000 บาท
จากการพัฒนาโชห่วยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 16 ปี ทำให้แม็คโครเข้าใจปัญหาร้านโชห่วยอย่างลึกซึ้ง และสร้างรูปแบบการพัฒนาร้านค้าที่ตอบโจทย์ให้โชห่วยได้อย่างแท้จริง ด้วยโมเดลทางเลือก “บัดดี้มาร์ท” ให้ผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดเล็กในชุมชนทั่วประเทศ นายเอกพล คูสุวรรณ ผู้จัดการโครงการบัดดี้มาร์ท กล่าวว่า บัดดี้มาร์ท มั่นใจว่า จะดึงดูดลูกค้าในชุมชนและสร้างรายรับที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจัดทำโปรโมชั่นเพิ่มทางเลือก สร้างโอกาสเข้าถึงการลงทุน โดยจัดรายการฟรีค่าปรับปรุงร้านค้า 200,000 บาท จำกัดสิทธิ์ 300 ร้านค้าแรก ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2565 เท่ากับเหลือลงทุนเริ่มต้น 200,000 บาทเท่านั้น จากเดิมที่ใช้งบลงทุนเริ่มต้น 400,000 บาท (แบ่งเป็นเงินค่าค้ำประกัน 200,000 บาท และค่าปรับปรุงร้าน 200,000 บาท ขึ้นกับขนาดและสภาพของร้านปัจจุบัน) “การจัดโปรโมชั่นครั้งนี้จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการโชห่วย และผู้ที่กำลังมองหาอาชีพที่มั่นคง เป็นการพัฒนาร้านค้าชุมชนให้มีรูปแบบที่ทันสมัยตอบโจทย์ความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างโอกาสเติบโตให้กับธุรกิจขนาดเล็ก” สำหรับขนาดของร้านค้าปล
นายชัฐพล สายะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า “ทุเรียนปราจีน” จังหวัดปราจีนบุรี เป็นสินค้าเกษตรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications: GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2559 และได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ประเภทการค้าภายในประเทศจากกิจกรรมการประกวดงานวันทุเรียนโลก เมื่อปี 2558 ทั้งนี้ ทุเรียนปราจีนสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดปราจีนบุรีกว่า 50 ล้านบาท/ปี นับว่าเป็นโอกาสทางการค้า และยังเป็นการยกระดับทุเรียนให้เป็นสินค้าคุณภาพที่ได้มาตรฐานการผลิต สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ผู้ค้า ในด้านของคุณภาพและความปลอดภัย ปัจจุบันจังหวัดปราจีนบุรี มีเนื้อที่ปลูกทุเรียนปราจีน GI จำนวน 2,770 ไร่ เนื้อที่ให้ผล จำนวน 1,574 ไร่ มีเกษตรกรผู้ปลูก จำนวน 521 ราย พื้นที่ปลูกครอบคลุมใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปราจีนบุรี กบินทร์บุรี ประจันตคาม ศรีมหาโพธิ และนาดี เนื่องจากเป็นพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมกับการปลูกทุเรียน ลักษณะสภาพดินชั้นบนเป็นดินร่วน
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ พร้อมด้วย นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และผู้บริหารหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมมอบเงินชดเชยเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย แก่ตัวแทนจาก 11 อำเภอ ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้เกิดปัญหาด้านราคาและตลาดรองรับ ซึ่งเกษตรกรบางส่วนประสบปัญหาขาดทุน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไยฤดูกาลผลิต 2563 ให้กับเกษตกรชาวสวนลำไยกว่า 200,000 ครัวเรือน ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 2,000 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องเกษตรกร ซึ่งจังหวัดกำแพงเพชร มีเกษตรกรชาวสวนลำไยที่ได้รับการเยียวยาดังกล่าว จำนวน 1,176 ราย นอกจากนี้ ยังได้ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายกรมส่งเสริมสหกรณ์ผลักดัน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ไพศาล บุรินทร์วัฒนา อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทร.สุวรรณภูมิ) เป็นประธานมอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การนักศึกษา และอุปนายกองค์การนักศึกษาทั้ง 4 ศูนย์พื้นที่ โดยได้บริจาคทุนการศึกษา จำนวน 5 ทุน ทุนละ 10,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,000 บาท จาก นายชุมา จันทรพิทักษ์ ศิษย์เก่าสาขาการบริหารธุรกิจเกษตร และเคยปฏิบัติหน้าที่อาจารย์คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มทร.สุวรรณภูมิ ณ หอประชุมพระพิรุณระลึกโปรดเกล้า มทร.สุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยา หันตรา
ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการ โครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้มอบหมายให้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ทำหน้าที่นายทะเบียน รวบรวมและจัดทำระบบคัดกรองที่ถูกต้อง เพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกร โดยจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรงผ่านบัญชี จำนวน 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2563 กลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกร ไม่เกิน 10 ล้านราย ซึ่งไม่ซ้ำซ้อนกับการได้รับความช่วยเหลือภายใต้โครงการเราไม่ทิ้งกัน และหลักเกณฑ์อื่นๆ ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมวงเงินของโครงการฯ ไม่เกิน 150,000 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ไม่เกิน 150,000 ล้านบาท นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการ สศก. ในฐานะนายทะเบียน กล่าวว่า ขณะนี้ สำนักงบประมาณ ได้โอนงบประมาณให้ สศก. เรียบร้อยแล้ว จำนวน 150,000 ล้านบาท โดย สศก. ดำเนินการจ่ายเช็คให้ ธ
สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มอบเงินสนับสนุน เพื่อจัดซื้อเตียงผู้ป่วยจำนวน 1 เตียง มูลค่า 33,000 บาท และชุด PPE จำนวน 20 ชุด มูลค่า 7,800 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 40,000 บาท (สี่หมื่นแปดร้อยบาทถ้วน) ให้กับ โรงพยาบาลของรัฐ จำนวน 16 แห่ง ในจังหวัดสงขลา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนความพร้อมของโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ในการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนในชุมชน สร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ และปลูกฝังจิตสาธารณะให้เกิดกับองค์กรที่มีต่อสังคม ณ กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย รายชื่อโรงพยาบาลของรัฐ จำนวน 16 แห่งในจังหวัดสงขลา รับมอบเงินสนับสนุน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อใช้ในการป้องกันโรคโควิด-19 ประกอบด้วย โรงพยาบาลสงขลา โรงพยาบาลหาดใหญ่โรงพยาบาลจะนะ โรงพยาบาลบางกล่ำ โรงพยาบาลรัตภูมิ โรงพยาบาลเทพา โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินินาถ อำเภอนาทวี โรงพยาบาลระโนด โรงพยาบาลคลองหอยโข่ง โรงพยาบาลกระแสสินธุ์ โรงพยาบาลสะเดา โรงพยาบาลสิงหนคร โรงพยาบาลควนเนี
บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด นำโดย นายพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ (ลำดับ 3 จากซ้าย) พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร มอบเงินสนับสนุนเพื่อจัดซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จำนวน 500,000 บาท โดยมี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ณัฐพล ธรรมโชติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากายภาพ (ลำดับ 2 จากซ้าย) เป็นผู้แทนรับมอบ สำหรับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 308 เตียงในพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต รองรับ ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ที่จะเริ่มเปิดรับผู้ป่วยคนแรกในวันพุธ ที่ 25 มีนาคมนี้ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม พร้อมส่งกำลังใจให้ประชาชนชาวไทยผ่านพ้นวิกฤตไวรัส COVID-19 ได้โดยเร็วที่สุด ณ ห้องโถง อาคาร ม.ร.ว.สุวพรรณ สนิทวงศ์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
กยท.เดินหน้าสร้างสวัสดิการให้ชาวสวนยาง ทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 พร้อมนำระบบไอทีเข้ามาใช้เร่งรัดการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็ว ย้ำค่าจัดงานศพต้องได้รับภายใน 15 วัน ปัจจุบันมีชาวสวนยางกว่า 1.3 ล้านราย ได้รับประโยชน์โดยไม่ต้องจ่ายค่าดำเนินการใดๆ นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า กยท. ดำเนินการจัดทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ กยท. จำนวน 1,433,257 ราย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเป็นสวัสดิการให้เกษตรกรชาวสวนยางตามมาตรา 49 (5) ของพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 โดยให้การคุ้มครองกรณีสูญเสียชีวิตหรือบาดเจ็บทุพพลภาพถาวรอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ รวมถึงการถูกฆ่าหรือถูกทำร้ายร่างกาย รายละ 500,000 บาท และยังได้ขยายการคุ้มครองกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพจากการขับขี่หรือโดยสารรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ รายละ 250,000 บาท รวมทั้งยังจะได้เงินค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพอีก กรณีเสียชีวิตจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย รายละ 30,000 บาท ทั้งนี้ เกษตรกรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ กยท. ทุกคน จ