ไข้เลือดออก
ตื่นตัวเรื่องโรคไข้เลือดออก อยากได้สมุนไพรที่ไล่ยุงได้จริงๆ และหาไม่ยาก มีความรู้จาก รศ.ดร. สุวรรณ ธีระวรพันธ์ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่า ยุงเป็นพาหะของการเกิดโรคที่สำคัญ ได้แก่ ยุงลาย เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก ยุงก้นปล่อง เป็นพาหะนำไข้มาลาเรีย ยุงรำคาญ นำโรคไข้สมองอักเสบ ยุงลายเสือและยุงอีกหลายชนิดเป็นพาหะโรคเท้าช้าง ที่ยังคงเป็นปัญหาของประเทศในเขตร้อน รวมทั้งประเทศไทยที่มีสภาพอากาศเหมาะแก่การแพร่กระจายพันธุ์ จึงต้องมีการควบคุมทั้งแหล่งกำเนิดและทำลายยุง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค การป้องกันไม่ให้ยุงกัดเป็นอีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กัน จึงมีการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์ไล่ยุง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารสังเคราะห์และเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมทั้งทำลายสิ่งแวดล้อม สำหรับประเทศไทย เป็นแหล่งของพืชสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณสมบัติป้องกันและกำจัดแมลงได้ ปัจจุบันจึงมีการศึกษาและใช้สารจากธรรมชาติในการป้องกันยุงกัดมากขึ้น ได้แก่ สารสกัดจากสมุนไพรที่มีกลิ่นจากน้ำมันหอมระเหย ทั้งนี้ สารป้องกันยุงที่ได้จากธรรมชาติมีข้อดีกว่าสารเคมีสังเคราะห์ที่ไม่สะสมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โด
เทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ ทำให้แพทย์สามารถตรวจโรคติดเชื้อต่างๆ จากเลือดด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงอำไพวรรณ จวนสัมฤทธิ์ อาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ค้นพบทางเลือกใหม่ในการตรวจวินิจฉัยเชื้อไวรัสเดงกี ด้วยวิธี ELISA (Enzyme-linked Immunosorbent assay) ที่ใช้ปัสสาวะของผู้ป่วยแทนเลือด ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการจดอนุสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ได้ทดลองใช้ในผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเดงกีที่มีอาการรุนแรงน้อยเรียกว่า “ไข้เดงกีในระยะไข้” โดยพบว่าให้ผลแม่นยำร้อยละ 68.4 ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเดงกีที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น เรียกว่า “ไข้เลือดออกในระยะไข้” โดยพบว่าให้ผลแม่นยำร้อยละ 63.9 ซึ่งสามารถใช้เป็นทางเลือกในการวินิจฉัยการติดเชื้อไวรัสเดงกี เพื่อหาข้อบ่งชี้ในการติดเชื้อไวรัสเดงกีได้ในเบื้องต้น จากวิธีการดังกล่าว แม้จะให้ผลการตรวจที่สามารถนำไปประกอบการวินิจฉัยเบื้องต้น แต่ในรายที่ให้ผลตรวจเป็นลบต้องติดตามอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ส่วนการตรวจภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสเดงกี ยังคงเป็นวิธีมาตรฐาน โดยตรวจเลือดรวมจำ
ศ.พญ.ศรีวิชา ครุฑสูตร รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายถึงโรคไข้เลือดออกเบื้องต้นว่า ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า (Dengue virus) เชื้อโรคนี้ปกติจะไม่ติดต่อจากคนไปสู่คนแต่จะติดต่อจากคนโดยมียุงลายเป็นพาหะนำเชื้อ ไข้เลือดออกจะมีระยะฟักตัวอยู่ในตัวยุงประมาณ 5-8 วัน เมื่อยุงไปกัดคนก็จะถ่ายทอดเชื้อโรคนี้ให้กับผู้ที่ถูกกัดทำให้ผู้ที่ถูกยุงกัดเป็นไข้เลือดออก ถือเป็นการแพร่เชื้อได้รวดเร็วมาก ฉะนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำคือลดการแพร่กระจายของเชื้อให้ได้เร็วที่สุด โรคไข้เลือดออก พบมากในฤดูฝน ยุงเป็นเหมือนกันแทบทุกชนิดถ้าฝนตกหนักมีพายุลูกน้ำจะหายไปหมดทั้งลูกน้ำที่เป็นพาหะของโรคมาลาเรียและโรคไข้เลือดออก แต่ถ้าฝนตกพรำๆ อากาศกำลังดีน่านอนลูกน้ำยุงลายจะเจริญเติบโตได้ดี ตอนนี้จะเป็นโอกาสแพร่เชื้อได้ง่ายมาก ยุงลายมักพบมากในแหล่งชุมชน อาศัยอยู่ในน้ำนิ่งๆ สะอาดๆ ทางกรมควบคุมโรคจึงพยายามชักชวนให้ประชาชนลดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย รณรงค์ให้คว่ำขันคว่ำภาชนะกันทุกสัปดาห์ เนื่องจากลูกน้ำยุงลายสามารถอยู่ได้นานเป็นปีโดยไม่ต้องมีน้ำ ทางที่ดีควรล้างภาชนะและเช็ดถูให้สะอาด ทั้งในแจกั
หลายปีมานี้ หลายภาคส่วนต่างหันมาให้ความสำคัญเรื่อง “ขยะ” กันมากขึ้น แนวทางหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงในระดับสากลว่าเป็นทางออกสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนคือ การจัดการขยะตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) แต่การที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ จำเป็นต้องมีการจัดการและเเยกขยะอย่างถูกวิธีตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้ง่ายสำหรับการนำไปผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ดังเช่นที่ภาคประชาชนในหลายชุมชนได้ตื่นตัวและลุกขึ้นมาจัดการ “ขยะต้นทาง” อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดวงจรการจัดการขยะที่สมบูรณ์ ความร่วมมือของเครือข่าย “บวร : บ้าน วัด โรงเรียน” เพื่อปลูกฝังจิตสำนึก และสร้างพฤติกรรมนำขยะมาหมุนเวียนต่อยอดคุณค่า คือจุดเริ่มต้นของต้นแบบ Circular Community “โรงเรียนมีนโยบายเป็นโรงเรียนปลอดขยะ โดยร่วมกับธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจีที่ระยอง ปลูกฝังจิตสำนึก และสอดแทรกปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการส่งเสริมให้เด็กๆ ตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 รู้จักการซ่อมแซมของใช้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เครื่องตัดหญ้า คอมพิวเตอร์ เพื่อลดนิสัยบริโภคนิยม หยุดใช้โฟม ลดการใช้ถุงพลาสติ
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ดร.นพ. สุวิช ธรรมปาโร ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรค (สคร.) 12 จ.สงขลา เปิดเผยสถานการณ์โรคไข้เลือดในพื้นที่ สคร.12 ตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค.-24 เม.ย. 61 พบผู้ป่วย 698 ราย แยกรายจังหวัด จ.สงขลา 290 ราย 20.51 ต่อประชากรแสนคน จ.ตรัง 97 ราย จ.นราธิวาส 94 ราย จ.ปัตตานี 75 ราย จ.พัทลุง 73 ราย จ.ยะลา 47 ราย และ จ.สตูล 22 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต รายงานข่าวว่า ภาคใต้ มีอัตราผู้ป่วยสูงที่สุด เท่ากับ 22.81 ต่อประชากรแสนคน จำนวนผู้ป่วย 2,125 ราย รองลงมา ภาคกลาง อัตราป่วย 18.62 ต่อประชากรแสนคน จำนวนผู้ป่วย 4,130 ราย ภาคเหนืออัตราป่วย 6.33 ต่อประชากรแสนคน จำนวนผู้ป่วย 785 ราย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อัตราป่วย 2.26 ต่อประชากรแสนคน จำนวนผู้ป่วย 496 ราย รายงานข่าวว่า การกระจายการเกิดโรคไข้เลือดออกตามกลุ่มอายุ ส่วนใหญ่พบในกลุ่มอายุ 0-4 ปี มีอัตราป่วยสูงสุด คือ 48.74 ต่อประชากรแสนคน รองลงมา ได้แก่ กลุ่มอายุ 5-9 ปี อัตราป่วย 30.54 อายุ 10-14 ปี อัตราป่วย 28.48 อายุ 15-24 ปี อัตราป่วย 16.02 และ อายุ 25-34 ปี อัตราป่วย 8.52 อาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ นักเรียน ร้อยละ 40.34 ที่มา : มติชนออนไลน์
นพ. ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง ประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ พบว่า จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรครายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-24 พฤษภาคม พื้นที่ 4 จังหวัดดังกล่าวพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว จำนวน 464 ราย แยกเป็น นครราชสีมา 196 ราย ชัยภูมิ 33 ราย บุรีรัมย์ 59 ราย และสุรินทร์ 176 ราย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็ก คาดว่าในช่วงฤดูฝนนี้จะมีการระบาดของโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 ได้ประสานงานไปยังสาธารณสุขทุกพื้นที่ให้ลงพื้นที่ตรวจร่างกายให้ชาวบ้าน และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามสถานศึกษาต่างๆ เนื่องจากช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน อาจทำให้มีการระบาดของโรคไข้เลือดออกได้ง่าย ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน