เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
News

ไปดูแข่งขัน ”เหยียบกั้ง”@ เทศกาลเหยียบกั้ง ครั้งที่ 2 ที่อ่าวตราด

“กั้ง” สัตว์น้ำทะเลมีเปลือก มีปล้องตระกูล ครัสเตเซียน (Crustaceans) เช่นเดียวกับกุ้ง ปู พบบริเวณหน้าดินเลน หรือชายฝั่งดินทรายแถบจังหวัดชายทะเลทั่วๆ ไป ทั้งภาคตะวันออกและภาคใต้ มีลักษณะเปลือกหนา คม เป็นปล้องๆ คล้ายๆ กุ้ง เดิมไม่นิยมรับประทานและแทบไม่มีคนรู้จัก แถมราคาถูกชนิดให้ฟรีที่ท่าเรือได้ แต่ด้วยรสชาติของความอร่อยของเนื้อกั้งคล้ายเนื้อกุ้งผสมปู ทำให้เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมู่นักนิยมอาหารทะเลซีฟู้ดทั้งตลาดภายในและตลาดต่างประเทศอย่างจีน ไต้หวัน กั้งจึงเป็นอาหารทะเลมูลค่าสูง ราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 500-2,000 บาท ที่จังหวัดตราดเมืองท่องเที่ยว อบต.หนองคันทรง ได้จัดงาน ”เทศกาลเหยียบกั้ง ครั้งที่ 2“ ขึ้นเมื่อวันที่ 4-6 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีกิจกรรมครบวงจร ตั้งแต่แข่งขันเหยียบกั้ง ตัดสินกันด้วยน้ำหนักและราคากั้ง การประกวดแกะกั้ง เมนูต้มยำกั้ง เพื่อสร้างกระแสให้เห็นความสำคัญของ ”กั้ง” ที่เป็นอาหารทะเล เอกลักษณ์ของจังหวัดตราด ที่หายากและมีมูลค่าสูง เป็นที่นิยมบริโภคทั้งในและต่างประเทศ

ชายฝั่งหากดเลนที่เหยียบกั้ง ตำบลหนองคันทรง

กั้งที่จังหวัดตราด…เนื้อแน่น เด้ง หวาน หอม

“ตราด” เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีกั้งจำนวนมาก และว่ากันว่ากั้งจังหวัดตราดตัวโต เนื้อหวาน หอม รสชาติอร่อยที่สุด ด้วยอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติป่าชายเลนผืนใหญ่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะบริเวณอ่าวแม่น้ำตราด จะพบกั้งอยู่อาศัยเป็นจำนวนมากบริเวณริมฝั่งทะเล ในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายนที่เป็นน้ำเค็มจากทะเลเข้าถึง การจับกั้ง หรือ “การเหยียบกั้ง” ที่เป็นภูมิปัญญาและวิถีชุมชน นายสุมล เง็กลี้ นายก อบต.หนองคันทรง ได้คิดสร้างสรรค์จัดอีเวนต์ “งานเทศกาลเหยียบกั้ง ครั้งที่ 1” ปี 2567 เพื่อสืบสานอาชีพเหยียบกั้งของชาวประมงพื้นบ้าน  ส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจของจังหวัดตราด และ ปี 2568 ได้จัดงานเทศกาลเหยียบกั้ง ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4-5 เมษายนนี้ ที่บริเวณกระโจมไฟเกาะปู บ้านแหลมหิน ตำบลหนองคันทรง อำเภอเมืองตราด ปากอ่าวแม่น้ำตราดที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของกั้ง มีกิจกรรมน่าสนใจ การแข่งขันถีบกระดานเหยียบกั้ง ตัดสินกันที่ปริมาณและราคากั้งที่ขายกันสดๆ กิโลกรัมละ 500-1,300 บาท การแข่งขันแกะกั้ง การแข่งขันประกอบเมนูต้มยำกั้ง และการออกร้านจำหน่ายอาหารกั้งสดๆ สารพัดเมนู

นายสุมล เง็กลี้ นายก อบต.หนองคันทรง

กั้งปากอ่าว ธันวาคม-เมษายน ของทุกปี  

นายสุมล เล่าว่า ในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน ของทุกปี ระยะเวลา 5 เดือน บริเวณริมฝั่งทะเลอ่าวตราดน้ำเค็มจากทะเลเข้ามาถึง กั้งจะเข้ามาวางไข่และเติบโตเป็นวัยอ่อนจนกระทั่งเติบโตพร้อมที่ออกสู่ทะเล ชาวประมงในพื้นที่ตำบลหนองคันทรง ตำบลห้วงน้ำขาว ตำบลเนินทราย และตำบลแหลมกัด ในอำเภอเมืองตราด จะออกจับกั้งหรือเหยียบกั้ง ที่อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลป่าชายเลน บริเวณโขดเลน ทั้งกั้งขาวและกั้งแก้วหรือกั้งเขียว เป็นวิถีประมงชาวบ้านทำมาหากินกัน แม้แต่เด็กๆ ลูกหลานก็เหยียบกั้งกันเป็น การ “เหยียบกั้ง” ใช้ กระดานเลนแผ่นเดียว ที่ใช้นั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง และใช้เท้าอีกข้างถีบไสไปบนเลนที่กั้งอาศัยอยู่ และมีกระป๋องสำหรับใส่กั้งที่จับได้ลอยน้ำไป กั้งจะอาศัยอยู่ในรูบนเลนเจาะรูไว้ 2 รู วิธีจับใช้เท้าเหยียบรูกั้งด้านหนึ่งเพื่อให้กั้งหนีออกทางปากรูอีกด้านหนึ่งและใช้มือจับไว้  

“กั้งที่ชาวบ้านจับได้เอาไปขายได้ต้องเป็นกั้งเป็นๆ เท่านั้น จะมีพ่อค้าจากกรุงเทพฯ หรือร้านอาหารในจังหวัดรับซื้อราคาตามไซซ์ ไซซ์เล็กกิโลกรัมละ 300-400 บาท ไซซ์กลางกิโลกรัม 1,000-1,300 บาท ไซซ์ใหญ่ 1,500-2,000 บาท พ่อค้าบางรายรับซื้อคัดไซซ์จับโบ้ หรือแมคโคร เพื่อส่งต่างประเทศทางเครื่องบิน คาดว่าแต่ละปีกั้งน่าจะทำรายได้ให้จังหวัดตราดไม่น้อยทีเดียว เพราะแหล่งธรรมชาติของกั้งในจังหวัดตราดมีกระจายตามป่าชายเลน ปากอ่าวทั่วไป และแถบชายฝั่งทะเล ทำให้กั้งเป็นเอกลักษณ์อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดตราด ที่ต้องมารับประทานถึงถิ่น เป็นแมกเนตดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ แต่ยังมีข้อจำกัดปริมาณกั้งที่อยู่ในธรรมชาติมีน้อย และการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ยังทำไม่ได้อย่างจริงจัง” นายสุมล กล่าว

รอง ผวจ.-นายก อบต.

เหยียบกั้ง…ภูมิปัญญาแท้จริง

นายสุมลกล่าวถึงการจับกั้งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างแท้จริงคือ 1. ต้องเรียนรู้ธรรมชาติที่เป็นช่วงฤดูกาลกั้งที่มีปริมาณมาก 2. เรียนรู้ปฏิทินน้ำขึ้น-น้ำลง อย่างแม่นยำ เพราะมีผลต่อการเหยียบกั้งต้องดูตารางน้ำลงมากๆ และ 3. กระดานเหยียบกั้ง เครื่องมือในการจับกั้ง ไม่มีขายต้องทำใช้เอง รวมทั้งเรียนรู้วิธีการจับกั้งไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากกั้ง

“ที่ตั้งอ่าวตราด มีลักษณะเวิ้งกว้างเมื่อน้ำลดระดับพื้นดินเลนมีดินปนทรายที่กั้งชอบอาศัยอยู่ การใช้ไม้กระดานเหยียบกั้งที่เป็นแผ่นแบนๆ ตกแต่งส่วนหัวให้เชิดขึ้นไม่ให้กระดานติดเลน  กั้งจะอยู่ในเลนเจาะรูกลมๆ มี 2 รูใกล้กัน เป็นทางเข้า-ออก เวลาเหยียบเท้าข้างหนึ่งปิดรูไว้กั้งตกใจจะวิ่งออกไปอีกรู ต้องใช้มือล้วงลงไปจับ ต้องดูว่าจับส่วนไหนของกั้งเพราะไม่เห็นตัวต้องจับตรงหัวกำมือหลวมๆ ถ้าจับไม่เป็นจะถูกกั้งใช้ขา (ระยางค์) ที่คมมากดีดใส่ คนที่จับเก่งๆ ในช่วงเวลาน้ำลงถ้ามีกั้งให้จับได้ 2-3 ชั่วโมง จับได้เป็นสิบๆ ตัว ถ้าตัวใหญ่ขายได้กิโลกรัมละ 1,300 บาท มีคนเคยจับได้ขายวันละ 2,000-3,000 บาท แต่ถ้าเป็นเด็กๆ จับสนุกๆ อาจจะได้ตัวเล็ก กิโลกรัมละ 250-300 บาท ถ้าตัวใหญ่มีรายได้เป็น 1,000 บาทเหมือนกัน ที่จัดแข่งขันกันเด็กๆ จะสนุกและคิดว่าได้ปลูกฝังให้เรียนรู้และสืบสานอาชีพนี้ต่อไป “นายสุมล กล่าวอย่างอารมณ์ดี

สุมล เง็กลี้ (ซ้าย) ดำรงศักดิ์ ยอดทองดี

แชมป์จับกั้งรุ่นเด็ก รายได้กว่า 1,000 บาท

ด.ช.อติเทพ หงส์สมุทร หรือ “จูโน่” อายุ 13 ปี อยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนวัดแหลมหิน เล่าว่า ชอบ สนุกกับวิถีชีวิตชาวประมงตามคุณตาหมู เรียนรู้การจับกั้ง จับเพรียง หาหอย หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ปีที่แล้วสมัครแข่งขันเหยียบกั้งได้แชมป์ รางวัลชนะเลิศ ปีนี้สมัครแข่งขัน ได้รางวัลชนะเลิศอีก แต่วันแข่งขันน้ำทะเลแห้งไม่มาก จับกั้งได้น้อยแค่ 11 ตัว เป็นไซซ์เล็ก ขายได้ 300 กว่าบาท แต่วันรุ่งขึ้นไปเหยียบกั้งที่เดิม น้ำลงมาก ได้กั้งกลาง ราคากิโลกรัม 500-600 บาท และได้ไซซ์ใหญ่ 1 ตัว ขายได้ 1,100 บาท

“ชอบที่จะออกไปหาปู ปลา ในทะเล เวลาจับกั้งต้องเอาขาเหยียบที่รูกั้งเห็นน้ำพุ่งออกอีกรู จะมีตัวกั้งออกมา เห็นตัวจะจับง่ายต้องรีบเอามือจับที่หัวกำเบาๆ หลวมๆ ใส่กระป๋อง แต่ถ้ากั้งไม่ออกจากรูต้องเอามือล้วงเข้าไป รูกั้งจะลึกสุดแขน ต้องค่อยๆ เอามืองมแล้วกำตัวให้แน่นเอาออกมา บางตัวงอตัวจะจับง่าย จับพับตัวเข้าหากันเบาๆ จะปลอดภัยไม่ถูกดีด” น้องจูโน่ เล่าด้วยอารมณ์แจ่มใส

ด้าน พรชนาถ ผากำเนิด หรือ “ต้น” แชมป์เหยียบกั้งประเภทประชาชน เล่าว่า ทำอาชีพค้าขาย ทำสวน และประมง เพิ่งลงแข่งขันปีนี้ครั้งแรก ได้เรียนรู้ฝึกฝนอยู่ระยะหนึ่งพอทำได้ เคยลงไปเหยียบกั้ง จับขายบ้างแล้วเป็นรายได้เสริมเห็นว่าไม่ยากและสนุกดี ปีนี้จึงลงแข่งขันกับเพื่อนๆ วันแข่งขันจับได้ 11 ตัว แต่เป็นไซซ์เล็กได้เงินเกือบ 700 บาท คิดว่าปีหน้าถ้าตรงเวลาว่างจะมาแข่งขันอีก ส่วน อนุรักษ์ เหล่าเทียน หรือ “แบงค์” ผู้แข่งขันชนะเลิศกั้งไซซ์ใหญ่ที่สุด ขนาดตัวละ 1.6 ขีด ราคาขายกิโลกรัมละ 1,300 บาท เล่าว่า การเหยียบกั้งเหมือนกับเป็นการวัดดวง บางครั้งโชคดีเจอกั้งอยู่เป็นกระจุกร่วม 10 กว่าตัว เจาะรูใกล้ๆ กัน ถ้าโชคดีเจอไซซ์ใหญ่ 3-4 ชั่วโมง ทำเงินได้ 5,000-6,000 บาท การจับแต่ละครั้งถ้าเจอกั้งไซซ์ใหญ่ทำเงินได้ครั้งละ 3,000-5,000 บาท อย่างไม่ได้ 700-800 บาท เป็นรายได้เสริมที่ดีมาก เพราะกั้งมีราคาแพง ช่วงที่ไซซ์ใหญ่หายากราคาขึ้นไป กิโลกรัมละ 1,800-1,900 บาทจากปกติ 1,500 บาท

“สังเกตรูกั้งถ้าอยู่รวมเป็นกระจุก ต้องขุดรางน้ำเพราะเวลาเหยียบกั้งน้ำจะออกมาจากปล่องลงมาทางรางจะทำให้จับตัวกั้งได้ง่าย วิธีง่ายๆ คือ จับหัวกับหางชนกัน พับตัวกั้ง จะปลอดภัยไม่ถูกกั้งดีดใส่ หนามที่เปลือกและขาหน้าจะคมมาก ดีดใส่จะเข้าลึกเลือดออก คาดว่ากั้งไม่น่าจะหมดไป เพราะวัฏจักรของกั้งจะขึ้นมาวางไข่ในป่าชายเลนช่วงน้ำเค็มเข้ามา เจริญเติบโตแล้วจะออกสู่ทะเลลึก และคนเหยียบกั้งเมื่อเจอกั้งไข่จะปล่อยไปให้วางไข่ กั้งในทะเลแม้ว่าจะมีลอบ อวนดักปู กุ้งจะติดมาด้วยแต่ไม่มากนัก และกั้งทะเลลึกจริงๆ จะจับไม่ได้เพราะอาศัยอยู่ตามซอกหิน” อนุรักษ์ กล่าว

“กั้งทอดกระเทียม” เนื้อเด้ง หวาน หอม

“กั้งทอดกระเทียม” เป็นอาหารพรีเมียมของจังหวัดตราดเลยก็ว่า ด้วยกั้งสดๆ เป็นๆ หายากและมีราคาแพง ทำให้อาหารกั้งทอดกระเทียมมีราคาสูง และต้องไปรับประทานถึงถิ่นจังหวัดตราด จะได้รสชาติของเนื้อกั้งสดๆ มีความหวาน และเนื้อแน่น เด้ง เป็นรสชาติผสมระหว่างเนื้อกุ้งและเนื้อปู ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ต้องรับประทานกับน้ำพริกเกลือเลยก็อร่อยสุดยอด วันนี้เรามาดูวิธีการ เคล็ดลับ การทำกั้งทอดกระเทียม เมนูเด็ด ของ ร้านเชอร์รี่แอนซีฟู๊ด ที่จังหวัดตราดกัน

คุณจิราพร ถวิลวงษ์ เจ้าของร้านอาหารเชอร์รี่แอน ซีฟู๊ด เลขที่  124 หมู่ที่ 3 ตำบลห้วงน้ำขาว อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด กล่าวถึงเมนู “กั้งทอดกระเทียม” เมนูเด็ดของจังหวัดตราด ที่ว่าต้องมารับประทานที่ร้านเท่านั้นจึงจะได้ความฟินเวอร์ เทคโฮม (take home) ไม่ได้ มีเคล็ดลับเฉพาะตัวกั้งที่ทำให้รสชาติอร่อยและต้องรับประทานคู่กับน้ำพริกเกลือโบราณหรือน้ำจิ้มซีฟู้ด โดยมีขั้นตอนการทำ 4-5 ขั้นตอน เริ่มจาก 1. นำกั้งเป็นๆ น็อกน้ำแข็ง ให้กั้งกินน้ำเข้าไปในตัวเพื่อไม่ให้เนื้อกั้งหายไป ประมาณ 5 นาที 2. ต้มกั้ง ตั้งน้ำให้เดือดพล่าน นำกั้งที่น็อกน้ำแข็งแล้วลงไปต้มพอสุกประมาณ 10 นาที 3. ตัดขอบเปลือกกั้ง และตัดกั้งเป็นท่อนๆ 3 ท่อน ใช้กรรไกรคีบตัดที่แหลมคมรอบๆ ตัวกั้งออก ในส่วนใต้ท้องที่เป็นครีบเอาไว้เพราะเป็นส่วนที่ทอดแล้วกรอบ (ถ้ารับประทานนึ่งจะแข็งต้องลอกออก) 4. การทอดกั้ง ต้องใช้น้ำมันใหม่ ตัวกั้งจะไม่ดำ ใช้ไฟแรงตั้งน้ำมันให้ร้อนเดือดแล้วใส่กั้งลงไป รอประมาณ 6-8 นาที กั้งจะสุก ใช้ตะแกรงตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน 5. การปรุงพร้อมรับประทาน นำกั้งที่ตักขึ้นคลุกกระเทียมเจียว โรยพริกไทย คลุกให้เกาะตัวกั้งให้ทั่ว ตักใส่จานใช้กระเทียมเจียวที่คลุกโรยหน้าให้ทั่ว ตามด้วยใบผักชีให้สวยงาม และจัดวางเรียงในจานเป็นรูปตัวกั้งให้ดูน่ารับประทานพร้อมเสิร์ฟ รับประทานคู่กับน้ำพริกเกลือโบราณ

“เคล็ดลับสำคัญอันดับแรก คือต้องใช้กั้งเป็นๆ เท่านั้น และที่นี่จะรับซื้อกั้งเป็นจากชาวประมงเตรียมไว้ในบ่อเลี้ยง และต้องน็อกน้ำแข็งให้กั้งกินน้ำเข้าไปในตัวก่อนนำไปต้มก่อนนำไปทอด เพื่อไม่ให้เนื้อกั้งหายไป ส่วนการทอดทุกครั้งต้องใช้น้ำมันใหม่ๆ ตัวกั้งจะไม่ดำ กระเทียมเจียวควรทำเอง เป็นกระเทียมเจียวใหม่ๆ เพื่อให้มีกลิ่นหอม ต้องไม่อมน้ำมัน การจัดกั้งในจานควรเรียงเป็นรูปตัวกั้ง ให้ดูสวยงามและเห็นตัวกั้งที่ครบทั้งตัว กั้งขนาดเล็กและขนาดกลางจะอร่อยที่สุดเพราะเนื้อจะหวาน นุ่ม มากกว่ากั้งไซซ์ใหญ่ แถมราคาถูกกว่ามาก จานละ 1,000 บาท กับ 1,500-1,800 บาท (กั้ง 1 กิโลกรัม) แนะนำกั้งควรรับประทานตอนสุกใหม่ร้อนๆ ทันที เนื้อกั้งทอดจะอร่อยมาก (ไม่เหมาะที่จะซื้อกลับบ้าน :take home) ”คุณจิราพร กล่าว

น้ำพริกเกลือ” เป็นสูตรพื้นบ้านโบราณที่ชาวบ้านในจังหวัดตราดทำ ใช้จิ้มอาหารทะเลทั่วไป กุ้ง หอย ปู ปลา และกั้ง เครื่องปรุง กั้ง 1 กิโลกรัม ใช้พริกขี้หนู 10 เมล็ด พริกชี้ฟ้า 4-5 เมล็ด กระเทียม 3-4 กลีบ ตำรวมกัน ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา น้ำตาลอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ รสชาติน้ำพริกเกลือนี้จะมีกลิ่นหอมของมะนาว รสชาติให้เค็มนำ รสหวานตาม ปรับสูตรให้ได้รสชาติตามใจชอบได้

กาญจนา จินตกานนท์/ตราด-ผู้เขียน

Related Posts