนื่องเพราะเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากน้ำหลากในเดือนตุลาคม ที่มา : มติชนออนไลน์
ในปี 2540 ได้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างหนักในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร อันเกิดจากพายุโซนร้อน (ซีต้า) ที่พัดเข้าโจมตีประเทศไทย จนประชาชนในจังหวัดชุมพรได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในครั้งนี้เป็นอย่างมาก จากปริมาณน้ำที่ท่วมเข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดชุมพรเป็นจำนวนมาก เป็นเพราะด้านทิศตะวันตกและตะวันออกเฉียงเหนือจรดภูเขาสูง เมื่อมีฝนตกที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อำเภอท่าแซะ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร และอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง น้ำไหลจากบริเวณดังกล่าวผ่านพื้นที่บริเวณตัวเมืองชุมพร ก่อนไหลลงสู่อ่าวไทย จึงเป็นผลทำให้มีน้ำท่วมขังเป็นปริมาณมากในเขตตัวเมืองชุมพร เมื่อ วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำรัสเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในชุมพร ทางจังหวัดชุมพรจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานวางแผนพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ให้เป็นแก้มลิงธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ เพื่อถวายเป็นราชสักการะเนื่องในโอกาสที่มีพระชนมพรรษาครบ 71 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2541 5 วิธี การแก้ไข ต่อมาใน วันที่ 20 มิถุนายน 2541 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุ