คุณศุภมาศ อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดตัวรถบั

คุณศุภมาศ อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดตัวรถบั
“โคก หนอง นา โมเดล” คือ รูปแบบหรือแบบแผนการพัฒนาจัดการพื้นที่ทางการเกษตรที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพธรรมชาติของแต่ละพื้นที่ให้เป็นระบบมากขึ้น เน้นแนวทางการทำเกษตรแบบอินทรีย์ และการสร้างชีวิตที่มีความยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประโยชน์ของโคก หนอง นา โมเดล มีส่วนช่วยเรื่องการประหยัด ช่วยในเรื่องการพึ่งพาตนเองจากกิจกรรมเกษตรที่มีความหลากหลายครอบคลุมทุกปัจจัย บรรเทาปัญหาด้านเศรษฐกิจครัวเรือน ที่สำคัญยังลดปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำแล้งภายในพื้นที่ในช่วงเกิดวิกฤตทางธรรมชาติ ขนาดพื้นที่ทำโครงการโคก หนอง นา มักเริ่มจาก 1 ไร่ เพื่อสร้างกรอบการเรียนรู้ตามลักษณะองค์ประกอบที่กำหนดเป็นพื้นฐานแต่ละอย่างให้เข้าใจและปฏิบัติถูกต้องตามวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนเสียก่อน จากนั้นผู้ดำเนินโครงการจะขยายพื้นที่ออกไปตามศักยภาพเป็นจำนวนเท่าไรก็ได้ ที่ท่าม่วง กาญจนบุรี มีอดีตสจ๊วตใช้พื้นที่ตัวเองจำนวน 1 ไร่ ทำโครงการโคก หนอง นา ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาเพียง 6 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรทุกชนิดนำไปใช้ในธุรกิจโฮมสเตย์ของตัวเองได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถือเป็นการพึ่งพาตัวเองช่วยลดต้นทุนได้อย่
ผักกูด เป็นชื่อของผักชนิดหนึ่งจัดอยู่ในตระกูลเฟิร์น สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู และนอกจากจะนำมาเป็นอาหารได้แล้วยังใช้เป็นสมุนไพรได้อีกด้วย ผักกูดมักจะขึ้นอยู่ตามริมน้ำหรือพื้นที่ชุ่มน้ำมากกว่าในป่าทึบ เจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้แล้ว ผักกูด ยังเป็นดัชนีชี้วัดถึงสภาพแวดล้อม ให้ได้รู้ว่าบริเวณไหนอากาศไม่ดี ดินไม่บริสุทธิ์ มีสารเคมีเจือปนอยู่ ผักกูดจะไม่ขึ้นหรือแตกต้นในบริเวณนั้น ด้วยสรรพคุณและคุณค่าที่มีมากมาย จึงทำให้ในปัจจุบันเกษตรกรหันมาปลูกผักกูดเชิงการค้ามากขึ้น คุณชาญณรงค์ พวงสั้น อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ที่ 7 ตำบลวังจันทร์ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี เล่าถึงงานปลูกผักกูดว่า เกิดนึกสนใจและมองเห็นอนาคตของผักกูดว่าน่าจะไปได้ดี ผักกูดเป็นผักที่หาได้จากธรรมชาติในสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันเริ่มหารับประทานยากขึ้นทุกวัน ตนจึงมองเห็นโอกาสจากตรงนี้ ใช้เวลาว่างช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำงานสวนปลูกผักกูดอินทรีย์แซมสวนสัก โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 คือปลูกพืช 3 อย่าง ประโยชน์ 4
กล้วย ผลไม้มากประโยชน์ ที่ไม่ว่าจะเป็นส่วนต้น ใบ ปลี และผล ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาแปรรูปสร้างมูลค่าได้อีกหลากหลายผลิตภัณฑ์ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน ซึ่งผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยที่พบเห็นกันบ่อย ก็จะมี กล้วยตาก กล้วยอบ กล้วยชุบช็อกโกแลต รวมถึงการนำกล้วยมาเป็นท็อปปิ้งในเมนูของหวานให้เห็นกันจนชินตา แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นเกษตรกรไทยแล้วความสามารถและหัวคิดสร้างสรรค์ย่อมไม่แพ้ชาติใด เพราะล่าสุดได้มีเกษตรกรรุ่นใหม่ดีกรีจบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ กลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วย ให้มีความหลากหลายมากขึ้น และสร้างคุณค่าให้กล้วยมากกว่าเดิม คือ การทำแป้งกล้วย โดยการนำกล้วยที่มีอยู่ในสวนมาแปรรูปให้เกิดมูลค่าสูงสุด และแป้งกล้วยยังเป็นแป้งเพื่อสุขภาพ สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน และคนที่แพ้กลูเตนสามารถรับประทานได้อีกด้วย คุณวรวรรณ ธำรงวรางกูร หรือ คุณจอย อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 3 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์คนเก่งนครนายก พ่วงด้วยดีกรีจบปริญญาตรีนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท International Marketing Management University of Leed
มะตาด หรือแอปเปิ้ลมอญ เป็นไม้ยืนต้นประเภทหนึ่งที่คนไทยเชื้อสายมอญต่างรู้จักกันมาเนิ่นนาน นิยมปลูกกันแทบทุกหลังคาเรือนในแหล่งชุมชนชาวมอญ ส่วนที่มาของชื่อ แอปเปิ้ลมอญ เนื่องจากผู้เฒ่าผู้แก่เห็นว่า ผลมะตาดสวยและมีรสเปรี้ยว ในเมื่อมีแอปเปิ้ลฝรั่งแล้วก็ต้องมีแอปเปิ้ลมอญนั่นเอง มะตาด (matat) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dillenia indica Linn. เป็นพืชที่เจริญได้ในป่าดิบชื้น หรือป่าฝนเขตร้อนใกล้แม่น้ำ ป่าพรุ ในภาคใต้ของไทย เรียกว่า ” แส้น ” พบในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และพังงา และมีชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่นว่า ส้านกวาง ส้านท่า ส้านใหญ่ ส้มปรุ และ ส้าน สำหรับภาคเหนือ เรียกว่า ส้านป้าว (จังหวัดเชียงใหม่) ภาคกลางพบในจังหวัดปทุมธานี กาญจนบุรี และปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นอกจากนี้ยังพบการกระจายตัวของ มะตาดในประเทศอินเดีย ศรีลังกา พม่า ยูนนาน ชวา คาบสมุทรมาลายู ลาว เวียดนาม กัมพูชา ฯลฯ ลักษณะทั่วไป ต้นมะตาด เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 10-15 เมตร ใบใหญ่ สีขาว ออกเป็นดอกเดี่ยวๆ ตามง่ามใบก้านดอก ลำต้นมักคดงอ เปลือกหนาสีเทา หรือน้ำตาลแดง ลอกเป็น ยาว 3-5 เซนติเมตร มีขนสาก กลีบรองกลีบดอกเป็
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้วาง 3 มาตรการบริหารจัดการผลไม้ของสถาบันเกษตรกรในปี 2568 เพื่อเตรียมรับมือกับปริมาณผลผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เพื่อส่งเสริมให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีการจัดการผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ 1. มาตรการด้านการผลิตและรวบรวม กรมได้ดำเนินโครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร โดยการส่งเสริมความรู้และมาตรฐานเกษตรปลอดภัย แก่สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร พร้อมทั้งโครงการสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าเกษตรและอาหาร โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตรปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีโครงการส่งเสริมสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรท้องถิ่น และการสนับสนุนอุปกรณ์การตลาดเพื่อให้สหกรณ์เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมและกระจายผลผลิต 2. มาตรการด้านการเงิน กรมสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) โดยตั้งเป้าหมายให้สหกรณ์ใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 37 สหกรณ์ได้รับวงเงินรวม 87 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจรวบรวมและจำหน่ายผลไม้ 3. มาตรการด้านการตลาด ส่งเสริมการกระจายผลผลิตคุณภาพผ่านขบวนการสหกรณ์ โดยสน
กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ร่วมกับ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เปิดตัว ‘แพลตฟอร์มติดตามร่องรอยการเผาไหม้ในไร่อ้อย’ อย่างเป็นทางการ โดยนำเทคโนโลยีอวกาศและการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เป็นเครื่องมือหลักในการตรวจจับและวิเคราะห์จุดความร้อน หวังต่อยอดสู่ภาคการเกษตรอื่นที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 พร้อมทั้งสนับสนุนให้อุตสาหกรรมการเกษตรของไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ คุณใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กล่าวภายในงานว่า ที่ผ่านมา สำนักงานมุ่งดำเนินการตามนโยบาย ‘Mind ใช้หัว และ ใจ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน’ ของปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล โดยมุ่งให้ภาคอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเติบโตควบคู่กับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เลขาธิการ สอน. เผยอีกด้วยว่า ปีการผลิต 2567/2568 ประเทศไทยมีชาวไร่อ้อยขึ้นทะเบียนจำนวน 430,357 ราย ครอบคลุมพื้นที่ปลูกกว่า 11.13 ล้านไร่ ปริมาณอ้อยเข้าหีบ 92.04 ล้านตัน โดยผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 109.19 กิโลกรัมต่อตันอ้อย ทำรายไ
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานเปิดงานชุมนุมยุวเกษตรกรระดับประเทศ ประจำปี 2568 ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดปทุมธานี ซึ่งจัดโดย กรมส่งเสริมการเกษตร ภายใต้แนวคิด “ยุวเกษตรกรนวัตกรรม : สร้างสรรค์เกษตรยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สู่ความยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 12–16 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสริมสร้างแรงบันดาลใจ และพัฒนาเครือข่ายยุวเกษตรกรทั่วประเทศให้เข้มแข็งและยั่งยืน ภายในงานมีการจัดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้พิพิธภัณฑ์, การแข่งขันการตอบปัญหาทางการเกษตร, การแข่งขันแผนธุรกิจเกษตร, การแข่งขันประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์เกษตร, การแข่งขันพูดส่งเสริมการเกษตร และกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ นันทนาการ โดยนักศึกษากลุ่มยุวเกษตรกร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้แก่ นายคุณากร เรืองชาญ นักศึกษาสาขาพืชไร่ และ นายณัฐวัตร เเซ่เซียว นักศึกษาสาขาพืชสวน คณะผลิตกรรมการเกษตรคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันการตอบปัญหาทางการเกษตร ในเวทีระดับประเทศในครั้งนี้ อาจารย์ ดร.วงค์พันธ์ พรหมวงศ์ คณะ
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงาน ธ.ก.ส. ร่วมกิจกรรม “Waste to WOWWW : เปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้เป็น Best Product” ภายใต้โครงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับขีดความสามารถขององค์กรภายใต้ Innovation Lab ปีบัญชี 2568 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากของเหลือใช้ใน ภาคเกษตร อาทิ แกลบ ฟางข้าว ซังข้าวโพด เปลือกไผ่ และวัสดุอินทรีย์อื่นๆ ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ใหม่ได้จริงทั้งในภาคการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิต หรือนำไปจัดจำหน่ายในตลาดชุมชนเมือง เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและชุมชน โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นผู้บรรยายและสาธิตผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ (Waste Product) ที่ใช้งานได้จริง ก่อนจะขยายผลไปสู่ชุมชนนำร่องในฝ่ายกิจการสาขาภาคของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศในระยะต่อไป ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ธนาคารในการส่งเสริมการบริหารจัดการองค์กรและชุมชนภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อมุ่งสู่ควา
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องสถลสถานพิทักษ์ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สำนักงานใหญ่ และระบบประชุมทางไกลออนไลน์ (Zoom Cloud Meeting) — กยท. หารือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางพารา วางแนวทางรับมือการปรับขึ้นอัตราจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ 1 สิงหาคม 2568 เตรียมเคาะสรุปแนวทางระยะสั้น-ระยะกลาง-ระยะยาว อีกครั้ง ย้ำทุกภาคส่วนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการประชุมหารือผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อผู้ประกอบกิจการยางของไทยว่า จากการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) การนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศ โดยเบื้องต้นประเทศไทยถูกกำหนดอัตราภาษีนำเข้าไว้ที่ 36% (ข้อมูล ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2568) ซึ่งถือว่าสูงมากหากเทียบกับอีกหลายประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 กยท. จึงเชิญผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางพาราเข้าหารือ เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิด
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานเปิดงาน “BAAC Stakeholders Day 2025” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสื่อสารการดำเนินงานของธนาคาร รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญของธนาคารทั้ง 6 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. หน่วยงานกำกับดูแลภาครัฐ คณะกรรมการ ธ.ก.ส. ผู้ถือหุ้น 2. พนักงาน ลูกจ้าง ธ.ก.ส. 3. ลูกค้า ผู้ใช้บริการ 4. คู่ค้า คู่ความร่วมมือ 5. ผู้ส่งมอบงาน และ 6. ชุมชน สังคม ได้มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นให้ข้อเสนอแนะความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี พร้อมกับนำข้อมูลมาใช้ในการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานต่างๆ ของธนาคารให้ตอบสนองต่อความคาดหวังของทุกภาคส่วน และก้าวสู่การเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ของธนาคารต่อไป โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากคณะวิทยพัฒน์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมบรรยายในหัวข้อ “การขับเคลื่อนภาคการเงินสู่ความยั่งยืน” และวิทยากรพิเศษจากสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (สรอ.) มาร่วมรับฟังและสรุปประเด็นความต้องการความคาดหวังจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหัวข้อ “กา