ด้วยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และห่วงใยประชาชน หลังจากที่สำนักพระราชวังปิดการถวายบังคมพระบรมศพเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ระหว่างวันที่ 25-29 ต.ค. ซึ่งหลังจากที่ปิดการถวายบังคมพระบรมศพ มีพสกนิกรเป็นจำนวนมากที่เดินทางมาวางดอกไม้โดยรอบกำแพงพระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายสักการะ

การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับรู้จากพระราชหฤทัยของพระองค์ถึงพลังน้ำใจ พลังความรัก อันประเสริฐสุดและความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทย นับตั้งแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคตตราบจนทุกวันนี้

 

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่ถนนหน้าพระลาน ระหว่างประตูมณีนพรัตน์ และประตูวิเศษไชยศรี บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาประดิษฐานข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูทั้งสอง สำหรับให้ประชาชนได้ถวายสักการะต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ซึ่งซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ ประกอบด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งเป็นพระบรมฉายาลักษณ์เดียวกันกับที่ประดิษฐานด้านหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยถูกตกแต่งด้วยสีฟ้า แสดงถึงวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยมีพานพุมสีทองตั้งอยู่ขนาบข้าง ด้านบนมีสัญลักษณ์พระมหาพิชัยมงกุฎประดับอยู่บนยอด ภายในมีเลขเก้าไทยอยู่ตรงกลาง แสดงถึงเลขรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และปรมาภิไธย ภปร โดยมีพานพุมสีทองตั้งอยู่ขนาบข้าง

ด้านล่างตั้งโต๊ะหมู่บูชาเครื่องราชสักการะตามพระราชประเพณี และมีเครื่องทองน้อยที่แสดงถึงเจ้านายที่ไม่ทรงพระชนม์ ด้านหน้าบริเวณทางเดินหน้าซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ มีโต๊ะและพานสีเงินจำนวน 9 พาน เพื่อรองรับดอกไม้และพวงมาลัยจากประชาชนที่จะเข้ากราบสักการะถวายความเคารพ

พล.อ.ท.ภักดี กล่าวถึงรายละเอียดถึงซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าประชาชน ยังคงมีความอาลัยและอยากจะกราบถวายบังคมพระองค์ท่านอยู่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้าง ซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้น เพื่อให้ประชาชนนำดอกไม้หรือพวงมาลัย มาแสดงความอาลัยและกราบไหว้ได้

โดยจุดประตูทางเข้าสำหรับประชาชน จะเปิดให้เข้าได้ 2 ช่องทาง จุดที่หนึ่งคือจุดประตูทางเข้าท่าช้าง ซึ่งประชาชนจำเป็นต้องเดินเท้าเข้ามาตามถนนมหาราช เพื่อผ่านจุดคัดกรองประตูท่าช้าง แล้วเดินเข้ามาตามถนนหน้าพระลาน จุดที่สองคือ จุดประตูทางเข้าใกล้ศาลหลักเมือง ซึ่งประชาชนจำเป็นต้องเดินเท้าจากหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์เข้ามาตามถนนอัษฎางค์ ก่อนข้ามสะพานหลังศาลหลักเมือง เดินผ่านจุดตรวจคัดกรอง เข้ามาตามถนนระหว่างกระทรวงกลาโหมและศาลหลักเมือง แล้วเดินเข้ามาทางถนนหน้าพระลาน

ในส่วนของเวลาเปิด-ปิด ขณะนี้ตกลงกันแล้วว่า จะเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะถวายความเคารพซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จากนั้นจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ในวันที่ 15, 21 และ 22 ต.ค. ซึ่งจะแจ้งวันปิดให้เข้ากราบสักการะถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์อีกครั้งหนึ่ง พร้อมเน้นย้ำ สำหรับ ประชาชนให้เตรียมบัตรประจำตัวประชาชนมาในวันนั้นด้วย

โดยหลังจากแถลงเสร็จ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต เป็นตัวแทนอัญเชิญพวงมาลา พร้อมกับสื่อมวลชน ก่อนโค้งถวายความเคารพหน้าซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมกัน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน