ไข่น้ำ
“ผำ” หรือ “ไข่น้ำ” พืชพื้นบ้านติดทำเนียบอาหาร super foods ของโลก จึงได้รับฉายาว่า “Green Caviar” เพราะมีโภชนาการครบถ้วนสูงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นิยมรับประทานกันมากในภาคเหนือและภาคอีสาน ความน่าสนใจของการเพาะเลี้ยงไข่ผำคือ ไข่ผำเป็นพืชที่ไม่ต้องใช้การดูแลมาก สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้สบายๆ เพราะใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงเพียง 2 สัปดาห์ สามารถเก็บผลผลิตขายได้ และยังเป็นพืชที่มีอนาคตสดใส ด้วยคุณประโยชน์ที่ครบถ้วน การตลาดของไข่ผำจึงไม่มีทางตัน สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มได้หลากหลาย วิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำ 1. เพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ ขนาด 80 เซนติเมตร และขนาด 100 เซนติเมตร หากเป็นบ่อซีเมนต์ที่ซื้อมาใหม่ ให้นำมาล้างทำความสะอาดก่อนปล่อยไข่ผำลงไปเพาะเลี้ยง โดยการเอาต้นกล้วยมาตัดเป็นท่อนให้ขนาดพอสำหรับวางลงในบ่อซีเมนต์ได้ จากนั้นนำมูลวัวมาเททับต้นกล้วยลงไปจำนวน 1 กระสอบต่อบ่อ แล้วเปิดน้ำใส่บ่อแช่ทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์ แล้วปล่อยน้ำทิ้ง ตักเอามูลวัวและเอาต้นกล้วยออก จากนั้นล้างบ่อให้สะอาดอีกครั้ง โดยต้นกล้วยและมูลวัวจะช่วยก
วิศวกรของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ช่วยสร้างกล่องอุปกรณ์เลี้ยง “ไข่น้ำ” พืชที่มีโปรตีนสูงให้แก่ทีมวิจัยมหิดล และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อใช้จำลองการเลี้ยงในสภาวะแรงโน้มถ่วงสูงที่องค์การอวกาศยุโรป (ESA) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการคัดกรองพืชที่เหมาะสมต่อการใช้งานในการสำรวจอวกาศ นครราชสีมา – ดร.สุทธิพงษ์ วรรณไพบูลย์ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการระบบลำเลียงแสง สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ให้ข้อมูลว่า “คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ขอความอนุเคราะห์สถาบันฯ ให้การสนับสนุนคณะผู้วิจัยเข้าร่วมโครงการ HyperGES เพื่อออกแบบวิศวกรรมและดำเนินการผลิตอุปกรณ์วิทยาศาสตร์สำหรับโครงการ เนื่องจาก อาจารย์ ดร.ทัฏพงศ์ ตุลยานนท์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับทุนจากโครงการดังกล่าวที่สนับสนุนองค์การอวกาศยุโรป และสำนักกิจการอวกาศแห่งองค์การสหประชาชาติ” “ดร.ทัฏพงศ์ ตุลยานนท์ ได้รับการสนับสนุนในการศึกษาการตอบสนองของ ‘ไข่น้ำ’ พืชดอกที่เล็กที่สุดในโลกต่อสภาวะแรงโน้มถ่วงสูงจำลอง และสถาบันฯ ได้รับโจทย์ให้ออกแบบและพ