ไม้มีค่า
ก่อนที่จะลงมือปลูกไม้เศรษฐกิจ เรามารู้จักความหมายกันก่อนดีกว่า ไม้เศรษฐกิจ หมายถึง ไม้ยืนต้นทุกชนิด รวมถึงไผ่ที่ปลูก หรือขึ้นเองตามธรรมชาติ อยู่นอกเขตป่าอนุรักษ์ที่มีการใช้ประโยชน์เนื้อไม้ หรือผลิตผลอื่นที่ไม่ใช่เนื้อไม้เพื่อการค้า ดังนั้น อาจกล่าวโดยรวมว่า ไม้มีค่าทางเศรษฐกิจเป็นไม้ที่สามารถนำมาสร้างมูลค่าหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมทั้งให้ประโยชน์ทางตรงและทางอ้อมแก่ผู้ปลูก นำไปสู่แนวทางส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ ตามนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกไม้เศรษฐกิจในที่ดินกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองที่ดินอันชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไม้หวงห้าม เหมือนการปลูกพืชทั่วไป การตัด ขาย ขนย้าย แปรรูป ไม่ต้องขออนุญาตหรือจะให้เจ้าหน้าที่รับรองไม้เพื่อการค้าการส่งออกก็ได้ โดยการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านได้รวบรวมไม้เศรษฐกิจ 5 ชนิดมาฝาก และเหมือนจะเป็นไม้นอกสายตาที่หลายคนยังไม่รู้ว่าไม้ชนิดนี้เป็นไม้เศรษฐกิจและมีเนื้อไม้ที่สวยงามมากๆ แถมผลยังกินได้อีกด้วย 1. มะริด มะริดเป็นไม้โบราณดั้งเดิมของไทย อยู่ในกลุ่มไม้เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดี เนื่องจาก
“คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม” เป็นผู้จุดประกายความคิดให้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ออกกฎกระทรวงเพื่อเพิ่มทรัพย์สินอื่นมาเป็นหลักประกัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงเปิดเวทีประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม สหกรณ์สวนป่าภาคเอกชน กรมป่าไม้ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สมาคมธนาคารไทยและธนาคารรัฐ เช่น ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน SME Bank ปรากฏว่า ทุกหน่วยงานต่างสนับสนุนแนวคิดเรื่องการใช้ไม้มีค่าเป็นสินทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ เพราะนโยบายนี้สร้างผลดีต่อประเทศชาติ รวมทั้งภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงได้นำไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าสูงมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดยการออกเป็นกฎกระทรวง ตามมาตรา 8 (6) แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 เพื่อเปิดทางให้ใช้ไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ต้นไม้ตามบัญชีท้ายกฎหมายว่าด้วยสวนป่าสามารถนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) ได้รับความสะดวกและมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนในการประกอบธุรกิจมากยิ่งขึ้นแล้ว นโยบายดังก
“การปลูกต้นไม้ เมื่อปลูกแล้วต้องให้ได้ประโยชน์ เลือกปลูกไม้โตไว ไม้โตปานกลาง และไม้โตช้า โดยน้อมนำเอาทฤษฎีปลูกป่าสามอย่าง ประโยชน์สี่อย่าง ตามแนวพระราชดำริของพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 มาปรับใช้” การเพิ่มความสุขให้ชีวิตของใครหลายคนในปัจจุบันอาจมีแนวทางที่แตกต่างกันไปตามความสะดวกและโอกาสของแต่ละบุคคล การปลูกต้นไม้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยสามารถสร้างความเพลิดเพลินผ่านสีสันอันสวยงามของต้นไม้ อีกทั้งยังเพิ่มความสดชื่นสบายตาให้แก่ผู้ปลูก นอกจากเป็นกิจกรรมยามว่างที่น่าสนใจแล้ว หากเลือกปลูกไม้เศรษฐกิจก็ยังสามารถเพิ่มเงินออมในอนาคตได้อีกด้วย คุณเกียรติศักดิ์ ลีสง่า (คุณเอ) เกษตรกรปลูกไม้มีค่า อาศัยอยู่ที่บ้านนาทุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เลือกให้เวลากับชีวิตมากกว่าการให้ความสำคัญกับเงินเดือนตามแบบอย่างที่คนในปัจจุบันยึดถือกัน ภายใต้ปณิธานที่ยึดถือเอาคำสอนของพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 มาปฏิบัติ “ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง” ทำเท่าที่มี หากได้มาก คือ กำไร ด้วยการเลือกปลูกไม้เศรษฐกิจ ทั้งยางนา พะยอม มะฮอกกานี แต้ว ตำเสา สัก กระถิน และตะเคียนทอง เป็นต้น คุณเกียรติศักดิ์ บอกเล่าเรื่องราว
ไม้สักทอง เป็นไม้โตเร็วปานกลางและเป็นไม้เนื้อแข็ง ที่มีลักษณะพิเศษกว่าไม้ชนิดอื่น โดยเฉพาะเนื้อไม้ มอด ปลวก และแมลง ไม่ทำอันตราย เนื้อไม้มีสีเหลืองทอง ลวดลายสวยงาม เลื่อยไสกบตบแต่งง่าย จึงนิยมใช้ทำบ้านเรือนที่ต้องการความสวยงาม ในสมัยโบราณไม้สักทองหาง่าย ราคาไม่แพง การสร้างบ้านเรือน ใช้ไม้สักทองทำเสาเรือนด้วย เพราะมีความทนทาน สามารถอยู่ในดินได้เป็นเวลานานๆ ปัจจุบันไม้สักทองหายากและมีราคาแพงมากขึ้น สภาพพื้นที่เหมาะสมกับการปลูกต้นสัก ต้นสักเจริญเติบโต และให้คุณภาพของเนื้อไม้ดี ต้องการสภาพพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 200-1,000 เมตร ดินควรเป็นดินร่วนปนทรายที่กำเนิดมาจากหินปูน เนื่องจากมีธาตุแคลเซียมสูงเป็นที่ต้องการของต้นสัก หน้าดินลึกระบายน้ำได้ดี มีฝนเฉลี่ย 1,250-2,500 มิลลิเมตร ต่อปี ต้องการแสงจ้าและอุณหภูมิระหว่าง 13-40 องศาเซลเซียส ต้นสักจะให้ผลดียิ่งขึ้นถ้าปลูกในพื้นที่มีความลาดเอียง 15 เปอร์เซ็นต์ การขยายพันธุ์ และแหล่งจำหน่ายพันธุ์ การขยายพันธุ์ ปัจจุบันนิยมปลูกด้วยเหง้าที่ได้จากการนำเมล็ดสักที่แก่จัด เพาะลงในแปลง ขนาด 1×20 เมตร ยกระดับสูง 20-30 เซนติเมตร ย่อยดินให้ละ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้ออกกฎหมายใหม่เกี่ยวกับไม้มีค่าทางเศรษฐกิจซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ โดยหนึ่งในไม้มีค่าทางเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมคือไม้สัก อย่างไรก็ตาม การลงทุนปลูกไม้เศรษฐกิจโดยเฉพาะไม้สักมีข้อคำนึงในการประเมินภาวะตลาด ราคาตลาด และผลตอบแทนที่พึงได้รับให้ชัดเจน เพื่อความมั่นใจในการลงทุน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการประเมินค่าไม้สักตามเอกสารซึ่งเป็นการนำเสนอของสหกรณ์สวนป่าภาคเอกชน จำกัดและวิสาหกิจชุมชนชมรมไม้กฤษณา (ไม้หอม) แห่งประเทศไทย กำหนดไว้เบื้องต้นคือ 1. คำนวณหาปริมาตรไม้ ให้ใช้สูตรหลักของการคำนวณปริมาตรของไม้ยืนต้น คือ สูตรโต x โต x สูง x 7.96 / 1,000,000 โดยได้ปริมาณไม้เป็นลูกบาศก์เมตร 2. วัดระยะจากพื้นดินขึ้นมา 1.3 เมตร แล้ววัดเส้นรอบวงของลำต้น เรียกว่า “ความโต” 3. วัดระยะจากพื้นดินขึ้นมาถึงเรือนยอดของต้นไม้ แล้วลบออก 30% เรียกว่า “ความสูง” สำหรับราคาราคาไม้สักตามอายุที่แตกต่างกันตามการประมาณการของสหกรณ์ฯ เป็นดังนี้: 1.
เวลานี้หากจะเอ่ยถึงชื่อไม้ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก เชื่อว่าท่านทั้งหลายคงจะนึกถึง ไม้พะยูง รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน ทั้งนี้เนื่องจาก ไม้พะยูง เป็นไม้เนื้อแข็ง เนื้อไม้มีสีสันและลวดลายที่สวยงาม เป็นที่ต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน นำไปสู่ปัญหาการลักลอบตัดไม้ภายในประเทศ ประกอบกับไม้พะยูงหายาก และเป็นไม้หวงห้าม “ปลูกได้แต่ตัดยาก” มีการประเมินกันว่า การลักลอบซื้อขายไม้พะยูงขณะนี้ ลูกบาศก์เมตรละ 200,000-600,000 บาท เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การตัดใช้สอยหรือตัดจำหน่ายจะยุ่งยากก็ตาม แต่มีเกษตรกรจำนวนหนึ่ง ได้ปลูกต้นพะยูงเพื่อเป็นการปลูกป่า สร้างความสมดุลทางธรรมชาติและเป็นเงินออมแก่ตนเองหรือลูกหลาน อย่างเช่น คุณทรงเดช บุญอุ้ม อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 หมู่ที่ 7 บ้านศิลามงคล ตำบลหนองสวรรค์ อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู โทร. (087) 061-6891 ซึ่งเป็นประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ด้วย คุณทรงเดช บุญอุ้ม เจ้าของสวนพะยูง ร่วม 20,000 ต้น คุณทรงเดช เล่าให้ฟังว่า มีพื้นที่การเกษตรหลายแปลง รวมกันประมาณ 89 ไร่ มีอาชีพหลักคือ ทำการเกษ