เมื่อเวลา 9:00 น. วันที่ 27 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ บริเวณโดยรอบท้องสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง มีประชาชนปักหลักรอชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ริ้วขบวนที่ 4 ซึ่งเป็นขบวนอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ ไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวก แจกจ่ายดื่ม โดยประชาชนทุกคนต่างพร้อมใจหันหน้าไปทางจุดตั้งของพระเมรุมาศ ที่ประดิษฐานอยู่ภายในท้องสนามหลวง พร้อมพนมมือไหว้ในช่วงที่มีการประกอบพิธีเก็บพระบรมอัฐิภายในพระเมรุมาศ

ด้าน นางชูศรี โรจนกร อายุ 68 ปี จากจ.กาฬสินธุ์ เล่าว่า มาถึงสนามหลวงตั้งแต่เมื่อเช้า วันที่ 26 ต.ค. และปักหลักอยู่ในท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 23:00 น. เพื่อรอเข้าร่วมชมพระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ ในช่วงเช้า โดยเมื่อวานช่วงงานพระราชพิธีฯ สิ่งที่สัมผัสได้คือ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ไร้เงาเมฆฝน แต่พอพิธีทุกอย่างผ่านไป กลับมีฝนเทลงมาอย่างหนัก เหมือนกับท้องฟ้ากลั้นความเสียใจต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงร้องไห้ออกมา หลังพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯเสร็จสิ้นแล้ว ในใจรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ในวันที่ไม่มีพระองค์ท่าน ระหว่างวันได้รับอาหารพระราชทาน พอกินเข้าไปในใจมันตื้นตันจนพูดไม่ออก เพราะทำให้ย้อนกลับไปถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้คนไทย ทั้งการปลูกข้าว การเลี้ยงสัตว์ การสร้างอาชีพ ที่จะให้ลูกๆของพระองค์ มีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ พึ่งพาตัวเองได้

“ตลอดชีวิตที่เกิดมา 68 ปี ทุกวันรู้สึกภาคภูมิใจที่เกิดในรัชกาลที่ 9 เห็นมาตลอดชีวิตว่าพระองค์ทรงยากลำบากเพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่มีวันไหนที่พระองค์จะลืมลูกๆของท่าน ต่อให้พวกเราอยู่ในถิ่นกันดารมากแค่ไหน พระองค์ก็เข้าไปถึง ไม่เคยทิ้งพวกเราเลย”

ขณะที่ นายอรรถพร รักร้อย อายุ 35 ปี อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู จุดโพงพาง 21 ซึ่งเป็น 1 ใน 21 ทีมแพทย์สนามที่ดูแลประชาชนโดยรอบท้องสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง กล่าวว่า ตนพร้อมทีมอาสาร่วมกตัญญู จุด สน.บางโพงพาง ทั้ง 10 คน รู้สึกตื้นตันใจที่มีโอกาสได้ปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ แม้บางคนในทีมพึ่งฟื้นจากไข้แต่ก็พร้อมที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความภูมิใจที่ได้รับใช้พี่น้องประชาชนที่มาส่งเส็จสู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย โดยทีมอาสาจะแบ่งเป็น 2 ทีม ประจำจุดจุดท่าเตียน และธรรมศาสตร์ โดยก่อนหน้าพวกเรามีการเตรียมตัวเข้ามาซ้อมกับ จุดท่าเตียน 3 ครั้งก่อนจะถึงวันที่ 26 ต.ค.

“เมื่อทราบว่าจะได้เข้ามาประจำจุดทางการแพทย์ 21 จุด ในท้องสนามหลวง รู้สึกภูมิใจมากๆ ที่ได้เข้ามาดูแลประชาชนในพื้นที่ ซึ่งทุกคนในทีมก็รู้สึกภาคภูมิใจเช่นกัน ที่ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนร่วมในพระราชพิธีนี้ และอาสาทุกคนพร้อมที่จะดูแลประชาชนของพ่อให้ดีที่สุด หลังจากนี้อีก 10 ปี 20 ปี จะบอกคนรุ่นหลังว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพ่อที่เป็นผู้ให้ทุกๆอย่าง คอยปกป้องดูแลประชาชนของพระองค์ที่ไม่ยอมเหน็ดเหนื่อย” นายอรรถพร กล่าวทิ้งท้าย

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน