โรคแคงเคอร์
โรคแคงเกอร์ โรคแคงเกอร์ พบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของต้นส้ม หากเกิดโรคในระยะผลอ่อน ทำให้ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ หากรุนแรงผลจะร่วง หากพบต้นส้มที่มีอาการ ให้ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรค เก็บเศษซากพืชที่ร่วงหล่น และกำจัดวัชพืชในแปลงนำไปเผาทำลายทิ้งนอกแปลงปลูกทันที จากนั้นพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชกลุ่มสารประกอบทองแดง เช่น สารคอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ 85% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคิวปรัสออกไซด์ 86.2% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 10-15 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ 77% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 15-20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นทุก 7-10 วัน จำนวน 2-3 ครั้ง และควรเลือกใช้กิ่งพันธุ์จากแหล่งปลูกที่ไม่มีการระบาดของโรคนี้ หรือใช้กิ่งพันธุ์ที่ไม่มีร่องรอยการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการนำกิ่งพันธุ์จากต้นที่เป็นโรคไปปลูกใหม่ ระยะที่ต้นส้มแตกใบอ่อนให้เกษตรกรกำจัดหนอนชอนใบที่เป็นพาหะเชื้อสาเหตุโรคนำมาทำลายทิ้ง เนื่องจากรอยทำลายของหนอนชอนใบเป็นช่องทางให้เชื้อสาเหตุโรคเข้าทำลายพืช และส่งผลให้อาการโรครุนแรงลุกลามอย่างรวดเร็ว หากพบให้พ่นด้วยปิโตรเลียมสเปรย์ออยล์ 83.9% อีซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิต
ตำบลบางสะแก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม นับเป็นแหล่งผลิตส้มโอ ที่มีชื่อเสียงของไทย สร้างรายได้เข้าสู่ท้องถิ่นอย่างมหาศาลในแต่ละปี เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่ออาชีพการทำสวนส้มโอ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เดินหน้าพัฒนาให้ส้มโอขาวใหญ่เป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม และพัฒนาการผลิตส้มโอแบบครบวงจร ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งเสริมให้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ส้มโอขาวใหญ่ ตำบลบางสะแก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรในท้องถิ่นและผู้สนใจทั่วไปได้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการปลูกดูแลส้มโออย่างถูกต้องเหมาะสม การผลิตส้มโอของจังหวัดสมุทรสงคราม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สำรวจการผลิตส้มโอของจังหวัดสมุทรสงคราม ในปี 2560 พบว่า มีพื้นที่ปลูกส้มโอ 12,995 ไร่ ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกส้มโอ (S1) มีพื้นที่ให้ผลผลิตแล้ว จำนวน 12,495 ไร่ ปริมาณผลผลิต 19,367.25 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 1,033 ผล ต่อไร่ ต่อปี หรือ 1,550 กิโลกรัม ต่อไร่ ต่อปี (ขนาดผล น้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม ต่อผล) โดยส้มโอที่นิยมปลูกมากที่สุดคือ พั