‘ร.10’ ทรงร่วมยาตราริ้วขบวน

ไปประดิษฐานพระที่นั่งดุสิตฯ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯพระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประมวลลงในพระโกศทองคำลงยาประดับเพชรรวม 6 พระโกศ เมื่อเสร็จพระราชพิธีอัญเชิญเข้าสู่พระบรมมหาราชวังด้วยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศขบวนที่ 4 โดยพระบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยาน ไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ส่วนพระผอบพระบรมราชสรีรางคารโดยพระที่นั่งราเชนทร ยานน้อย ท่ามกลางพสกนิกรเฝ้ารอชมริ้วขบวนผ่าน พร้อมก้มกราบตลอดเส้นทางเสด็จฯ ผ่าน

★ เสด็จฯ พระราชพิธีเก็บบรมอัฐิ

เมื่อเวลา 08.43 น. วันที่ 27 ต.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระเมรุมาศท้องสนามหลวง เทียบรถยนต์พระที่นั่งหลังพระที่นั่งทรงธรรม ถนนหน้าพระธาตุ

ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูก เธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ คุณพลอยไพลิน เจนเซน คุณสิริกิติยา เจนเซน ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระเมรุมาศ พร้อมด้วยพระบรมวงศ์ โดยมี 8 ตำรวจหลวง นายทหารราชองครักษ์เชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ ธงชัยราชกระบี่ ยุทธ นำเสด็จ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราช สักการะพระบรมอัฐิ ถวายน้ำพระสุคนธ์สรงพระบรมอัฐิ เจ้าพนักงานถวายปิดผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมอัฐิ บูชาพระสงฆ์ แล้วทรงทอดผ้าไตร 3 หาบ บนผ้าเยียรบับที่ ปิดคลุมพระบรมอัฐิ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา สังฆปริณายก และสมเด็จพระราชาคณะ รวม 9 รูป ขึ้นสดับปกรณ์ที่พระจิตกาธานครั้งละ 1 รูป จนครบ 9 รูป เจ้าพนักงานภูษามาลาถวายเปิดผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงเก็บพระบรมอัฐิสรงพระสุคนธ์ในขันทองคำแล้วประมวลลงในพระโกศทองคำลงยาประดับเพชร รวม 6 พระโกศ

★ ริ้วขบวนที่ 4เชิญบรมราชสรีรางคาร

สำหรับพระโกศพระบรมอัฐิมี 3 รูปแบบ แบ่งเป็น พระโกศทรงพระบรมอัฐิที่จะนำไปประดิษฐานบนพระวิมาน พระที่นั่งจักรี มหาปราสาท พระโกศทรงพระบรมอัฐิที่จะทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระโกศทรงพระบรมอัฐิที่ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิลงจากพระเมรุมาศไปยังพระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินตาม แล้วประทับพระราชอาสน์ที่หน้าอาสน์สงฆ์ เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า ส่วนพระบรมราชสรีรางคาร เจ้าพนักงานจะได้ประมวลลงในพระผอบโลหะปิดทองพักไว้บนพระเมรุมาศ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิแล้ว ทรงประเคนโตกภัตตาหาร 3 หาบ แด่สมเด็จ พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระราชาคณะ รวม 9 รูป ที่ได้สดับปกรณ์พระบรมอัฐิ พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ในระหว่างพระสงฆ์รับพระราชทานฉันภัตตาหาร 3 หาบ เจ้าหน้าที่ตั้งริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศริ้วขบวนที่ 4 เชิญพระที่นั่งราเชนทรยานสำหรับอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และเทียบพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยที่หน้าพระที่นั่งทรงธรรมสำหรับอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร

★ พระโกศประดิษฐานพระที่นั่งดุสิต

ต่อมาเวลา 10.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเครื่องสังเค็ดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ แด่พระสงฆ์ 3 หาบ และพระสงฆ์ 30 พระอาราม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่งทรงธรรม เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์อีก 30 รูปขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ สวดมาติกา จบ เจ้าพนักงานลาดพระภูษาโยง เสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตร เที่ยวละ 15 ไตร จำนวน 2 ครั้ง พระสงฆ์สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เดินทางกลับ

