MOU ครั้งประวัติศาสตร์ เกษตรฯ ผนึก 36 พันธมิตร ยกระดับกาแฟไทยสู่มาตรฐานโลก ดันรายได้เกษตรกรโตอย่างยั่งยืน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรเกษตรกร รวมทั้งสิ้น 36 หน่วยงาน เพื่อร่วมกันยกระดับ “ห่วงโซ่คุณค่ากาแฟไทย” อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมผลักดันให้กาแฟไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพกาแฟไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก โดยมีเป้าหมายหลักคือ “การสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกร” และ “การวางระบบเศรษฐกิจการเกษตรที่ยั่งยืนในระยะยาว”
“ประเทศไทยมีความพร้อมทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่ปลูกที่เหมาะสม และองค์ความรู้ของเกษตรกร หากได้รับการสนับสนุนอย่างถูกทาง กาแฟไทยจะไม่เพียงเป็นสินค้าคุณภาพ แต่ยังสามารถเป็นต้นแบบของการพัฒนาเกษตรกรรมที่สมดุลทั้งในมิติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และความหวังของเกษตรกรรุ่นใหม่” ศ.ดร.นฤมล กล่าว
การลงนามในครั้งนี้ครอบคลุมแนวทางความร่วมมือในหลายมิติ อาทิ การพัฒนาคุณภาพผลผลิต การวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม การส่งเสริมตลาดที่เป็นธรรม การลดการเผาในพื้นที่การเกษตร การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนตลอดจนการสนับสนุนเยาวชนและยุวเกษตรกรให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญในระบบการผลิตกาแฟของประเทศ

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ภายใต้ MOU ฉบับนี้จะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อผลักดันเป้าหมายการพัฒนาเกษตรกรกว่า 12,000 ครัวเรือนให้เข้าสู่ระบบกาแฟคุณภาพภายใน 3 ปี โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่กว่า 1,000 ไร่
“เรากำลังสร้างระบบเศรษฐกิจฐานราก ที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรเป็นเจ้าของอนาคตของตนเอง” นายพีรพันธ์ กล่าวพร้อมย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนาในหลายด้าน อาทิ การปรับปรุงพันธุกรรมกาแฟ การควบคุมโรคและแมลงศัตรูพืช การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การเข้าถึงตลาดและการสร้างระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ที่เชื่อมโยงกับมาตรฐานสากล
นอกจากนี้ ยังมีแผนส่งเสริมการจัดทำ “สัญญาการเกษตรที่เป็นธรรม” การพัฒนาเยาวชนผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อป การเรียนรู้ระหว่างกลุ่มเกษตรกร และการประกวดกาแฟในระดับภูมิภาคและระดับประเทศเพื่อบ่มเพาะทักษะและแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ในแวดวงเกษตรกรรม
ความร่วมมือในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการพัฒนา “พืชเศรษฐกิจ” แต่คือการพัฒนา “คุณภาพชีวิตเกษตร” ที่อยู่เบื้องหลังเมล็ดกาแฟทุกเมล็ด เพื่อสร้างคุณภาพใหม่ให้กับวิถีเกษตรกรรมไทยอย่างยั่งยืน

