“อติ เกียรตินีรนาท”

ถ้าพูดถึงการไปเที่ยวญี่ปุ่น สำหรับคนไทยส่วนใหญ่ อาจนึกถึงแหล่งช็อปปิ้ง ใน โตเกียว โอซากา หิมะขาวโพลนที่ฮอกไกโด และ ภูเขาไฟฟูจิ เป็นอันดับต้นๆ

ในความเป็นญี่ปุ่น นอกเหนือจากเทคโนโลยี แฟชั่น อาหาร ยังมีวัฒนธรรม ขนบประเพณีดั้งเดิม รวมไปถึงวิถีชีวิตในแบบซามูไร ให้ศึกษาและเที่ยวชม

ภูมิภาคโทโฮคุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และได้รับการขนานนามว่า บ้านเกิดของคนญี่ปุ่นเพราะเป็นดินแดนแห่งตำนานเรื่องเล่าขานมากมาย และเป็นแหล่งอนุรักษ์วิถีชีวิตขนบประเพณีโบราณ เป็นศูนย์รวมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมถึงหัตถกรรมพื้นเมืองที่ยังคงอนุรักษ์ไว้

นอกจากนี้ยังมีความเป็นชนบท มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งทะเลสาบ น้ำตก ออนเซนธรรมชาติท่ามกลางหุบเขา

ในโอกาสที่ได้เดินทางไปชมความงามตามธรรมชาติและวัฒนธรรมของชาวอาทิตย์อุทัย ในภูมิภาคโทโฮคุ อยู่ที่จังหวัดฟูกูชิมะ

จุดแรกที่ได้สัมผัสวิถีซามูไร คือ พิพิธภัณฑ์บ้านซามูไรไอซุ เป็นบ้านของอดีตซามูไร ไซโก ทะโนะโมะ (SaigoTanomo) ในสมัยเอโดะ

การจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์เหมือนการเดินเข้าไปในหมู่บ้านซามูไรขนาดใหญ่ เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้านจะมีภรรยาของซามูไรออกมาต้อนรับ

ภายในยังมีห้องต่างๆ ทั้ง ห้องรับรอง ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีห้องที่จัดแสดงชุดเกราะของซามูไรที่ใช้ในสนามรบจริง จะได้รับกลิ่นอายในยุคสมัยก่อนของซามูไร

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของที่นี่ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมคือ โรงสีข้าว Han Mai Seimaijo ที่มีครกตำข้าวด้วยพลังน้ำขนาดใหญ่

นอกจากนั้นจะได้สัมผัสความรู้สึกของการย้อนยุค ด้วยการทดลองทำของเล่นพื้นเมืองของ Aizu (Akabeko) ด้วยการเพนต์วัวแดง สัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดีของเทพเจ้าและสุขภาพที่แข็งแรง เอาไปเป็นของฝาก

จุดต่อมาคือ ปราสาททสึรุกะ (Tsurugajo) หรือ ปราสาทไอสุวาคามัตซึ หรือ ปราสาทนกกระเรียน ปราสาทเพียงแห่งเดียวที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นไว้ ตั้งอยู่ใน เมือง ไอสุวาคามัตซึ จังหวัดฟูกูชิมะ โดยมีเอกลักษณ์เป็นปราการปราสาทขนาดใหญ่ที่มีกระเบื้องสีแดงสุดโดดเด่น แถมยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของชาติอีกด้วย

ปราสาทนี้ถูกสร้างในปีค.ศ.1384 จนมาถึงปีค.ศ.1589 ปราสาทจึงตกมาเป็นของตระกูล Matsudaira

จนถึงยุคปฏิวัติเมจิ ตระกูล Matsudaira ได้ต่อต้านรัฐบาลเมจิ จนถูกปิดล้อมและต่อสู้กันอย่างยาวนาน ก่อนจะต้องยอมจำนนในที่สุด เรื่องราวในช่วงนี้ยังถูกนำไปดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The last Samurai ที่มี ทอม ครูซ แสดงนำ

หลังความพ่ายแพ้ในปี ค.ศ.1868 ปราสาทเสียหายอย่างหนักต้องรื้อถอน ก่อนจะถูกสร้างขึ้นใหม่ในแบบเดิมเมื่อปี ค.ศ.1965 โดยลดจำนวนชั้นจาก 7 ชั้น เหลือ 5 ชั้น

แต่ถึงจะเหลือเพียง 5 ชั้น ทิวทัศน์ที่ระเบียงชั้นบนสุด ยังได้เห็นความงามของเมืองไอซุวะกะมัตสึ ทั้ง 4 ทิศ

นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวที่มาชม จะเห็นนักเรียนประถมจำนวนมาก ที่โรงเรียนพามาศึกษาและปลูกฝังวัฒนธรรมดั้งเดิม ผ่านวิถีชีวิตซามูไร

อีกแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือ วัดชูซอนจิ (Chuson-ji Temple) ซึ่งตั้งอยู่ใน จังหวัดอิวาเตะ

วัดชูซอนจิ มีพลับพลาทอง หรือศาลาทองคำ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก โดยปัจจุบันได้สร้างอาคารครอบไว้ เปิดให้เข้าชมได้ แต่ห้ามถ่ายรูป

สำหรับวัดชูซอนจิ สร้างขึ้นในปีค.ศ.850 เป็นวัดของพระพุทธศาสนานิกายเทนได ภายในวัดยังมีอาคารต่างๆ ทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ที่สวยงาม และยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่อายุหลายร้อยปี รายล้อมอยู่ในพื้นที่ขนาดใหญ่

ส่วนแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม คือ กินซังออนเซน (Ginzan Onsen)ในเมืองโอบานาซาวะ จังหวัดยามากาตะ เป็นแหล่งออนเซนที่ได้รับความนิยมของ ชาวญี่ปุ่น

นอกจากนั้นยังเป็นบ้านเกิดและเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดัง “โอชิน”และยังเป็นแรงบันดาลใจของฉากในภาพยนตร์ แอนิเมชั่นชื่อดังของญี่ปุ่น “Spirits Away”

พื้นที่นี้เดิมเป็นพื้นที่รอบเหมืองแร่เงินที่ได้ปรับปรุงและพัฒนาใหม่ จนเป็นแหล่งออนเซนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น

เพราะเป็นเมืองออนเซนที่สวยงามที่สุด ด้วยห้องพักแบบ เรียวกังเรียงรายตามสองข้างทางของแม่น้ำที่ไหลมาจากน้ำตก

สำหรับเรียวกัง คือห้องพักที่ตกแต่งแบบสไตล์ญี่ปุ่นรวมทั้งการแต่งกายและลักษณะการให้บริการของเจ้าหน้าที่ในเรียวกัง เรียวกังยังมีบทบาทในการถ่ายทอดวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นด้วย

ส่วนที่จังหวัดอาโอโมริ จะมี พิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านเนบูตะ (Nebuta Warasse) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเทศกาลเนบูตะมัตสุริ (Nebuta Matsuri) ซึ่งเป็นเทศกาลแห่โคมไฟขนาดมหึมา ที่รายล้อมไปด้วยเหล่านักดนตรี และนักเต้น ที่จะแห่ไปรอบๆ พร้อมๆ กัน

โคมไฟเหล่านี้จะบอกเล่าฉากดังจากละครคะบูกิ เรื่องราวในประวัติศาสตร์ หรือตำนานเทพต่างๆ และจะสร้างสรรค์เนบูตะรูปแบบใหม่ขึ้นทุกปี ขนาดของเนบูตะอาจกว้างถึง 9 เมตร ลึก 7 เมตร และสูง 5 เมตร

โดย เทศกาลเนบูตะมัตสุริ มีจัดในหลายที่ แต่สำหรับ อาโอโมริจัดเป็นเทศกาลยิ่งใหญ่ที่สุด โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงต้นเดือนสิงหาคม

ผู้เข้าชมจะได้ซึมซับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของประวัติศาสตร์และประเพณีสำคัญ

ส่วนที่ด้านข้างของพิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านเนบูตะ ยังมี เอ-แฟกตอรี่ (A-Factory) แหล่งรวมผลิตภัณฑ์จากแอปเปิ้ลอาโอโมริ มีทั้งแอปเปิ้ลสด และเมนูแปรรูปแอปเปิ้ลอีกมากมายเป็นของฝากกลับบ้าน

สำหรับแอปเปิ้ลอาโอโมริ ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติหวานกรอบ มีกลิ่นหอม และผลใหญ่กลมสมบูรณ์แบบอย่างไร้ริ้วรอย โดยกว่าครึ่งของแอปเปิ้ลในญี่ปุ่นมาจากจังหวัดอาโอโมรินี่เอง

จบทริปนี้ด้วยความประทับใจในวิถีธรรมชาติของญี่ปุ่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน