แหล่งท่องเที่ยวการเกษตร
หลังจากที่ คุณฉลอง และ คุณจันทร์ธิภา คงลิขิต สองสามี-ภรรยา ประสบความสำเร็จจากธุรกิจการทำบ้านรังนกนางแอ่น ในนาม บริษัท ตี๋บ้านนก 2005 จำกัด มานานกว่า 15 ปี จนทำให้ชาวชุมพร ตลอดจนบุคคลทั่วประเทศเป็นที่ทราบว่า หากต้องการสร้างบ้านรังนก ต้องใช้บริการของบริษัท ตี๋บ้านนก 2005 จำกัด เท่านั้น วันนี้ คุณฉลอง หรือ เฮียตี๋ ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกการสร้างบ้านรังนกนางแอ่นเจ้าแรกๆ ของจังหวัดชุมพร ได้มีการแตกไลน์ธุรกิจ ด้วยการสร้างศูนย์เรียนรู้วงจรชีวิตปลาคาร์พแห่งแรกของจังหวัดชุมพร และอาจถือเป็นแห่งแรกของภาคใต้ตอนบนด้วย บนพื้นที่ ขนาด 50 ตารางวา ในซอยกองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 1 จังหวัดชุมพร (กองร้อย อส.จ.ชุมพร) หมู่ที่ 5 ตำบลขุนกระทิง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เฮียตี๋ได้ใช้ความรู้และประสบการณ์ในเรื่องการก่อสร้างที่เคยประสบความสำเร็จจากการก่อสร้างบ้านรังนก มาสร้างศูนย์เรียนรู้วงจรชีวิตปลาคาร์พด้วยงบประมาณจำนวน 6 ล้านบาท โดยใช้ชื่อว่า ชุมพร โค่ย ฟาร์ม แอนด์ คาเฟ่ (Chumphon Koi Farm & Cafe) ซึ่งคำว่า โค่ย (Koi) เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ปลาคาร์พ “ผมเลี้ยงปลาคาร์พมานานนับสิบปี เมื่อลูกชายคนเล็ก คือ น้องจ๊อบ
เทศกาลวันหยุดยาวในช่วงนี้ หลายครอบครัววางแผนเที่ยวต่างจังหวัดกันอีกรอบ หากใครไม่อยากเสียเวลาขับรถระยะทางไกล แนะนำให้แวะเที่ยว “สวนนงนุชพัทยา 1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก” แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์อยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นี้เอง นักท่องเที่ยวที่มาเยือน “สวนนงนุชพัทยา” ต่างรู้สึกตื่นตาตื่นใจทุกครั้ง เพราะคุณโต้ง-คุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา มีการพัฒนาปรับปรุงสวนสวยอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้ง ด้วยคอนเซ็ปต์ “อีกนิดนึง” ในทุกๆ วัน สวนนงนุช 2 จากการพัฒนาที่ไม่มีวันจบสิ้นของท่านผู้นำ คุณโต้ง-คุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้เปิดโซนท่องเที่ยวแห่งใหม่ ชื่อว่า “นงนุชเทรดดิชั่น เซ็นเตอร์” หรือ “สวนนงนุช 2” ซึ่งพนักงานเรียกกันติดปากว่า “ไร่ล่าง” ที่ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด สร้างสวนให้มีมากกว่าความสวยงาม นั่นคือ การให้ความรู้แก่มวลมนุษยชาติแบบไร้พรมแดน ไร้ห้องเรียนแบบจับต้องและสัมผัสของจริง “นงนุชเทรดดิชั่น เซ็นเตอร์” หรือ “สวนนงนุช 2” คือ ศูนย์เรียนรู้แบบครบวงจร เช่น เกษตรอินทรีย์ บุฟเฟ่ต์ผลไม้ ห้องเรียนทำอาหาร หมู่บ้าน 9 อารยธรรม ลานจัดกิจกรรมอารีน่า 1/2 สนามมวยนงนุชพัทยาบ
อินทผลัมเป็นพืชตระกูลปาล์ม มีมากกว่า 200 สายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบตะวันออกกลาง อินทผลัมถือเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและประกอบไปด้วยประโยชน์ต่างๆ นานาชนิด ชาวมุสลิมยังนิยมกินอินทผลัมในช่วงถือศีลอดอีกด้วย ในวันนี้เราจะพามารู้จักกับสวนอินทผลัมที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นั่นคือส่วนอินทผลัมที่มีชื่อว่า “สวนเคียงหมอก” ตั้งอยู่ที่ตำบลสาริกา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก อยู่ในซอยวัดเขาราชสีห์ก่อนถึงเขื่อนขุนด่านปราการชลประมาณ 5 กิโลเมตร สวนเคียงหมอกเป็นสวนเกษตรแบบผสมผสานมีผลไม้หลายอย่าง แต่ที่ออกผลผลิตให้เก็บเกี่ยวจำนวนมากนั่นก็คืออินทผลัม คุณสมพงษ์ เพชรประดับสุข เจ้าของสวน เปิดเผยว่า เดิมทีเป็นคนชอบต้นไม้ ชอบการเกษตรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังเกษียณราชการ เลยมาทำสวนผลไม้แบบเต็มตัว เรียกได้ว่าเป็นเกษตรหลังวันเกษียณก็ว่าได้ “ผมเริ่มทำสวนมานาน 6 ปี บนเนื้อที่กว่า 6 ไร่ โดยปลูกไม้ผลแบบผสมผสานหลากหลายอย่าง แต่ปลูกอินทผลัมเป็นหลัก ส่วนไม้ผลที่ผมได้จัดสรรพื้นที่เพื่อปลูกพืชไม้ผลอื่นๆ อาทิ เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง มะยงชิด มะม่วง กล้วย และมะพร้าว นอกจากนี้ ยังได้ปลูกไม้ทุกอย่างที่กินได้ ส่วนไม้ยืน
เพราะการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด การได้ลงมือทำ และเรียนรู้วิถีการทำเกษตรอินทรีย์ ผลิตอาหารกินเอง คือ สิ่งที่คนเมืองและชาวกรุงโหยหา ยิ่งหลังเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 หลายคนตระหนักแล้วว่า การผลิตอาหารเองเป็น ทำให้ดำรงชีพอยู่ได้อย่างไม่ต้องตื่นตระหนก ว่าแต่…จะหาความรู้ หาแรงบันดาลใจ หรือปลูกฝังให้กับเด็กๆ ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ได้จากที่ไหนที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากเกินไป…วันนี้ ปฐม ออร์แกนิก ฟาร์ม (Patom Organic Farm) ในสวนสามพราน จ.นครปฐม กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว รองรับกลุ่มครอบครัว โรงเรียน องค์กร และนักท่องเที่ยวที่ต้องการท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้วิถีอินทรีย์ พร้อมมาตรการความปลอดภัยครบถ้วน เปิดทุกวัน วันละ 3รอบ ความโดดเด่นของ ปฐม ออร์แกนิก ฟาร์ม ตามความตั้งใจของ คุณอรุษ นวราช ผู้บริหารสวนสามพราน และ ผู้ก่อตั้งสามพรานโมเดล คือเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีการทำเกษตรอินทรีย์ และเรียนรู้ระบบวงจรฟาร์ม โดยให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง รวมถึงการนำวัตถุดิบจากฟาร์มไปปรุงอาหาร ที่ทุกคนจะได้สัมผัสด้วยตัวเองถึงความพิเศษของพืชผักอินทรีย์ที่มีความสด รสชาติดี เพื่อสร้างแ
กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามความร่วมมือ กับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ในการฝึกอาชีพให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ เช่น “เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ” อ.เขาสมิง จ.ตราด ได้มีทักษะความรู้ ประสบการณ์เรื่องการปลูกหม่อนและเเปรรูปผลิตภัณฑ์จากหม่อนไหม เพื่อเป็นแนวทางสร้างอาชีพเลี้ยงตนเอง พบว่า ผู้ต้องขัง ที่เข้าร่วมโครงการเมื่อพ้นโทษออกไปแล้ว ส่วนใหญ่สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพการเกษตร โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิต นางสาวศิริพร บุญชู อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า กรมหม่อนไหม ได้ร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ คืนคนดีสู่สังคม โดยจัดอบรมอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแก่ผู้ต้องขังก่อนการปลดปล่อย เพื่อมีความรู้ติดตัวไปสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน สำหรับเรือนจำที่มีพื้นที่ว่างเพียงพอ กรมหม่อนไหมจะเข้าไปส่งเสริมความรู้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ปลูกหม่อนผลสด สาวเส้นไหม ฟอกย้อมสีเส้นไหม ทอผ้าไหม และแปรรูปผลิตภัณฑ์ หลายอย่าง อาทิ ชาหม่อน แปรรูปหม่อนผล ผลิตรังไหมสดเพื่อจำหน่าย ฯลฯ
โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงขุนสถาน ตั้งอยู่ที่บ้านแสนสุข หมู่ที่ 9 ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน พื้นที่ของหมู่บ้านตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ อยู่ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์โซนซีทั้งหมด มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 700-1,726 เมตร อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ประชากรบ้านขุนสถาน 198 ครัวเรือน และบ้านแสนสุข 182 ครัวเรือน ประชากรเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้งที่มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อาชีพและรายได้หลักจากการเกษตร ในระยะแรกจะประกอบอาชีพการปลูกข้าวโพดและกะหล่ำปลีและปลูกข้าวไร่เป็นส่วนใหญ่ ต่อมาโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงขุนสถาน ได้เข้าไปดำเนินงานโดยนำรูปแบบของโครงการหลวง เข้าไปพัฒนาชุมชนบนที่สูงครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ แบบบูรณาการ โดยมีเป้าหมายชุมชนมีส่วนร่วมเพื่อให้ชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ชุมชนได้รับความรู้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติสิ่งแวดล้อมโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน เมื่อเร็วๆ นี้ โครงการฯ ขุนสถาน ได้จัดงาน “สืบสานศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ย
“เจก รัตนตั้งตระกูล” ชื่อนี้หากใครดูช่วงข่าวในพระราชสำนัก หรือรายการข่าวในบางช่วง ของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 ก็จะได้มีโอกาสพบผู้ประกาศข่าว ซึ่งอ่านข่าวด้วยสไตล์กระฉับกระเฉง เป็นตัวของตัวเอง และไม่เพียงแต่จะมีความสามารถด้านการเป็นผู้ประกาศข่าว ยังมีความสามารถในการเป็นเกษตรกรชั้นแนวหน้าของพื้นที่บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการด้วย คุณเจก รัตนตั้งตระกูล กระโดดเข้ามาศึกษาเทคโนโลยีไฮโดรโปนิกส์กับการปลูกผักสลัดประเภทต่างๆ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และเรียนรู้จากการทดลองปลูกด้วยตนเอง ตามคำแนะนำของครูที่สอนในคอร์สการอบรมแบบวันเดียวจบ จนกระทั่งวันนี้ เป็นเจ้าของ “โกดังผักสลัด ณ บางกะเจ้า” อย่างเต็มตัว ในวัยเพียง 40 ปี ผลงานการปลูกผัก ได้รับรางวัลที่ 1 ประเภทผักสลัด พันธุ์กรีนโอ๊ค และรางวัลชมเชย พันธุ์เรดโอ๊ด จากงานมหกรรมสินค้าเกษตรปลอดภัย และของดีเมืองปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2561 และปีนี้ก็คว้ารางวัลที่ 3 มาครอง ด้วยคุณภาพของผักสลัดที่ปลูกด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์ แรงบันดาลใจที่นับเป็นจุดสำคัญในการเริ่มต้นให้คุณเจกก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่ได้รับการยอมรับนั้นคือ การเติบโตมา
เมื่อวันที่ 8 มกราคม นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางหลั่งไหลมาเที่ยวชมความงามของทุ่งคอสมอส สวนดอกทานตะวัน และพรรณไม้นานาชนิด รวมไปถึงการมาชิมและซื้อเมล่อนจากสวนสดๆ ที่บ้านวังงูเห่า อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ซึ่งจะมีงานตั้งแต่ วันที่ 10-20 มกราคม 2562 นี้ โดยช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวบ้านมีรายได้จากการนำผลิตผล เช่น ผักสด ผลไม้ปลอดสารพิษ มาจำหน่าย รวมไปถึงมาตั้งร้านขายอาหารเครื่องดื่มบริการ รวมไปถึงเมล่อนจากสวนสดๆ 3 สายพันธุ์ ที่ท้าความอร่อยหวานกรอบจากสวน ที่สำคัญสวนเมล่อนที่นี่ไม่ใช้สารเคมีและสารความหวานแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สวนแห่งนี้เป็นพื้นที่เกษตรของ นายสำราญ หน่อนาคลำ เกษตรกรที่หันมาตามรอยเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งประสบความสำเร็จ ดัดแปลงพื้นที่ดินส่วนตัวกว่า 20 ไร่ มาทำเป็นทุ่งดอกไม้นานาชนิด โดยเฉพาะทุ่งดอกคอสมอส และดอกทานตะวัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชม ส่วนใครที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายภาพกับทุ่งดอกไม้สวยงาม อย่างทุ่งดอกคอสมอส ดอกทานตะวัน และแปลงผักขนาดใหญ่ รวมกว่า 20 ไร่ หรือไม้ประดับเมืองหนาวหลากสีสันสวยงาม มาที่งาน “ต้นกล้าเกษตรแฟร์” โ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ศูนย์ฝึกอบรมและวิจัยทางการเกษตร ต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้มีการจัดพื้นที่ภายใน เป็น “สวนเกษตร 100 ไร่” ปลูกพืชนานาชนิด โดยเฉพาะช่วงนี้ที่บริเวณด้านหลังสวนเกษตร 100 ไร่ ซึ่งปลูกต้นทานตะวันยักษ์ บนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ ต้นทานตะวันยักษ์นับหมื่นต้นกำลังออกดอกเบ่งบานกลายเป็นทุ่งดอกทานตะวันยักษ์ที่เหลืองอร่ามสวยงามอย่างยิ่ง ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเที่ยวชม ถ่ายรูปเซลฟี่กันอย่างคึกคัก โดยสวนเกษตร 100 ไร่ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมานี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้นทุกปี เนื่องจากมีการปลูกต้นทานตะวันยักษ์ จำนวนกว่า 50,000 ต้น ที่ได้รับการวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จนได้ดอกที่มีขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 30-40 เซนติเมตร และยังร่วงโรยช้าอีกด้วย โดยทางมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาได้ปลูกต้นทานตะวันยักษ์ไว้ 5 รุ่น ซึ่งรุ่นแรกเริ่มบานเต็มที่ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นมาแล้ว ส่วนรุ่นต่อมาดอกจะเริ่มบานตามลำดับไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข