ผักไชยา หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ คะน้าเม็กซิกัน หรือ มะละกอกินใบ เป็นผักที่ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับอาหารหลากหลายเมนู นอกจากรสชาติที่ดีแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารครบถ้วนและมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย

ผักไชยา คะน้าเม็กซิกัน ผักโขมต้น หรือ ชายา (ภาษาสเปน Chaya) ชื่อทางพฤกษศาสตร์ : Cnidoscolus chayamansa ชื่อวงศ์ Euphorbiaceae เป็นไม้พุ่ม อายุหลายสิบปี อยู่ในวงศ์เดียวกับยางพาราและสบู่ดำ เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติในคาบสมุทรยูกาตันของประเทศเม็กซิโก มีลำต้นอวบน้ำ มียางขาวออกมาเมื่อถูกหัก ทรงพุ่มตั้งตรง มีขนาดใหญ่ โตเร็ว สามารถสูงได้ถึง 6 เมตร ใบกว้าง มีแฉกคล้ายใบมะละกอ ผักไชยาเป็นผักกินใบ เป็นอาหารชนิดหนึ่งของประเทศเม็กซิโก กัวเตมาลา และประเทศแถบอเมริกากลาง

การปลูกและขยายพันธุ์ “ผักไชยา”
ผักไชยาเป็นพืชที่ขยายพันธุ์ง่ายและเติบโตเร็ว นิยมใช้วิธีปักชำโดยเลือกกิ่งที่มีสีเขียวเข้มและเริ่มมีสีขาวตรงโคนกิ่ง ตัดให้มีความยาวประมาณ 1 คืบ แล้วนำไปปักชำในกระถางขนาด 5-6 นิ้ว ใส่ดินปลูกให้เรียบร้อย วางไว้ในที่มีแสงแดดรำไร ไม่นานนักกิ่งจะเริ่มแตกยอด เมื่อแข็งแรงดีแล้วจึงย้ายลงปลูกในแปลงดิน
การดูแลรักษา
ผักไชยาเป็นพืชที่ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลมาก ไม่มีแมลงรบกวน และเติบโตได้ดีในดินที่โปร่งและระบายน้ำได้ดี ควรหลีกเลี่ยงน้ำขังนานเกินไป เพราะอาจทำให้รากเน่า สามารถเติบโตได้ทั้งในที่แดดรำไรและแดดจัด ปลูกครั้งเดียวเก็บกินได้ตลอดชีวิต แทบไม่ต้องพึ่งปุ๋ยหรือสารเคมี เพียงใส่มูลสัตว์เป็นครั้งคราวก็เพียงพอ
ข้อควรรู้
แนะนำให้ตัดแต่งกิ่งไม่ให้สูงเกิน 2 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บเกี่ยว เหมาะสำหรับคนที่รักการปลูกผักแบบไร้สารพิษ และที่สำคัญ ไชยาสามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ
คุณค่าทางอาหาร
ผักไชยา มีส่วนประกอบที่มีคุณค่าทางอาหารมากกว่าผักสีเขียวทั่วไป 2-3 เท่าตัว เป็นผักที่มีน้ำ 85.3% คาร์โบไฮเดรต 4.2% โปรตีน 5.7% ไขมัน 0.4% เส้นใยอาหาร 1.9% มีธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ แคลเซียม 421.0 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 217.2 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 39.0 มิลลิกรัม เหล็ก 11.4 มิลลิกรัม วิตามินซี 164.7 มิลลิกรัม วิตามินเอ 0.085 มิลลิกรัม
ผักไชยาเป็นผักที่ยอดอวบใหญ่ ใบหนา เป็นผักที่มียาง การนำมาเป็นอาหารควรระมัดระวัง เพราะมี คลูโดไซด์ ซึ่งจะปล่อยสารพิษไซยาไนด์ และไม่ควรต้มในภาชนะที่เป็นอะลูมิเนียม จะทำให้น้ำต้มเป็นพิษ ในส่วนของก้าน ต้องลอกเปลือกออกก่อนทำอาหารกิน
สรรพคุณทางยา
ผักไชยาเป็นผักที่อุดมไปด้วย โปรตีน วิตามิน แคลเซียม โพแทสเซียม และธาตุเหล็ก นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงร่างกายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าผักใบเขียวทั่วไปถึง 2-3 เท่า
ผักไชยา เมื่อนำมาเป็นอาหาร จะมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผักต่างๆ มีสรรพคุณช่วยต้านพยาธิ หรือจุลชีพต่างๆ ต้านอาการอักเสบ ปกป้องหลอดเลือดและหัวใจ ลดและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดไขมัน ใช้เป็นยาระบาย ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ เพิ่มการไหลเวียนเลือด บำรุงสายตา รักษาโรคหอบหืด ป้องกันการไอจาม ป้องกันการติดเชื้อฆ่าเชื้อในปอด รักษาไขข้ออักเสบ เพิ่มแคลเซียมในกระดูก รักษาอาการกระดูกพรุน ลดการอักเสบในเลือดป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงสมอง ฯลฯ

วิธีการบริโภค
แม้ว่าใบของผักไชยาจะมีสารพิษซึ่งเป็นกรดไฮโดรไซยานิก (Hydrocyanic acid) ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ห้ามรับประทานแบบสดๆ จึงต้องทำให้สุกก่อนรับประทาน เพียง ต้ม นึ่ง หรือผัด 2-3 นาที ก็สามารถลดสารพิษให้อยู่ในระดับปลอดภัย พร้อมรับประทานได้อย่างไร้กังวล วิธีการปรุงอาหารที่แนะนำ ได้แก่
- ลวกหรือผัด คล้ายกับการปรุงผักบุ้งหรือตำลึง
- ใส่ในแกง เช่น แกงจืด แกงเลียง หรือแกงส้ม
- ทอดกรอบ ทานเป็นของว่าง
จริงๆ แล้ว ผักไชยา เป็นพืชที่เหมาะสำหรับคนเมือง เพราะเจริญเติบโตง่าย ไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มาก สามารถปลูกในกระถางก็ได้ ในกรณีที่มีพื้นที่จำกัด หมั่นเด็ดยอดเรื่อยๆ ไชยาก็จะแตกยอดให้เรากินได้ตลอดไม่เกี่ยงฤดู หนำซ้ำไม่ค่อยมีศัตรูพืชและโรคพืชรบกวน อาจถือได้ว่าเป็นผักปลอดภัยที่ปลูกได้ดีข้างบ้าน ที่สำคัญอย่าลืมลวกน้ำเดือดเสียก่อนที่จะนำมาปรุงอาหาร