เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณริมกำแพงหน้าพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรีและประตูมณีนพรัตน์ สำหรับให้ประชาชนได้ถวายสักการะ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งวันนี้ได้เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะเป็นวันที่ 5 มีประชาชนหลั่งไหลเดินทางมาถวายสักการะอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังอำนวยความสะดวกโดยการนำแผงเหล็กมากั้นช่องทางเดินเชื่อมระหว่างจุดคัดกรองหลังศาลหลักเมือง ถ.อัษฎางค์ ข้างกระทรวงกลาโหม และจุดคัดกรองบริเวณท่าช้าง

นางกิติมา บุญรักษา อายุ 52 ปี ชาวกรุงเทพฯ กล่าวว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตก็อยากจะมาไหว้ในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรก ก็รู้สึกตื้นตันใจมาก เพราะหลังจากนี้อาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว ตนเคารพและเทิดทูนพระองค์มาก พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระอัจฉริยภาพหลากหลายด้าน ที่สำคัญคือพระองค์ทรงรักประชาชนและทรงช่วยคนที่ยากไร้มากมาย ทรงเป็นอย่างในการทำความดี ส่วนตัวน้อมนำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต อย่างของที่เรามีอยู่แล้วและยังสามารถใช้ได้ ก็จะไม่หาซื้อมาใหม่ บางอย่างก็ซ่อมแซมและปรับปรุงให้กลับมาใช้ได้ใหม่

นางกิติมา กล่าวต่อว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ตนก็ยังระลึกถึงพระองค์เสมอ เวลาทำบุญก็จะอธิษฐานถวายเป็นพระราชกุศล และหวังว่าการจากไปของพระองค์จะทำให้คนไทยได้นึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ และมีความสามัคคีกัน รวมถึงน้อมนำสิ่งที่พระองค์พระราชทานไว้มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ในวันที่ 26 ต.ค. ตั้งใจว่าจะเดินทางมาวางดอกไม้จันทน์ที่พระเมรุมาศจำลองบริเวณใกล้ๆ พระบรมมหาราชวัง เพื่อแสดงความอาลัยแด่พระองค์

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังจะเปิดให้เข้าถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันที่ 21 และ 22 ต.ค. เนื่องจากทางกองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จะมีการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยจะแจ้งวันปิดอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน