สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราช ดำเนินทรงร่วมซ้อมในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ารอชมริ้วขบวนในการซ้อมใหญ่เนืองแน่น หลายคนหลั่งน้ำตาตื้นตัน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ส่งผู้คณะแทนร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสวรรคต เทิดการอุทิศพระวรกายเพื่อทรงงานตลอดระยะเวลา 70 ปี จะเป็นมรดกที่ยังประโยชน์สู่อนุชนรุ่นหลังไปอีกยาวนาน สำนักพระราชวังเชิญชวนประชาชนร่วมส่งภาพแห่งความทรงจำที่ประชาชนได้แสดงพลังความรักและความจงรักภักดี นับตั้งแต่วันเสด็จสวรรคต รวบรวมจัดนิทรรศการ ชาวไทยเผ่าม้ง 2 หมู่บ้าน ดอยปุย-ขุนช่างเคี่ยน เชียงใหม่ กว่า 400 คนเดินเท้า 30 ก.ม.ลงจากดอยร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์

พระเทพฯเสด็จร่วมซ้อมใหญ่

เวลา 06.54 น. วันที่ 21 ต.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งมายังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงร่วมซ้อมในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งคณะกรรมการอำนวยการร่วมฯได้จัดการซ้อมย่อยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 1, 2, 3 ในพื้นที่จริงเป็นครั้งที่ 3 เป็นการซ้อมเสมือนจริงเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในวันที่ 26 ต.ค. นี้

ทั้งนี้ มีพระวงศานุวงศ์ ราชสกุล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พร้อมด้วยทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ กำลังพลจากกรมสรรพาวุธ กองทัพภาคที่ 1 นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และข้าราชบริพาร ร่วมในการซ้อมรวมจำนวนกว่า 4,000 คน

ประชาชนหลั่งไหลรอชมเนืองแน่น

เวลา 04.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศประชาชนหลั่งไหลกันมาเฝ้ารอเวลาเข้าชมการซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งในวันที่ 21 ต.ค. นี้ เป็นการซ้อมเสมือนจริง ว่าประชาชนจำนวนมากจากทั่วสารทิศพร้อมใจแต่งกายด้วยชุดสีดำสุภาพเดินทางมาเข้าชมความงดงามของริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศกันตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 20 ต.ค. โดยต่างจับจองพื้นที่แถวหน้า หลังจากผ่านจุดคัดครอง ซึ่งมี 9 จุด ประกอบด้วย บริเวณแยกสะพานมอญ, ท่าช้าง, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, แม่พระธรณีบีบมวยผม, ถนนกัลยาณไมตรี, แยกสะพานช้างโรงสี, แยกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร, ท่าพระจันทร์ และใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า

ต่อมาเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมการซ้อมริ้วขบวนบริเวณถนนมหาราช โดยประชาชนทยอยเดินเข้ามาจับจองพื้นที่บนบาทวิถีถนนมหาราช ตั้งแต่บริเวณท่าช้างถึงท่าเตียน ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และบนบาทวิถีถนนราชดำเนินใน ตั้งแต่จุดคัดกรองบริเวณแม่พระธรณีบีบมวยผมจนถึงบริเวณแนวกึ่งกลางสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามสนามหลวง รวมทั้งเขตนอกรั้วราชวัติฝั่งพระเมรุมาศ

พิธีซ้อมเสมือนจริงยิ่งใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซ้อมริ้วขบวนที่ 1 เริ่มในเวลา 07.23 น. เจ้าพนักงานเปลื้องพระลองออกจากพระโกศทองใหญ่ แล้วเชิญพระลองลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เทียบที่เกยลา จากนั้นประกอบพระโกศทองใหญ่ ก่อนประดิษฐานบนพระยานมาศสามลำคาน ซึ่งเป็นยานที่มีคานหามขนาดใหญ่ทำด้วยไม้จำหลักลวดลายลงรักปิดทอง มีพนักโดยรอบ 3 ด้าน และมีคานหาม 3 คาน

จากนั้นเวลา 08.15 น. เจ้าพนักงานเชิญพระบรมโกศออกทางประตูศรีสุนทร ซึ่งเป็นประตูชั้นใน และประตูเทวาภิรมย์ เพื่อตั้งริ้วขบวนบนถนนมหาราช โดยมี รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ประคองพระบรมโกศออกมาทางประตูศรีสุนทร และประตูเทวาภิรมย์ เมื่อพระบรมโกศถึงยังถนนมหาราชแล้ว เจ้าพนักงานเชิญพระมหาเศวตฉัตรกางกั้นพระบรมโกศ ต่อมา ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ขึ้นไปประคองพระบรมโกศบนพระยานมาศสามลำคาน จากนั้นเจ้าพนักงานรัวกรับเป็นสัญญาณครบ 3 ครั้งแล้ว วงมโหระทึกเริ่มบรรเลง

เชิญเพลงพระราชนิพนธ์บรรเลง

เวลา 08.25 น. ริ้วขบวนที่ 1 เริ่มเคลื่อนตามสัญญาณกลองมโหรทึก สลับกับบทเพลง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช อันประกอบด้วยเพลงมาร์ชราชวัลลภ เพลงยามเย็น เพลงใกล้รุ่ง โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินหลังพระบรมโกศทองใหญ่ และ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นผู้เชิญเครื่องทองน้อย พร้อมด้วยข้าราชบริพารในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้เชิญเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชกกุธภัณฑ์และเครื่องราชูปโภค โดยริ้วขบวนได้เคลื่อนไปตามถนนมหาราช เลี้ยวเข้าสู่ถนนท้ายวัง มุ่งไปยังถนนสนามไชย ซึ่งริ้วขบวนที่ 1 โดยหลักประกอบด้วย เสลี่ยงพระนำทหารกองเกียรติยศ เครื่องราชอิสริยยศ ทหารม้านำ 2 ม้า ทหารม้าตาม 4 ม้า ข้าราชบริพาร

ต่อมาเวลา 08.53 น. ริ้วขบวนที่ 1 ได้มารวมกับริ้วขบวนที่ 2 ซึ่งตั้งรออยู่บริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหา วิหาร จากนั้นเวลา 09.14 น. เจ้าพนักงานเชิญพระโกศทองใหญ่เทียบเกรินบันไดนาคขึ้นประดิษฐานบนบุษบกพระมหาพิชัยราชรถ หมายเลข 9780 มีลักษณะเป็นราชรถทรงบุษบก ทำด้วยไม้แกะสลัก ลงรักปิดทอง ประดับกระจก มีเกรินลดหลั่นกัน 5 ชั้น สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพื่อการเชิญพระโกศพระอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (ทองดี) ออกพระเมรุ เมื่อพ.ศ.2339 ต่อมาใช้เชิญพระบรมโกศพระมหากษัตริย์และพระโกศพระบรมวงศ์จนถึงปัจจุบัน

สมาชิกราชสกุลร่วมขบวน

เวลา 09.36 น. ริ้วขบวนพระมหาพิชัยราชรถ และราชรถพระนำ เริ่มเคลื่อนขบวน โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินหลังพระมหาพิชัยราชรถ และ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นผู้เชิญเครื่องทองน้อย และ ข้าราชบริพารในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้เชิญเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชกกุธ ภัณฑ์และเครื่องราชูปโภค พร้อมสมาชิกราชสกุล ประกอบด้วย หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวงตามลำดับ โดยในริ้วขบวนนี้มีหม่อมเจ้า 4 พระองค์ คือ พล.ท. ม.จ.เฉลิมศึก ยุคล, ร.อ.ม.จ.นวพรรษ์ ยุคล, ม.จ.หญิงศรีสว่างวงศ์ ยุคล (บุญจิตราดุลย์) และม.จ.หญิงนภดลเฉลิมศรี ยุคล นอกจากนั้นเป็นหม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง ตามลำดับ

โดยมี พล.ต.อเนก กล่อมจิตร เป็นผู้กำกับพระมหาพิชัยราชรถ พ.อ.พสิษฐ์ ภูวัตณัฐสิทธิ เป็นผู้ควบคุมฉุดชักราชรถ และพ.ท.สวรจน์ สุภเวชย์ เป็นผู้ควบคุมฉุดชักหลัง ริ้วขบวนนี้จะมีความงดงามมากที่สุดเนื่องจากใช้ผู้ร่วมขบวนมากกว่า 4,000 คน และใช้จังหวะการเดินแบบเดินเปลี่ยนเท้าประกอบเพลงพญาโศกลอยลม โดยมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีนำหน้าพระมหาพิชัยราชรถ ทั้งนี้ริ้วขบวนเคลื่อนไปบนถนนสนามไชย เข้าสู่ถนนราชดำเนินใน ผ่านหน้ากระทรวงกลาโหม ศาลหลักเมือง และศาลฎีกา เข้าสู่ท้องสนามหลวง โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และระหว่างที่พระมหาพิชัยราชรถเคลื่อน ทหารบก เรือ อากาศ ยิงสลุตถวายพระเกียรตินาทีละ 1 นัด

สำหรับพระมหาพิชัยราชรถ เป็นราชรถที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ความสูง 11 เมตร 20 เซนติเมตร กว้าง ยาว 18 เมตร และหนักมากกว่า 13.7 ตัน จึงต้องใช้พลฉุดชักเพื่อเคลื่อนพระมหาพิชัยราชรถทั้งหมด 216 นาย แบ่งเป็นส่วนด้านหน้า 172 นาย ด้านหลัง 44 นาย เเละพลควบคุม 5 นาย

ราชรถเชิญพระโกศสู่จิตกาธาน

เมื่อเข้าสู่ถนนท้องสนามหลวงฝั่งหน้าศาลฎีกา ขบวนทหาร ขบวนพระบรมราชอิสริยยศเชิญพระโกศทองใหญ่ลงจากพระมหาพิชัยราชรถโดยเกรินบันไดนาค เพื่อประดิษฐานพระโกศทองใหญ่บนราชรถปืนใหญ่ที่ได้จัดสร้างขึ้นใหม่ เพื่อตั้งริ้วขบวนที่ 3 โดยมีราชสกุลทุกมหาสาขาตั้งแถวรอภายในราชวัติพระเมรุมาศ จากนั้นเชิญพระโกศพระบรมศพโดยราชรถปืนใหญ่เวียนรอบพระเมรุมาศโดยอุตราวัฏ 3 รอบ คือการเวียนซ้าย 3 รอบ ระยะทาง 260 เมตรต่อรอบ ทั้งนี้ใช้เพลงมาร์ชราชวัลลภบรรเลงขณะอุตราวัฏ มีพระประยูรญาติร่วมเดินในริ้วขบวนด้วย จากนั้นเจ้าพนักงานเทียบราชรถปืนใหญ่ที่เกรินบันไดนาคพระเมรุมาศ เชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐาน ณ พระจิตกาธาน ประกอบพระโกศจันทน์บนพระเมรุมาศ เป็นอันเสร็จพิธีเชิญพระบรมศพออกสู่พระเมรุมาศ

สำหรับเพลงพระราชนิพนธ์ มาร์ชราชวัลลภ หรือ Royal Guards March เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 7 ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใน พ.ศ. 2491 ชื่อ ?ราชวัลลภ?? และพระราชทานให้เป็นเพลงประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์เพื่อไว้ใช้ในพิธีสวนสนาม หลังจากนั้น ผบ.กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ได้มอบหมายให้ พ.ต.ศรีโพธิ์ ทศนุศ แต่งคำร้องภาษาไทยถวาย มีห้องเพลงยาวกว่าเดิม จึงขอพระราชทานทำนองเพิ่มเติมเพื่อให้เข้ากับคำร้อง ในการแก้ไขทำนองให้เข้ากับคำร้องนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยกร) ช่วยตรวจทาน และได้พระราชทานนามเพลงพระราชนิพนธ์นี้ว่า ?มาร์ชราชวัลลภ?

พสกนิกรหลั่งน้ำตาตื้นตัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อขบวนพระมหาพิชัยราชรถเคลื่อนผ่าน พสกนิกรพร้อมใจยกมือกราบไหว้ ขณะที่บางคนหลั่งน้ำตาด้วยความอาลัย โดยตลอดการซ้อมเสมือนจริงริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ แม้อากาศจะร้อนจัดแต่ประชาชนยังคงปักหลักเนืองแน่นตลอดเส้นเพื่อร่วมชมริ้วขบวน โดยวันที่ 22 ต.ค. ก็ ได้มีการซ้อมริ้วขบวน ที่ 4, 5 และ 6 โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ทรงร่วมซ้อมริ้วขบวนที่ 6 ซึ่งเป็น ริ้วขบวนกองทหารม้าเชิญพระบรมราช สรีรางคาร จากพระศรีรัตนเจดีย์ ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และขบวนกองทหารม้าเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ไปบรรจุ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

ปธน.ทรัมป์ส่งผู้แทนร่วมราชพิธี

วันเดียวกัน โฆษกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเผยแพร่แถลงการณ์ ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะส่งคณะผู้แทนประธานาธิบดี นำโดยนายเจมส์ แมตทิส รมว.กระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดี ร่วมด้วย นายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

โอกาสนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ในนามประชาชน ชาวอเมริกัน นายทรัมป์ระบุว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองใจพสกนิกรชาวไทย และทรงสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา พระราชกรณียกิจด้านนวัตกรรม การทูตและการอุทิศพระวรกายเพื่อทรงงานตลอดระยะเวลา 70 ปี จะเป็นมรดกที่ยังประโยชน์สู่อนุชนรุ่นหลังไปอีกยาวนาน

จิตอาสาจัดสวนพระเมรุมาศจำลอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. วันเดียวกัน ที่บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต มีประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจิตอาสากว่า 100 คนเข้าลงทะเบียนช่วยงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ถวายงานดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจร นอกจากนี้ยังมีประชาชนจิตอาสาช่วยปลูกดอกดาวเรืองและดอกไม้สีเหลืองบริเวณรอบพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและบริเวณโดยรอบพระเมรุมาศจำลอง

เชิญชวนส่งภาพความทรงจำ

สำนักพระราชวังขอเชิญชวนประชาชนร่วมส่งภาพแห่งความทรงจำที่ประชาชนได้แสดงพลังความรักและความจงรักภักดีนับตั้งแต่ วันเสด็จสวรรคต วันที่ 13 ต.ค. 2559 เพื่อรวบรวมจัดนิทรรศการเผยแพร่ภาพแห่งความทรงจำ ทั้งนี้ ติดตามรายละเอียดและส่งภาพทางเว็บไซต์ https://photokingrama9.ohm.go.th

เตรียมรับปชช.ถวายดอกไม้จันทน์

วันเดียวกัน พล.ต.นิรันดร ศรีคชา ผู้อำนวยการสำนักกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก (กร.ทบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งกองทัพบกเป็นหนึ่งใน 16 จุดที่ติดตั้งซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ขนาดใหญ่ที่กทม. จัดทำขึ้น ว่า กองทัพบกได้ตั้งเต็นท์ขนาดใหญ่เพื่อให้ประชาชนพักคอยระหว่างรอร่วมพิธี จำนวน 10 กว่าเต็นท์ บริเวณสนามฟุตบอลด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พร้อมติดตั้งจอแอลซีดีขนาดใหญ่เพื่อรับสัญญาณถ่ายทอดสดจากมณฑลพิธีท้องสนามหลวง และติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง โดยจะเปิดประตูด้านหน้าบก.ทบ. ซึ่งอยู่ตรงข้ามเวทีมวยราชดำเนินให้ประชาชนเข้ามาภายในบก.ทบ. ตั้งแต่ 08.00-22.00 น. เริ่มพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ในเวลา 09.00 น. โดยประชาชนต้องเดินผ่านเครื่องตรวจจับอาวุธและโลหะ อีกทั้งกองทัพบกได้เตรียมอาหารและเครื่องดื่มจากกรมพลาธิการทหารบกและภาคเอกชนที่สนับสนุนไว้บริการประชาชนที่มาร่วมพิธีตลอดทั้งวัน และยังได้เตรียมรถสุขาเคลื่อนที่ รวมถึงเปิดให้ประชาชนใช้ห้องน้ำภายในอาคารของบก.ทบ.

ไทยม้งเดินเท้าลงดอยร่วมพิธี

วันเดียวกัน ที่จ.เชียงใหม่ นายเมธาพันธ์ เฟื่องฟูกิจการ ผู้ใหญ่บ้านดอยปุย และนายเปา แซ่เฒ่า ผู้ใหญ่บ้านขุนช่างเคี่ยน เปิดเผยว่า ชาวไทยเผ่าม้งจำนวนกว่า 400 คน ของบ้านดอยปุย บ้านขุนช่างเคี่ยน ซึ่งเป็นหมู่บ้านใกล้พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จะเดินเท้ารวมระยะทางประมาณ 30 ก.ม. เพื่อลงไปร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของ จ.เชียงใหม่ ในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยจะเดินจากบนดอยไปยังศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนม พรรษา ออกเดินตั้งแต่เวลา 06.00 น. คาดว่าจะถึงบริเวณพิธีในเวลาประมาณ 12.00 น.

ผู้ใหญ่บ้านดอยปุยและผู้ใหญ่บ้านขุนช่างเคี่ยนกล่าวด้วยว่า ชาวไทยเผ่าม้งทุกคนซาบซึ้งตลอดมาในพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง พระองค์เสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกร ณ หมู่บ้านแห่งนี้ถึง 14 ครั้ง เสด็จฯ เยี่ยม ทุกพื้นที่เพื่อทรงงานพัฒนาและช่วยเหลือราษฎรชาวไทยภูเขาในท้องถิ่นทุรกันดารให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กำจัดการปลูกฝิ่น ลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ คือป่าไม้และต้นน้ำลำธาร พัฒนาการเกษตรบนที่สูง รักษาดินและใช้พื้นที่ให้ถูกต้อง

โคราชเตรียม 2 หมื่นจนท.รปภ.

ที่สถานีตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ในวันงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จังหวัดได้จัดสถานที่สำหรับให้ประชาชนได้มาถวายดอกไม้จันทน์ไว้ทั้ง 32 อำเภอ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนออกมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ตำรวจจึงได้ระดมเจ้าหน้าที่ร่วมกับศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3, ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 21 และฝ่ายปกครองจังหวัดนครราชสีมา รวมกว่า 25,000 นาย เพื่อปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับประชาชน รวมทั้งยังมีจิตอาสาเฉพาะกิจอีกกว่า 2 แสนคน ช่วยอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ด้วย

พล.ต.ต.วัชรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนพื้นที่เขตตัวเมืองนครราชสีมา ซึ่งจะจัดพิธีที่พระเมรุมาศจำลอง บริเวณสนามหน้าศาลากลาง คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมพิธีไม่น้อยกว่า 150,000 คน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปิดการจราจรบนถนนรอบตัวเมือง 12 จุด ตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น. เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด โดยได้ประสานขอพื้นที่วัด โรงเรียน และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนครราชสีมา จำนวน 25 แห่ง สำหรับใช้เป็นสถานที่จอดรถในรอบนอกตัวเมือง ซึ่งสามารถจอดรถยนต์ได้ประมาณ 10,000 คัน และจะมีรถรับส่งจากจุดต่างๆ เข้ามาในบริเวณพิธี จึงขอความร่วมมือประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมพิธี ให้นำรถไปจอดในจุดต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด

จิตอาสานครฯบริการรถรับส่งฟรี

วันเดียวกัน ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เชิญไฟหลวงพระราชทานไปยังศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนประกอบพิธีรับไฟหลวงพระราชทานของนายอำเภอทั้ง 23 อำเภอในวันที่ 24 ต.ค.นี้ โดยนายจำเริญ กล่าวว่า จังหวัดจะซ้อมพิธีถวายดอกไม้จันทน์เหมือนจริงทุกขั้นตอนในช่วงบ่ายวันที่ 23 ต.ค. ส่วนวันที่ 26 ต.ค. ก็มีมาตรการอำนวยความสะดวกให้แก่เป็นพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ณ สนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช โดยกำหนดจุดจอดรถตามสถานที่ต่างๆ ไว้แล้ว พร้อมบริการรถรับส่งจากจุดจอดรถมายังสนามหน้าเมือง ทั้งนี้ เปิดให้วางดอกไม้จันทน์ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

นายฉัตรชัย อนันตกูล ขนส่งจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารสาธารณะจังหวัดนครศรี ธรรมราชเข้าร่วมให้บริการรถโดยสารสาธารณะรับ-ส่ง ฟรี ครอบคลุมทุกอำเภอเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ถวายดอกไม้จันทน์ ซึ่งขณะนี้มีจิตอาสาแจ้งความจำนงไว้แล้วจำนวน 343 คัน เป็นรถสองแถวจำนวน 295 คัน รถตู้ รถมินิบัส จำนวน 17 คัน รถแท็กซี่ 30 คัน รถบัสโดยสาร 1 คัน เพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปได้อย่างสะดวกที่สุด

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สำนัก งานขนส่งจังหวัดนครศรีธรรมราชยังเพิ่มความเข้มงวดมาตรการเพื่อความปลอดภัย จัดผู้ตรวจการลงพื้นที่ตรวจสอบการให้บริการรถโดยสารสาธารณะที่บขส.หัวอิฐ และบขส.ทุ่งสง พร้อมตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถ จัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่ตรวจจับความเร็ว พร้อมติดตามการเดินรถโดยสารสาธารณะ ผ่านระบบจีพีเอส แทร็กกิ้ง และได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้บริการสอบถามข้อมูลและรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน