ไส้เดือนฝอย
ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลง เป็นชีวภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการกำจัดแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด สามารถทำให้แมลงตายภายใน 48 ชั่วโมง สามารถกำจัดแมลงได้มากกว่า 200 ชนิด เข้าทำลายแมลงได้ทั้งหนอนทั้งยังมีความปลอดภัยต่อมนุษย์ พืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไส้เดือนฝอยมีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เลือดแมลงเป็นพิษ นอกจากจะฆ่าแมลงศัตรูพืชต่างๆ ได้แล้ว ยังสามารถฆ่าปลวกและแมลงสาบซึ่งเป็นแมลงในบ้านได้อีกด้วย ไส้เดือนฝอยจะสามารถเข้าทำลายแมลงได้ทั้งระยะตัวหนอน และตัวเต็มวัยของแมลง ผ่านทางช่องเปิดปากหรือรูทวาร แล้วเคลื่อนที่ไปยังช่องว่างในตัวแมลงซึ่งมีน้ำเลือด และปลดปล่อยแบคทีเรียออกมาและสร้างสารพิษ ทำให้แมลงเกิดอาการเลือด เป็นพิษและตายลง ไส้เดือนฝอยจะเติบโต ขยายพันธุ์อยู่ในตัวแมลงจนแมลงเหลือแต่ซาก ตัวอ่อนในระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมจะเคลื่อนที่ออกมานอกซากแมลง และรอที่จะเข้าสู่แมลงตัวใหม่ต่อไป วัสดุอุปกรณ์ชุดผลิตไส้เดือนฝอย – ชุดนึ่งฆ่าเชื้ออาหาร – ถุงมุ้งกันแมลง – กระบอกพร้อมเข็มฉีดยา – ภาชนะผสมอาหาร – ผ้าสะอาด – ภาชนะเพาะเลี้ยง – ภาชนะคลุกอาหาร – ภาชนะ
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเร่งจดสิทธิบัตรสูตรการผลิตชีวภัณฑ์กำจัดแมลงศัตรูพืชชนิดใหม่ซึ่งนักวิชาการคิดค้นได้เป็นแห่งแรก นวัตกรรมที่วิจัยและพัฒนาขึ้นคือ การเก็บรักษาไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงแบบผงดินบรรจุในขวดกระป๋องพลาสติกขาวทึบ ซึ่งสามารถเก็บรักษาได้เป็นเวลานานกว่า 6 เดือน ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลด ละ เลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตร อีกทั้งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการทำเกษตรตามมาตรฐานระบบจัดการคุณภาพพืช (GAP) และเกษตรอินทรีย์เพื่อความปลอดภัยของเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ล่าสุดยื่นจดสิทธิบัตร “สูตรสำเร็จไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงแบบผง และการเก็บในภาชนะ” แล้ว นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า ไทยใช้ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงศัตรูพืชมาตั้งแต่พ.ศ. 2529 ไส้เดือนฝอยศัตรูเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายเส้นด้าย ลักษณะพิเศษคือ มีแบคทีเรียที่ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันซึ่งแบคทีเรียนี้มีฤทธิ์ทำให้แมลงตายและสร้างสารปฏิชีวนะ
ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ทำให้เกษตรกรไทยเผชิญกับปัญหาผลผลิตน้อยลง เนื่องจากขาดน้ำใช้ในการเกษตรแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่เกษตรกรผู้ปลูกผักต้องรับมือคือ ปัญหาแมลงระบาด กัดกินผลิตผลโดยเฉพาะกะหล่ำปลี ผักกาดขาว และมะเขือเทศ ที่บางแห่งเสียหายเกือบครึ่ง ไม่สามารถขายได้ นำมาซึ่งการสูญเสียรายได้ เทสโก้ โลตัส ในฐานะผู้รับซื้อผักและผลไม้ตรงจากเกษตรกรไทย มากถึงปีละ 150,000 ตัน จึงได้ร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเดินสายให้ความรู้กับเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ในการเพาะไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Steinernema sp. Thai strain) ไว้ใช้เอง โดยมีต้นทุนค่าวัสดุเพาะเลี้ยงเพียงแค่ 100 บาท ต่อไร่ ต่อครั้ง เทียบกับการใช้ยาฆ่าแมลง ที่มีต้นทุน ระหว่าง 700-1,000 บาท ต่อไร่ ต่อครั้ง โดยนอกจากจะช่วยเกษตรกรประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการป้องกันและกำจัดแมลงอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของเกษตรกรจากการใช้สารเคมี และความปลอดภัยของผู้บริโภคอีกด้วย นางสาวพรเพ็ญ นาถพิริยรัตน์ รองประธานกรรมการฝ่ายกำกับดูแลคุณภาพสินค้า เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า ด้วยม