แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม
หากใครคิดอยากทำเกษตรเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลัก แต่มีพื้นที่ไม่มาก และไม่อยากทำงานตากแดดตัวดำ ขอแนะนำให้ลงทุนทำฟาร์มเห็ด เพราะใช้พื้นที่น้อย ปลูกดูแลง่าย ลงทุนน้อย ได้กำไรเยอะ เห็นผลเร็ว “กระท่อมเห็ด ฟาร์ม@ไทรน้อย” เป็นหนึ่งในตัวอย่างธุรกิจฟาร์มเห็ดที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มีพื้นที่ฟาร์มแค่ 2 ไร่ แต่สร้างรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน กระท่อมเห็ด ฟาร์ม@ไทรน้อย เกิดจากแนวคิดของ คุณจุ๊บ หรือ คุณนัยนา ยังเกิด เมื่อปลายปี 2555 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่คุณจุ๊บทำงานเป็นสาวแบงก์ เธอคิดว่าในวันนี้ไม่มีอาชีพอะไรที่มั่นคง ชีวิตไม่มีความแน่นอน จึงได้คิดวางแผนหาอาชีพเสริมที่เหมาะสำหรับผู้หญิง ไม่ต้องใช้แรงเยอะ ไม่ต้องตากแดด คุณจุ๊บตัดสินใจทำฟาร์มเห็ด เพราะทำงานในร่ม เก็บเห็ดขายได้ทุกวัน และสามารถแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มเห็ดได้หลากหลายรูปแบบ คุณจุ๊บ มองว่า อาชีพเกษตรเป็นอาชีพที่มีโอกาสเติบโตมีศักยภาพเป็นครัวโลกได้ โดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการเริ่มต้นธุรกิจ เลือกปลูกเห็ด เพราะเห็ดเป็นพืชที่ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้หญิงที่ไม่อยากโดนแดดกลางแจ้ง และ
จากสภาวะราคายางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำ สร้างผลกระทบต่อเกษตรกรเป็นวงกว้าง ชาวบ้าน ม.2 บ.คลองน้ำนิ่ง ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง จึงรวมกัน เลี้ยงเป็ดไข่กว่า 500 ตัว ในสวนปาล์มน้ำมัน เพื่อเก็บไข่สดส่งขายร้านเบเกอรี่ ร้านขายของชำในชุมชน และแปรรูปเป็นไข่เค็มใบเตยหอม จนสร้างรายได้ก้อนโตในชุมชน น.ส.รัศมี เจี้ยวเห้ง ประธานกลุ่มเลี้ยงเป็ดไข่ กล่าวว่า ตนได้รวบรวมชาวบ้านในชุมชนกว่า 10 คน มาเรียนรู้การเลี้ยงเป็ดไข่ และการบริหารจัดการกลุ่ม ทั้งการจัดตั้งกลุ่ม การทำบัญชีครัวเรือน การแปรรูปไข่เค็มใบเตยหอม และการออกแบบฉลากและบรรจุภัณฑ์ โดยมี นางจุฑาภรณ์ พงศ์ประวัติ ครู กศน.ตำบลกะลาเส เป็นพี่เลี้ยงและประสานงานกับภาคีเครือข่าย ร่วมสนับสนุนกลุ่มเลี้ยงเป็ดไข่ ทั้งนี้จากการเลี้ยงเป็ดไข่มา 5 เดือน สร้างรายได้ให้กับกลุ่มอย่างงดงาม ซึ่งในแต่ละวันเป็ดจะออกไข่ 400-450 ฟอง ส่งขายในราคาฟองละ 3.50 สตางค์ รวมทั้งยังแปรรูปเป็นไข่เค็มใบเตยหอม ส่งขายในราคาฟองละ 8 บาท เนื่องจากไข่เค็มที่กลุ่มนำมาแปรรูปจะใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นดินสอพอง เกลือไอโอดีน ใบเตยหอม และน้ำสะอาด จึงทำให้เป็นที่ต้อง
“บิ๊กฉัตร” ห่วงราคาสินค้าเกษตรอีก 3-6 เดือนข้างหน้า สั่ง สศก.ตั้งทีมดูแลรายตัว แนะผลิตตามความต้องการตลาด แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม และส่งเสริมระบบตลาดออนไลน์ พร้อมประสานพาณิชย์หามาตรการรองรับแก้ปัญหาตกต่ำ หวั่นผลผลิตน้อยแต่ราคาร่วง นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แสดงความกังวลต่อราคาสินค้าเกษตรและผลผลิตในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า สั่งให้ตั้งทีมงานดูแลรายสินค้าเกษตรกร แม้ที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยใช้ตลาดนำการผลิตหรือผลิตตามตลาดต้องการ รวมทั้งแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม และส่งเสริมระบบตลาดออนไลน์ เพื่อแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แต่ราคาสินค้าเกษตรขึ้นอยู่กับกลไกตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ บางสินค้ายังพึ่งพาตลาดส่งออกหลักเพียงตลาดเดียว อีกทั้งยังขึ้นกับตลาดล่วงหน้าต่างประเทศ เช่น ยางพารา เป็นต้น ทั้งนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สั่งการให้ สศก.ประมาณการผลผลิตด้านการเกษตร 16 ชนิด ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังโรงงาน สับปะรดโรงงาน