เยือนจางเจียเจี้ย-มรดกโลก ยํ่าสะพานแก้ว-หุบเขาอวตาร

เยือนจางเจียเจี้ย – ย่างเข้าสู่ฤดูหนาวปลายปี เทศกาลแห่งการท่องเที่ยวก่อนสิ้นปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็เริ่มต้น หลายคนกำลังวางแผนหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ

“ไทยสมายล์” สายการบินฟูลเซอร์วิส จึงอาสาพาคณะสื่อมวลชนเยือน “แดนมังกร” เมื่อช่วงเดือนต.ค.ที่ผ่านมา มี จุดหมายปลายทางอยู่ที่เมือง “ฉางซา” ของ “มณฑลหูหนาน” บ้านเกิดท่านประธาน “เหมา เจ๋อตง” ศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจ อันรุ่มรวยทั้งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมต่อเนื่องกว่า 3,000 ปี

เยือนจางเจียเจี้ย-มรดกโลก ยํ่าสะพานแก้ว-หุบเขาอวตาร

ถนนลำไส้ คดเคี้ยวเลี้ยวโค้งหักศอก 99 ขด

เพื่อเปิดประสบการณ์ บอกเล่าถึงความงดงามของธรรมชาติ กับสิ่งปลูกสร้างอลังการแห่งยุคสมัย ให้เป็นตัวเลือกหนึ่ง ก่อนตัดสินใจแพ็กกระเป๋าออกเดินทาง

จาก “สนามบินสุวรรณภูมิ” ถึง “สนามบินฮวงเหอ” เครื่องแอร์บัสลำใหม่ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง และนั่งรถโค้ชไปยังเมือง “จางเจียเจี้ย” อันอุดมด้วยแหล่งท่องเที่ยวระดับมรดกโลกและ 5A ของประเทศจีน อีกราว 4 ชั่วโมง

เพื่อเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ และการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ของชาวจีน ในบริเวณ “อุทยานจางเจียเจี้ย” กินเนื้อที่กว่า 369 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นมรดกโลกแห่งแรกของชาวจีนเมื่อปี 1992

เริ่มกันที่ “ภูเขาเทียนเหมินซาน” เส้นทางขึ้น-ลงนั้น มีให้เลือกหลายรูปแบบ แต่คณะเราเลือกเริ่มต้นขึ้นด้วยกระเช้าจากในเมือง ซึ่งกินระยะทางกว่า 7.5 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 40 นาที ระหว่างการเคลื่อนที่ผ่านสายเคเบิล นักท่องเที่ยวจะได้พบเห็นกับภาพบริเวณชานเมืองจากมุมสูง ก่อนค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นภาพทิวทัศน์ธรรมชาติ หินผา หุบเหว ที่ค่อยๆ ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ

เยือนจางเจียเจี้ย-มรดกโลก ยํ่าสะพานแก้ว-หุบเขาอวตาร

ประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน

แต่ด้วยช่วงเวลาที่สภาพอากาศแปรปรวนในเดือนต.ค. มีฝนหลงฤดูโปรยปรายก่อให้เกิดหมอกหนา เห็นภาพทิวทัศน์เป็นบางช่วงสลับไปมากับสีขาวของหมอกลงจัดที่มาพร้อมกับลมหนาว ที่อุณหภูมิระดับ 10 องศา

มาถึงยอดเขา “เทียนเหมินซาน” จุดทอดอารมณ์ชมวิวของบรรดานักท่องเที่ยว จึงไม่ได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติมากนัก แต่ก็สามารถซึมซับบรรยากาศหนาวเย็นแห่งยอดขุนเขา ที่เต็มไปด้วยชาวจีนที่มาเยือนไปพร้อมกัน ก่อนออกเดินทางต่อไปตามเส้นทางที่วางไว้

ไฮไลต์อยู่ที่ “สะพานกระจก” ริมหน้าผาสูงเสียดฟ้า ยื่นออกมาจากขอบ 3 ฟุต ชวนหวาดผวาตามความยาว 60 เมตร บนกระจกหนา 2.5 นิ้ว เรียกว่า หากหมอก ไม่หนาจนช่วยปกคลุมความใสของกระจก ใครหลายคนอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะก้าวข้ามไปได้

เยือนจางเจียเจี้ย-มรดกโลก ยํ่าสะพานแก้ว-หุบเขาอวตาร

หุบเขาอวตาร เมื่อมองจากยอดอุทยานจางเจียเจี้ย

ช่วงต่อไปเป็น “อุโมงค์บันไดเลื่อน” 7 ช่วงมีทางสวนขาขึ้น-ลง นี่เป็นจุดขายสำคัญที่ “พรรคคอมมิวนิสต์จีน” ใช้อำนวยความสะดวกต่อการท่องเที่ยว โดยเฉพาะ แก่ผู้สูงวัย หนทางจะพาไปพบกับ “ประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน” 1 ใน 4 สุดยอดความสวยงามแห่งขุนเขา จากความอัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง ผ่านกาลเวลา อันยาวนาน กลายเป็น “ประตูกลางภูเขา” มีความสูง 131.5 เมตร กว้าง 57 เมตร และลึก 60 เมตร

มี 2 ทางเลือกในขาลงคือ เดินผ่านบันได 999 ขั้น หรือจะลงบันไดเลื่อนอีก 5 ช่วง ถ้าทัศนวิสัยไม่ย่ำแย่ จนเสี่ยงเกิดอันตราย การก้าวเท้าผ่าน 999 ขั้นบันได เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ นอกจากจะเป็นการทดสอบพละกำลังแล้ว ยังถือเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของชาวจีน

ปีนป่ายขึ้นลงจนถึงเชิงบันไดแล้ว ก็มาถึงช่วงสุดท้ายของขาลงที่อาจเป็นขาขึ้นของนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ นั่นก็คือ การนั่งรถบัสขนาดเล็กผ่าน “ถนนลำไส้” ไปตามทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวหักศอกไปตามริมหน้าผาทั้งหมด 99 ขด ที่ไม่อาจอดกลั้นหายใจหวาดเสียวไปกับความตื่นเต้นริมผาสองข้างทางด้วยความเร็วจากโชเฟอร์ท้องถิ่นมือดีได้

เดินกันมาเต็มที่ตลอดทั้งวัน ช่วงค่ำก็มีสถานที่ให้ซึมซับแง่มุมทางวัฒนธรรม ผ่านการรับชม “โชว์สุนัขจิ้งจอกขาว” โดย “ตันตัน” ไกด์สาวชาวจีน ปูพื้นก่อนเสพละครเวทีเรื่องนี้ว่า เนื้อหาบอกเล่าถึงความรักนางพญาจิ้งจอกขาวต่อชายผู้เป็นที่รัก อันถือเป็นตำนานของท้องถิ่นแห่งนี้ มีรัฐบาลจีนให้การอนุรักษ์

ฉากกลางแจ้งถูกเนรมิตให้มีตื้น-ลึก สูง-ต่ำ เป็นจุดนำสายตาให้ผู้รับชมเพลิดเพลินอย่างสมจริง ซึ่งก็ยิ่งใหญ่สมชื่อพี่จีน ใช้ทีมงานนักแสดงกว่า 600 คน แสงสีเสียงเทคนิคตระการตาสารพัด ก่อนทิ้งซีนจบได้อย่างน่าประทับใจ ไปกับความรักระหว่าง มนุษย์กับปีศาจจิ้งจอกตามความเชื่อ

ยังเหลืออีก 2 สถานที่ให้เยี่ยมเยือน ในวันสุดท้าย ช่วงเช้า ไทยสมายล์ พาเราไปพิสูจน์ความกล้ากับ “สะพานแก้วที่ยาวที่สุดในโลก” หรือ “สะพานใต้หล้าอันดับหนึ่ง” ความยาว 400 เมตร บน ความสูงที่ 980 ฟุต ทำลายสถิติสะพาน แกรนด์แคนยอนของอเมริกา ที่ความสูง 718 ฟุต ไปอย่างง่ายดาย

มีลักษณะเป็นสะพานแขวน ออกแบบตามหลักวิศวกรรม ความสดใสของกระจกจะทำให้พบกับความสวยงามที่ดิ่งลึกอยู่เบื้องล่าง หากใครกลัวความสูง ไม่กล้าเดินผ่านความใส ก็มีพื้นที่ราบเรียบทึบปกติบนคอนกรีตให้เลือกเดินได้

สุดท้ายช่วงบ่ายเป็นการปีนป่ายด้วยลิฟต์แก้วที่ความสูง 326 เมตร ใน “อุทยานจางเจียเจี้ย” อันเป็นสถิติโลก ด้านลิฟต์แบบเอาต์ดอร์ก็สูงที่สุดในโลกอีกเช่นกัน เมื่อลองจับเวลาพบว่าจากพื้นสู่ยอดใช้เวลาเพียง 1.20 นาทีเท่านั้น

เมื่อออกมาจะพบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ที่เกิดจาก การชนตัวกันของแผ่นดิน จนแทรกตัวขึ้นเป็นภูเขาแบบแท่งๆ กระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณ ชนิดที่ เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับฯ ชื่อดัง เลือกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ Sci-Fi ชื่อดังอย่าง “Avatar” ที่ หลายคนคุ้นและประทับใจ จนมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า “หุบเขาอวตาร”

อย่างที่บอกฝนหลงฤดูช่วงปลายฝนต้นหนาวระหว่างทริปนั้น แม้ทำให้มีหมอกไม่อาจเห็นทัศนียภาพอันงดงามกระจ่างชัดเต็มตาได้ แต่ก็แนะนำว่า ช่วงเวลาอันเหมาะสม ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมนั้น ตั้งแต่เดือนก.ย.-ก.พ. เนื่องจากฟ้าจะเปิดและสภาพอากาศเย็นสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยวและถ่ายภาพบันทึกเรื่องราวการเดินทางเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ ระหว่างตีรถกลับไปยัง “เมืองฉางซา” เพื่อขึ้นไฟลต์กลับที่ “สนามบินฮวงเหอ” ก็มีสถานที่ช็อปปิ้ง “ถนน คนเดินหวงซิงลู่” ให้เลือกซื้อ ทั้งสินค้าแบรนด์เนม หรือท้องถิ่น สำหรับตัวเองและเป็นของที่ระลึกอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน