24 กันยายน – 2 ตุลาคม นี้ ท่ามกลางบรรยากาศสวนสวย พื้นที่ทำเลทอง 5 ไร่ ที่จอดรถกว่า 300 คัน ด้วยการเดินทางสะดวกสบาย บนถนนบางกรวย-ไทรน้อย บางบัวทอง
“เดอะ วิสด้า พาร์ค (The Visda Park) คอมมูนิตี้มอลล์” ภายใต้การบริหารงานโดย นายบุญชัย เจียรไพศาลเจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บ้านวิดาภา พลาซ่า กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ “วิหารอริยะเจ้ากวนอู” โดย ริว จิตสัมผัส โดย ได้รับความร่วมมือจาก “เทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง”, “วีฟู้ดมาร์เก็ต”, “Big Camera”, “แอมเวลล์พลัส” และข้าวตราไก่แจ้ ชวนสืบสานเทศกาลกินเจสร้างกุศลครั้งใหญ่ ในการจัดงาน “เทศกาลกินเจมหากุศล” ระหว่างวันที่ 24 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ให้ทุกคนได้อิ่มบุญ อิ่มใจ ล่าสุดมีการเตรียมความพร้อมทุกส่วนงาน และได้จัดพิธีคัดเลือกองค์สมมุติพระโพธิสัตว์กวนอิมเป็นครั้งแรก
สำหรับ “เทศกาลกินเจมหากุศล” ครั้งนี้ จะจัดให้มีปรัมพิธีไหว้พระขอพร เสริมบุญวาสนา และยังได้เลือกสรรอาหารเจหลากสไตล์ที่มีรสชาติอร่อย ปรุงด้วยวัตถุดิบคุณภาพดี กับหลากหลายเมนู จากร้านอาหารเจหลากสไตล์ทั้งในศูนย์การค้าและภายในงานรวมกว่า 50 ร้านค้า อาทิ อาหารเจสไตล์ชาววัง by ม.ล.ข่ายทอง ทองแถม, อาหารเจไทย-จีน by เชฟซายน์ สริลญาริษา, ร้านพุงพุ้ยรสเด็ด, ก๋วยเตี๋ยวเรือเจ, ก๋วยจั๊บญวนเจ รวมทั้งร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่งมาอยู่ในงานอีกมากมาย โดยโครงการฯ ให้ความสำคัญด้านการควบคุมคุณภาพ ความสะอาด และความปลอดภัย ของอาหาร ตลอดการจัดงาน
นายบุญชัย เจียรไพศาลเจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บ้านวิดาภา พลาซ่า กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “งานนี้จัดขึ้นโดย เดอะ วิสด้า พาร์ค (The Visda Park) คอมมูนิตี้มอลล์ และ วิหารอริยะเจ้ากวนอู โดย ริว จิตสัมผัส ประธานวิหารฯ ซึ่งได้ริเริ่มโครงการจัดงาน “เทศกาลกินเจมหากุศล” ขึ้นระหว่างวันที่ 24 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 เพื่อให้ทุกท่านได้อิ่มบุญ อิ่มใจกันถ้วนหน้าตลอดทั้ง 9 วัน
สำหรับการกินเจของทุกปีเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้นับเป็นการจัดเทศกาลกินเจครั้งแรกในตำบลบางบัวทอง ทางคณะผู้จัดงานฯ มีความตั้งใจว่าจะจัดให้เป็นงานประจำปีของท้องถิ่น ณ ตำบลบางบัวทอง เน้นความสำคัญถึงวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้ ถือศีล กินเจ เป็นกุศล ได้ทำบุญร่วมกัน ลด ละ เลิก การบริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อสุขภาพที่ดีและมีจิตใจที่บริสุทธิ์
ภายในงานนอกจากอาหารเจหลากหลายร้านค้าแล้ว ยังมีกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พิธีเปิดงานที่จะได้ชมขบวนแห่องค์สมมุติพระโพธิสัตว์กวนอิม, การเชิดสิงโต มังกร, การไหว้พระ เสริมบุญวาสนา, การตรวจดวงชะตา โดยทีมพยากรณ์ อ.ไกรศร คนพลิกดวง, ชมหนังกลางแปลงในสวน, ช็อปปิ้งถนนคนเดิน และ ขบวนรถเปิดท้ายขายของนานาชนิด เป็นต้น
โดยการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนให้ทุกคนมีสุขภาพดี และได้อิ่มใจไปพร้อมกัน ทั้งยังถือเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ตำบลบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวแลนด์มาร์คแห่งใหม่ และเป็นแหล่งเช็คอิน ที่เป็นที่รู้จักของสาธุชนสายบุญจากทุกสารทิศ และประชาชนทั่วไปของประเทศไทยอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น”
ริว จิตสัมผัส ประธานวิหารอริยะเจ้ากวนอู กล่าวว่า “การกินเจเป็นวัฒนธรรมประเพณีความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีน ในปีนี้เราจัดขึ้นท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจและโรคระบาดโควิด-19 จึงริเริ่มจัดงานเพื่อเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้คนที่กำลังทุกข์ เพราะคนจีนเชื่อว่าการถือศีล กินเจ นั้นเป็นกุศลทำให้คนนั้นมีความคิด และใช้ชีวิตอย่างมีสติที่ดีขึ้น จากการไหว้พระสวดมนต์ ด้วยแนวคิดที่ว่านี้ จึงเกิดโครงการเทศกาลกินเจมหากุศลขึ้น โดยความร่วมมือจากเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง ที่เอื้อเฟื้ออำนวยความสะดวกการจัดงานในครั้งนี้
สำหรับความพิเศษเพื่อทุกคนที่มาร่วมงานจะได้รับก็คือ ร่วมพิธีสวดมนต์ นำสวดโดย คณะสงฆ์จีน วัดเล่งเน่ยยี่ 2 และร่วมชมขบวนแห่องค์สมมุติพระโพธิสัตว์กวนอิมที่สวยงาม และยิ่งใหญ่ ในพิธีเปิดงานวันที่ 24 กันยายน 2565 ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 10.00 น. โดยทางวิหารอริยะเจ้ากวนอูได้ทำพิธีเสี่ยงทายคัดเลือก ผู้ที่เหมาะสมทำหน้าที่สำคัญในการโปรยน้ำมนต์ และมอบเหรียญมงคล ให้แก่ผู้ชมตลอดเส้นทาง คือ เด็กหญิงเบญญาภา ไอยรารัตน์ อายุ 14 ปี จาก โรงเรียนสหศึกษาบางบัวทอง สังกัดเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง ซึ่งขบวนแห่ในครั้งนี้ยังได้อัญเชิญรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม เทพเจ้ากวนอู ร่วมขบวนแห่เพื่อความเป็นสิริมงคล อำนวยอวยพร ให้ผู้ที่มาชมโชคดี ภาษาจีนเรียกว่า เผ่งอัง พร้อมชมขบวนแห่ สิงโต มังกร สวยงามอลังการ และในช่วงค่ำจะได้ชมการแสดง แสง สี สิงโต มังกร เล่นพลุ เล่นไฟอีกด้วย
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือ วันพิธีปิดงาน 2 ตุลาคม 2565 เวลา 19.00 น.จะมีพิธีเดินสะพานสะเดาะเคราะห์ เพื่อเป็นการตัดเคราะห์ตัดโศก ตามความเชื่อว่าหลังออกเจครบแล้ว จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ เฮง เฮง ให้โชคดี นอกเหนือจากพิธีกรรมแล้ว ปรัมพิธีก็ไม่แพ้ที่ไหน ทางวิหารอริยะเจ้ากวนอูได้อัญเชิญองค์พระพุทธรูปที่งดงามมาก มีความสูง 1.80 เมตร ให้มากราบสักการะบูชา ไม่ว่าจะเป็น รูปปั้นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 3 พระองค์ รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม รูปปั้นเทพเจ้ากวนอู ในบรรยากาศจำลองวิหารจีน พร้อมร่วมพิธีสวดมนต์อุทิศส่วนบุญกุศล ให้กับบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ และเจ้ากรรมนายเวร ในเวลาเย็นของทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ณ ลานพิธี นำสวดมนต์ โดย คณะสงฆ์จีน วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ในโอกาสนี้ริวขออนุโมทนาสำหรับผู้ถือศีลกินเจไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนภาคไหนก็ตาม ขอเชิญทุกท่านมาเที่ยวชมความยิ่งใหญ่ ชิมอาหารเจหลากสไตล์ ช้อปปิ้งถนนคนเดินในสวนสวย ที่ เดอะ วิสด้า พาร์ค บางบัวทองแห่งนี้กัน”
ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทาง Facebook : The Visda Park, Facebook : V Food Market, Facebook : ริว จิตสัมผัส, Facebook : วิหารอริยะเจ้ากวนอู”
สำหรับแฟนๆ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หากต้องการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปักษ์ ส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจอ่านได้ในทุกๆ 15 วัน สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ คลิกลิ้ง https://shorturl.asia/0zJwQ 📲- Line: @matichonbook หรือ สำนักพิมพ์มติชน เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ติดต่อฝ่ายขาย 02-589-0020 ต่อ 3354
MOST POPULAR
ในยุคที่เกษตรอินทรีย์และการลดใช้สารเคมีได้รับความนิยมมากขึ้น เกษตรกรและนักวิจัยได้มองหาวิธีธรรมชาติในการป้องกันโรคพืช โดยเฉพาะโรคเชื้อราที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อผลผลิต หนึ่งในวิธีที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางคือ “น้ำหมักเปลือกมังคุด” ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยยับยั้งเชื้อรา เปลือกมังคุดกับสารออกฤทธิ์สำคัญ เปลือกมังคุดอุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ เช่น แซนโทน (Xanthones) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อรา ต้านแบคทีเรีย และต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เปลือกมังคุดมีศักยภาพในการใช้เป็นสารชีวภัณฑ์กำจัดเชื้อราในพืชผลทางการเกษตรได้อย่างปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วัตถุดิบ วิธีการทำ เริ่มต้นด้วยการละลาย พด.2 จำนวน 1 ซอง ในน้ำสะอาด จากนั้นเติมกากน้ำตาล 1 กิโลกรัมลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี แล้วใส่เปลือกมังคุด 4 กิโลกรัมตามลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นปิดฝาภาชนะแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 1–2 สัปดาห์ การนำไปใช้งาน เมื่อหมักครบตามเวลา แม้ว่าเปลือกมังคุดจะยังไม่ย่อยสลายทั้งหมด แต่สามารถนำไปใช้งานได้ โดยให้ผสมน้ำหมักเปลือกมังคุด 100 ซีซี กับน้ำสะอาด 10 ลิตร แล้วฉีดพ่นในช่วงเย็น หากอยู่ในช่วงที่ฝนตกบ่อยหร
ความต้องการบริโภค “มะละกอ” ของคนไทยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มมะละกอดิบ เพื่อนำมาใช้ทำส้มตำ อาหารยอดนิยมของคนไทยทุกภาค ส่วนมะละกอเพื่อการบริโภคสุก เป็นผลไม้ที่ทรงคุณค่าชนิดหนึ่ง และมีราคาไม่แพงนัก มะละกอ จัดเป็นไม้ผลที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของไทย แต่ก่อนการเริ่มต้นของการปลูกมะละกอนั้น ก็จะต้องเริ่มจากการเพาะกล้ามะละกอเสียก่อน คุณทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ เจ้าของ “สวนคุณลี” อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ได้นำประสบการณ์ ที่นักวิชาการแนะนำหรือจากที่นำไปปฏิบัติเองในการเพาะเมล็ดมะละกอมานำเสนอให้ผู้ที่สนใจนำไปใช้เป็นแนวทางในเรื่องของการเพาะกล้า เนื่องจากมะละกอทุกสายพันธุ์ใช้วิธีการเพาะกล้าเหมือนกัน สำหรับเคล็ดลับการเพาะเมล็ดมะละกอให้งอกดีและสม่ำเสมอ รศ.ดร. กวิศร์ วานิชกุล ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า “การเพาะเมล็ดมะละกอให้งอกดีสม่ำเสมอนั้น ให้นำเมล็ดมะละกอแช่น้ำ 1-2 วัน โดยในช่วงวันแรกให้เปลี่ยนน้ำอย่างน้อย วันละ 1 ครั้ง หลังจากนั้นให้เปลี่ยนน้ำถี่ขึ้น เนื่องจากเมล็ดมะละกอมีการหายใจมากขึ้น ทำให้ออกซิเจนในน้ำเหลือน้อยลง หากแช่น้ำแล้วไม่เปลี่ยนน้ำเลย ก็จะเหลือออกซิเจนในน้ำน้อย เมล็ดมะละกอนั้นก็จะเกิ
ปีนี้ร้อนกว่าทุกปีที่ผ่านมา บ้านไหนที่มีแพลนกำลังจะทำสวน หาไม้เลื้อย ตกแต่งบ้าน ทำซุ้มบังแดด สร้างร่มเงา วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้าน รวม 6 พันธุ์ไม้เลื้อย ที่ทั้งถึก ทน โตไว มาให้แล้ว แต่ละสายพันธุ์ล้วนมีจุดเด่นที่ชวนหลงใหล แต่จะมีสายพันธุ์ไหนบ้างต้องไปดู ไม้เลื้อยจะเจริญเติบโตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท เลื้อยเบนเข้าหาแสง ด้วยการใช้พลังงานน้อยที่สุด จะเป็นการเติบโตแบบยืดยาวเข้าหาแสงแทนที่จะใช้พลังงานจำนวนมากในการสร้างเนื้อไม้ ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่ใช้เป็นโครงสร้างในการทรงตัว เลื้อยเบนออกจากแสง กลไกการเลื้อยแบบนี้ จะพยายามงอกไปในทิศทางที่ไม่มีแสง โดยกิ่งก้านจะงอกไปถึงโคนต้นไม้ และปีนขึ้นไปบนยอดไม้ที่สว่างกว่าอย่างรวดเร็ว ไม้เลื้อยนั้นสามารถรับประโยชน์ได้จากสภาพแวดล้อม 2 แบบ คือ จากการหยั่งรากลงดินในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เป็นหย่อมๆ บริเวณที่มีดินน้อยหรือไม่มีเลย และยังสามารถรับประโยชน์จากแสงสว่าง โดยใบจะเจริญเฉพาะในบริเวณที่โล่ง หรือมีแสงแดดส่องถึงเป็นช่วงๆ ได้ 1. ม่านบาหลี มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเขตร้อนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไม้เลื้อยอายุหลายปี ลำต้นมีรากพิเศษแตกตามข้อเป็นเส้นสีแดงยาวห้อยลง
การปลูกผักสามารถปลูกได้หลากหลายรูปแบบทั้งการปลูกลงดิน ปลูกใส่ภาชนะ หรือยกแปลงปลูกในกระบะก็สามารถทำได้ตามความสะดวกของแต่ละพื้นที่ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน สำหรับท่านใดที่สนใจการปลูกผักยกแปลง การทำแปลงปลูกให้แข็งแรง ทนทานถือเป็นปัจจัยสำคัญเพราะถ้าหากแปลงปลูกหรือกระบะปลูกผักไม่ดีนั้น จะส่งผลเสียในหลายด้าน ทั้งในด้านของต้นทุน หากใช้วัสดุที่ไม่ทนทาน ต้องเปลี่ยนบ่อย ซ่อมบ่อย ถือเป็นการเพิ่มต้นทุน รวมถึงทำให้ผลผลิตเสียหาย เนื่องจากแปลงหรือวัสดุที่เลือกใช้ระบายน้ำได้ไม่ดีเท่าที่ควร นับเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับพืชโดยตรง แล้วกระบะปลูกที่คงทนทำครั้งเดียวสามารถใช้ได้นานเป็น 10-20 ปี มีเทคนิควิธีการทำอย่างไร วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านมีคำตอบ โดยวิธีการทำแปลงผักต่อไปนี้ เป็นเทคนิคของพี่แอน เจ้าของฟาร์มเกษตรสุข ณ. ทุ่งเขาเขียว ที่ได้เผยแพร่เป็นไอเดียเอาไว้ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ เสาปูนอัดแรงหน้า 2 ใช้ขนาดความยาว 1.20 เมตร และ 1 เมตร (แนะนำว่าถ้าพื้นที่ใดหายากให้ใช้วัสดุอื่นๆ ที่สามารถหาได้ง่ายในพื้นที่แทน) ข้อดีของเสาปูนคือไม่เป็นสนิม ไม่ผุพัง อยู่ได้นาน 10-20 ปี กระเบื้องลอนมือ 2 ใช้ได้คงทนเช่นกันสามารถ