จากนั้นเวลา 10.40 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิจากบุษบกแว่นฟ้าไปประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยาน อัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารจากพระเมรุมาศ ประดิษฐานในพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย การนี้พระบรมอัฐิอีก 5 พระโกศ จะเชิญโดยรถยนต์พระที่นั่งไปประดิษฐานล่วงหน้า ณ พระแท่นสุวรรณเบญจดล ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

จากนั้น เจ้าพนักงานรัวกรับครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมขบวน เมื่อรัวกรับครั้งที่ 2 จบลง นาย จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศ์ เสด็จฯ ร่วมในริ้วขบวน และขอพระราชทานพระราชานุญาตยาตราริ้วขบวน พร้อมแล้วรัวกรับครั้งที่ 3 วงดุริยางค์เริ่มบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อันประกอบด้วย เพลงมาร์ชราชวัลลภ มาร์ชธงไชยเฉลิมพล เพลงยามเย็น และเพลงใกล้รุ่ง

★ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จร่วมริ้วขบวน

เวลา 10.50 น. ริ้วขบวนที่ 4 เริ่มยาตรา ใช้เส้นทางจากถนนกลางสนามหลวง ถนนราชดำเนินใน ถนนหน้าพระลาน เข้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ระยะทาง 1,074 เมตร ใช้เวลา 30 นาที เดินตามจังหวะเสียงกลองโดยการเดินปกติ จัดกำลังพลจำนวน 834 นาย

ทั้งนี้ริ้วขบวนที่ 4 นำโดยขบวนม้านำ 2 ม้า ตามด้วยพนักงานเชิญเครื่องสูงแผ่ลวด คณะรัฐมนตรีนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อมาเป็นพระที่นั่งราเชนทรยาน โดยมีรศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นเจ้าพนักงานภูษามาลาประคองพระบรมอัฐิ และศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นเจ้าพนักงานภูษามาลาประคองพระบรมราชสรีรางคาร บนพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย ตามลำดับ

ตำรวจหลวง 8 นาย เชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ นำเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในลำดับต่อมา พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงพระดำเนินตาม ปิดท้ายริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ด้วยเหล่าสมาชิกราชสกุลทุก มหาสาขา

★ พระบรมอัฐิในบุษบกแว่นฟ้า

จากนั้นเวลา 11.20 น. ริ้วขบวนที่ 4 เข้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง โดยขบวนพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยทรงพระบรมราชสรีรางคารถึงหน้าศาลาสหทัยสมาคม ได้แยกขบวนไปเทียบที่ประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้าพนักงานอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารจากพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยไปประดิษฐานพักไว้ในพระศรีรัตนเจดีย์

ขณะที่ขบวนพระที่นั่งราเชนทรยานทรงพระบรมอัฐิเทียบที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาทเรียบร้อยแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระบรมอัฐิเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินตาม เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานในบุษบกแว่นฟ้าเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล ณ มุขตะวันตกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสร็จแล้ว เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และเครื่องราชสักการบูชาพระบรมอัฐิ ทรงกราบ เสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 11.57 น.

★ พสกนิกรเฝ้ารอชมริ้วขบวน

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินในว่า ตั้งแต่เช้ามืดมีประชาชนมาเฝ้ารอชมพระราชพิธีอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และพระผอบพระบรมราช สรีรางคารโดยพระที่นั่งราเชนทรยานและพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย ซึ่งเริ่มจากพระเมรุมาศ เลี้ยวขวาผ่านหน้าศาลฎีกา แล้วเลี้ยวขวาไปเข้าพระบรมมหาราชวังด้านประตูวิเศษไชยศรี จากนั้นพระที่นั่งราเชนทรยาน เข้าทางประตูพิมานไชยศรี อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ โดยส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่มาเฝ้ารอชมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ทันทีที่ ริ้วขบวนอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และ พระผอบพระบรมราชสรีรางคาร เคลื่อนผ่าน ประชาชนต่างก้มกราบ หลายคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

น.ส.ภัทรนิษฐ์ นิธิมณีพัฒน์ อายุ 37 ปี ชาวจ.อำนาจเจริญพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯเดินทางมาพร้อมครอบครัวโดยมีคุณยายสมจิตร ตระทอง อายุ 90 ปี เดินทางมาจากจ.อำนาจเจริญ ด้วยความตั้งใจเข้าร่วมในพระราชพิธีสำคัญนี้ที่บริเวณฟุตปาธฝั่งศาลฎีกา เปิดเผยว่า ครอบครัวเราต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จึงอยากมาเห็นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคุณยายที่รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์มาก หากมีพระราชพิธีใดๆ ก็จะเดินทางมาร่วมด้วย ที่ผ่านมาเมื่อพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จสวรรคตจะร่วมในพระราชพิธีทุกครั้ง สำหรับ ริ้วขบวนอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร มีความงดงามและสมพระเกียรติมาก ตื้นตันใจที่มีโอกาสได้เห็นอย่างใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อริ้วขบวนผ่านประชาชนต่างก้มลงกราบพระบรมอัฐิ และร่ำไห้ด้วยความอาลัยยิ่ง แม้อากาศจะร้อนอบอ้าวแต่ก็ยังพร้อมใจกันอยู่จนเสร็จสิ้นพระราชพิธี

★ ช่างหลวงเชิญเครื่องสดจำเริญน้ำ

เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ท่าเรือหอประชุมกองทัพเรือ นายบุญชัย ทองเจริญบัวงาม นักจัดการงานในพระองค์ชำนาญการ กองศิลปกรรม สำนักพระราชวัง พร้อมด้วยช่างศิลปกรรม สำนักพระราชวัง และช่างฝีมือ ทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธานบนพระเมรุมาศ ร่วมทำพิธีจำเริญน้ำ (ลอยน้ำ) การอัญเชิญเครื่องสดบางส่วนจากการถวาย พระเพลิงพระบรมศพไปจำเริญน้ำ นับเป็นธรรมเนียมพิธีโบราณของเหล่าช่างหลวง และถือเป็นการเสร็จสิ้นการทำงานเครื่องสดถวาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่างราชสำนักอัญเชิญเครื่องสดบางส่วนที่หลงเหลือจากงาน พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งเจ้าพนักงานสำนักพระราชวังอัญเชิญลงมาเมื่อเวลา 04.00 น. ห่อด้วยผ้าขาววางบนพานทอง อาทิ กาบกล้วย ดอกไม้ ม่านตาข่ายดอกไม้สด กรองดอกไม้จากเขตพระราชฐานชั้นในภู่กลิ่น พวงแขวนที่ประดับที่มุม พระจิตกาธาน ลายแทงหยวกประดับชั้น รัดเอว ชั้นรัดเกล้า นำล่องเรือไปบริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ หน้าป้อมวิไชยประสิทธิ์ ซึ่งเป็นคุ้งน้ำที่มีน้ำผ่านตลอดเวลา โดยที่ ผ่านมาทำพิธีบริเวณนี้เมื่อครั้งพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรี พัชรินทรา บรมราชชนนี แต่ดำเนินการเป็นการภายใน

★ เก็บงานกรองดอกรักฝีพระหัตถ์

จากนั้น นายช่างกล่าวคำบูชาขอขมา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า “ด้วยเพลิงฟ้าที่ได้จุดขึ้นในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว พระเพลิงฟ้ามีความร้อนแรง ความร่มเย็นแห่งสายน้ำของพระคงคาดับเพลิงฟ้า ที่ร้อนแรงลุกโชติช่วงให้ดับสิ้น เพื่อความเป็นสิริมงคล ความร่มเย็นเป็นสุขของเหล่านายช่างที่มาถวายงาน และประเทศไทย ต่อไป” แล้ว พล.ร.ต.เดชดล ภู่สาระ เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ เป็นผู้นำจำเริญน้ำ ตามด้วยเหล่านายช่างค่อยๆ วางเครื่องสดทีละชิ้นลงในแม่น้ำ รวมถึงธูปเทียนดอกไม้ที่เป็น สีขาว เรียกว่าขันครูหรือขัน 5 เป็นตัวแทนความบริสุทธิ์แห่งศีลและความดีงาม ที่ใช้ในพิธีบวงสรวงสังเวยช่างเครื่องสดราชสำนัก เมื่อวันที่ 19 ต.ค. นำมาจำเริญน้ำด้วย นับเป็นการเสร็จสิ้นพิธีการทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธานของช่างราชสำนัก

ทั้งนี้ งานกรองดอกรักฝีพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในชั้นเรือนยอดสูงสุดชั้นที่ 9 ซึ่งไม่ได้รับความเสียหาย จะเป็นส่วนหนึ่งที่ประชาชนจะได้ชมในงานนิทรรศการพระเมรุมาศ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-30 พ.ย.

นายบุญชัยกล่าวว่า ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์ หรือระดับพระบรมวงศานุวงศ์ที่นายช่างหลวงต้องทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธาน มีความเชื่อที่สืบทอดกันมาแต่โบราณว่าต้องทำพิธีจำเริญน้ำซึ่งเป็นพิธีภายในของช่างหลวง เนื่องจากมีความเชื่อว่าพระเพลิงที่ทรงจุดนั้นเป็นเพลิงฟ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ จะดับโดยการเป่าหรือใช้น้ำไม่ได้ แต่ต้องดับโดยมหานที สีทันดรที่มีเทวดาอารักษ์อยู่ คือพระแม่คงคา เพื่อความร่มเย็นและเป็นสิริมงคล “การจำเริญน้ำถือเป็นการสิ้นสุดการทำเครื่องสดแบบสมบูรณ์ของนายช่างหลวง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากพบ ไม่อยากทำ ไม่อยากเห็น เพราะโอกาสที่จะทำคือต้องมีการสูญเสีย” นายบุญชัยกล่าว

★ ปิดถนนที่เชิญบรมสรีรางคาร

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผบ.ตร. กล่าวถึงภาพรวมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพว่า ถือว่าการปฏิบัติหน้าที่ตำรวจประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี หลังจากเตรียมงานวางแผนมาหลายเดือน ทำให้การดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่ประชาชน ได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ ซึ่งต้องชื่นชมตำรวจที่มาร่วมปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ ทุกนายนำใจมาปฏิบัติหน้าที่ เพื่อถวายงานให้สมพระเกียรติ ขณะนี้ยังคงวางกำลังตำรวจทั้งหมดไว้จนถึงวันที่ 29 ต.ค. จนกว่าพระราชพิธีทั้งหมดจะแล้วเสร็จ

รองผบ.ตร.กล่าวว่าสำหรับงานด้านการจราจร ได้เปิดถนนทั้งหมดให้ประชาชนได้สัญจรตามปกติ แต่ในวันที่ 29 ต.ค. ซึ่งจะมีริ้วขบวนที่ 6 ขบวนกองทหารม้า อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดารามโดยรถยนต์พระที่นั่งออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี ไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ขบวนกองทหารม้า เชิญพระบรมราชสรีรางคาร จากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปบรรจุ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

พล.ต.อ.เดชณรงค์กล่าวอีกว่า ส่วนการอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางกลับต่างจังหวัดหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธี มีประชาชนทยอยเดินทางกลับทั้งรถส่วนตัว และรถโดยสารสาธารณะไปบ้างแล้ว และ มีอีกบางส่วนที่ยังอยู่ในกรุงเทพมหานคร จนกว่าพระราชพิธีแล้วเสร็จ จึงทำให้การจราจรภายในและโดยรอบปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร ไม่ติดขัด แต่ก็ได้จัดกำลังตำรวจจราจรไว้คอยอำนวยความสะดวกในเส้นทางหลักทางประชาชนใช้เดินทาง โดยในวันที่ 30 ต.ค. เวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะมาเป็นประธานประชุมสรุปผลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานในช่วงพระราชพิธีด้วย

★ เปิดจองเข็มที่ระลึกอีก 1 พ.ย.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กล่าวว่า ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดทำเข็มที่ระลึกพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อนำรายได้ ขึ้นทูลเกล้าฯถวาย และเปิดจำหน่ายครั้งแรกที่กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ กรุงเทพฯ จำนวน 40,000 เข็ม ไปแล้ว เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ซึ่งประชาชนให้ความสนใจและประสงค์ที่จะมีไว้เพื่อเป็นที่ระลึกจำนวนมาก

สปน.จึงร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดให้ประชาชนได้สั่งจองเข็มที่ระลึก ได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ทุกสาขาทั่วประเทศ ในราคาเข็มละ 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป และรับเข็มที่สั่งจอง ที่ทำการไปรษณีย์ที่สั่งจองประมาณ 30 วันนับจาก วันสั่งจอง เพื่อให้ประชาชนได้มีเข็มที่ระลึกพระราชพิธีอย่างทั่วถึง รวดเร็ว และได้รับความสะดวกในการสั่งจอง ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โทร. 0-2283-4301 0-2283-4319-24

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน