บัดสลบครบจังหวะ หลวงพระบาง
ข่าวสดหรรษา
บัดสลบครบจังหวะ – “หลวงพระบาง” ครั้งแรก กับ “หลวงพระบาง” หนสองที่ได้ไปเยือนห่างกันกว่า สิบปี
หลายที่ หลายสิ่งหลายอย่างยังคงเดิมคงอยู่ ณ จุดเดิม คงสถานะ “เมืองมรดกโลก”
สิบปีก่อนนั่งรถไต่ทะยานผ่านผืนป่า อิ่มเอมความงามของทิวเขาลูกแล้วลูกเล่าราวหนึ่งวันเต็ม หนนี้ขุนเขางดงามแปลกตายามมองจากฟ้าก่อนร่อนลงสู่สนามบินหลวงพระบางกลางหุบเขา
“วัดเชียงทอง” คือหมุดหมายแรกของครั้งนั้นและครั้งนี้
ดวงอาทิตย์ทำองศาสาดแสงงามยามสี่โมงเย็น ทาบทา “สิม” หรือพระอุโบสถ และโรงเมี้ยนโกศขับความงามให้วัดเชียงทองงามอร่ามด้วยแสงทอง
โลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว ความเป็นไปแห่งวัดเชียงทองมิได้หมุนตาม ศิลปะโบราณอันทรงคุณค่าภายในวัดเก่าแก่ริมน้ำโขง ยังคงเฝ้ามองโลกด้วยความงามนิ่งสงบเช่นเดิม
วัดเชียงทอง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2103 โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช สถาปัตยกรรมแบบล้านช้างงดงามจนได้รับการขนานนามว่า “อัญมณีของศิลปะล้านช้าง”
สิมหรือพระอุโบสถวัดเชียงทองได้รับอิทธิพลมาจากวิหารวัดโลกโมฬี จังหวัดเชียงใหม่ สร้างในแบบก่ออิฐถือปูน โดดเด่นด้วยหลังคาซ้อน 3 ตับ ซึ่งดัดอ่อนโค้งและลาดต่ำลงมามาก กลางสันบนหลังคามี “ช่อฟ้า” หรือ “สัตตะบูริพัน” อันเป็นการจำลองจักรวาลตามคติพุทธศาสนา
ตะวันคล้อยลงมาอีกนิด สะกิดเตือนว่าได้เวลาขึ้นไปสักการะพระธาตุพูสี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองหลวงพระบาง และชมดวงอาทิตย์ตกกลางเขาเคียงสายน้ำแม่โขง หลังจากสามล้อพาไปสักการะพระธาตุหมากโมที่วัดวิชุนราชแล้วก็มาส่งตรงทางขึ้นพระธาตุฝั่งริมน้ำคาน
ความงามที่เล่ากันปากต่อปากและภาพที่แชร์ในโลกโซเชี่ยล ส่งให้ยอดเขาแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ต่างจับจองพื้นที่รอชมการแสดงของธรรมชาติ
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ เลื่อนต่ำทอแสงทองสาดไปทั่วขุนเขาและลำ น้ำโขง ภาพความงามทำให้ความหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้ง
ก่อนฟ้าจะมืดมิดต้องรีบเดินลงเขา เพราะระหว่างเส้นทางไร้แสงไฟ หนนี้ลงบันไดกลับมาตรงถนนศรีสว่างวงศ์ ด้านหน้าหอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง และหอพระบาง ตลาดมืดรอต้อนรับนักท่องเที่ยวเพลิดเพลินเดินเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก งานปัก ผลิตภัณฑ์ทำมือ ท่ามกลางอากาศที่ลดฮวบต่ำลงในยามค่ำคืน
รุ่งขึ้น ตื่นก่อนแสงแรกในหน้าหนาวที่จะมาช้า ด้วยพระสงฆ์ยังคงออกบิณฑบาตตรงตามเวลาราวตี 5 ครึ่ง นักท่องเที่ยวต่างเชื้อชาตินั่งเรียงรายเรียบร้อยสำรวมพร้อมกระติบข้าวเหนียว มีสไบเฉียงพาดบ่าเพื่อรอร่วม “ตักบาตรข้าวเหนียว” หนึ่งในวิถีที่ยังคงอยู่ของชาวหลวงพระบางและหลายจังหวัดในบ้านเรา
ชาวบ้านจะปั้นข้าวเหนียวพอดีคำใส่ลงในบาตร ส่วนกับข้าวจะนำไปถวายที่วัดเรียกว่า “ถวายจังหัน”
ด้วยเป็นหนึ่งในกิจกรรมสัมผัสวัฒนธรรมเมืองมรดกโลก แต่ละวันพระท่านคงได้รับข้าวมากสักหน่อย จึงเห็นเด็กหญิงมายืน ถือถุงรอ พระท่านจะหยุดปันข้าวเหนียวในบาตรให้เด็กน้อย
อิ่มบุญอิ่มใจกันแล้วก็หาอะไรอิ่มท้อง “ร้านประชานิยม” ยังเป็นที่นิยมของชาวประชายามเช้า กลิ่นควันฟืนลอยมาพร้อมกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นกินคู่กับขนมคู่หรือปาท่องโก๋ ไข่ลวก ตบท้ายด้วยโจ๊กและชาจีนฟรี เคียงไอหมอกไร้พิษริมโขง
จากเดิมที่เห็นลูกค้ามีเพียงชาวลาวและชาวไทย มาหนนี้ร้านกลายเป็น “สหประชานิยม” เพราะทัวร์จีน–ฝรั่งลงกันพรึ่บ อยากจิบกาแฟประชานิยมให้สนุกต้องนั่งเก้าอี้หน้าเตา ผิงไอร้อน ดูแม่ค้า พ่อค้า และลูกๆ ช่วยกันชง ช่วยกันเสิร์ฟมือเป็นระวิง ออร์เดอร์มากน้อยแค่ไหนไม่ต้องจด แม่ค้าใจดีจำได้ ทำไป ยิ้มไป คุยไป ขำตัวเองไป ไม่หงุดหงิดอารมณ์เสีย
อุ่นท้องแล้วได้เวลาเดินชม “ตลาดเช้า” นานาสินค้าแปลกตาจากชาวบ้านหาบมาวางขายให้เลือกซื้อเลือกชมกันสดๆ ทั้งปู ปลา ไก่ กบ นก หนู งู เนื้อ ไปจนถึงผักและอาหารพื้นเมือง เฝอ ขนมคก(ขนมครก) ที่ตกค่ำจะเปลี่ยนชื่อเป็น “โคโคนัท แพนเค้ก” เรียกลูกค้าฝรั่งเข้ามาลิ้มลอง
ตกสายมี “ครึ่งวันทริป” ให้เลือก หนก่อนนั่งเรือล่องโขงไปชมพระงามในถ้ำติ่งและงานผ้าทอที่หมู่บ้านซ่างไห หนนี้เลือกไปในอีกเส้นทางหวังเก็บภาพความงามของน้ำตกสีเทอควอยซ์ แล้วค่อย หาโอกาสล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกกลางโขงในอีกวัน
รถสี่ล้อเล็กพาออกนอกเมืองลัดเลาะสู่ขุนเขาราว 1 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย “น้ำตกกวางซี” ลงเดินสัมผัสไอเย็นของผืนป่าเข้าไปชมผืนน้ำ เพียงแค่ชั้นแรกก็งามแล้ว ชั้นสองยิ่งงาม ชั้นสามงามสุด ด้วยสะพานไม้พาดผ่านสายน้ำตกที่สูงชัน สายน้ำสีขาวตกซู่ลงมาปะปนกับหินปูนกลายเป็นสายน้ำสีเขียว
นักท่องเที่ยวจีน ไทย ฝรั่งต่างสะดุ้งโหยงกับสัมผัสแรกเมื่อลงเล่นน้ำ ก่อนจะแหวกว่ายธาราสนุกสนานรื่นเริงร่วมกันในแบบสหประชาชาติ
จะไปเที่ยวดูฟ้าฝนกันนิด เพราะหากมีฝนตกก่อนนั้น น้ำตกจะกลายเป็นสีน้ำตาลแต่ก็ยังคงความงามตามธรรมชาติ
มาหลวงพระบาง ขอเข้ากราบ “พระบาง” บนหอพระบาง อันเป็นที่มาของชื่อ “เมืองหลวงพระบาง” พระมิ่งบ้านขวัญเมืองของชาวลาวมานานกว่า 600 ปี พระพุทธรูปปางประทานอภัย หรือที่คนไทยเรียกว่าปางห้ามสมุทร ลักษณะประทับยืน ยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างขึ้น หันฝ่าพระหัตถ์ออกทั้งสองข้าง ศิลปะเขมรสมัยหลังบายน หล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ 90 เปอร์เซ็นต์ หนัก 54 กิโลกรัม สูงราว 40-50 ซ.ม.
ก่อนเข้าชมหอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง (พระราชวังเก่า) อาคารแบบฝรั่งแต่หลังคาแบบทรงลาว ภายในอาณาเขตรั้วเดียวกัน จัดแสดงสิ่งของมีค่า วัตถุโบราณของเจ้าชีวิต หอพิพิธภัณฑ์อาจไม่ยิ่งใหญ่แต่ทรงคุณค่าด้วยศิลปะโบราณ ของจริง ของเก่า คอยบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ผ่านห้องต่างๆ ด้วยความเงียบ เรียบง่าย และสงบงามตามวัฒนธรรมลาว
ความงามและความเก่าอันทรงคุณค่าของศิลปะเมืองลาวยังมีให้ชมกันอีกหลายวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ทั้งวัดใหม่สุวันนะพูมาราม วัดแสนสุขาราม และวัดรอบเมือง
กว่าสิบปีผ่านไป ตรอกของกินแถวตลาดมืดยังรอต้อนรับนักท่องเที่ยวในบรรยากาศคึกคัก อาหารบุฟเฟต์มีให้เลือกซื้อเลือกตัก ใครที่อยากชิมตำหมากหุ่งมะละกอฝานเส้นใหญ่ แต่ละคำกำซาบ ฟันยิ่งนัก ไม่ควรพลาด “ตำหลวงพระบาง” อีกจานเด็ดแนะนำคือ “คอหมูย่าง” เคี้ยวกรุบกรับละลายในปากทั้งเนื้อและมัน จกกับข้าวเหนียว แซ่บหลาย…
ร้านอาหารลาวรสชาติถูกปากคนไทยที่ต่างไปเช็กอิน คือ “ร้านเจ๊ติม” หรือ “เจ๊ติ๋ม” หน้าวัดหนองสีคูนเมือง ตำแตง ตำหมากหุ่ง ทุกจานเจ๊ติมตำเองกับมือเพื่อไม่ให้รสผิดเพี้ยน ออร์เดิร์ฟจานเด็ด คือ “ไคแผ่น” สาหร่ายแม่น้ำโขงโรยงาทอดมาร้อนๆ ขอบอกคำเดิมว่า ห้ามพลาด!!
หลวงพระบางยามนี้ไม่ได้มีแต่อาหารพื้นถิ่น ด้วยนักท่องเที่ยวชาติฝรั่ง–เอเชียมากันคึกคัก ร้านอาหาร คาเฟ่ผุดขึ้นหลายเจ้า หนึ่งในร้านยอดฮิตคือร้านกาแฟโจมา มีทั้งอาหารเช้า กาแฟ ไอศกรีม เบเกอรี่ ให้นั่งชิลในบรรยากาศสุดคูล ตกค่ำปากทางถนนคนเดินมีเบเกอรี่หน้าโรงแรมอิดิโก้เฮาส์หลากหลายให้เลือก ไปดูกันว่าฝรั่งชอบกินอะไร
“บัดสลบ” หรือ บาสโลป (Paslop Dance) มาหนนี้ต้องดูให้เห็นกับตา ตกค่ำว่ารถไป “ราตรีเมืองซวา”
ก่อนและหลังเต้นหรือรำวง แม่ญิงและหนุ่มลาวจะไหว้โค้งให้กันอย่างสวยงาม “บัดสลบ” คือการเต้นรวมกลุ่มเป็นแถวเป็นแนวของชาวลาว ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศส รัสเซีย หรือการเต้นคู่ชายหญิงของประเทศสเปนที่เรียกว่า Paso Double
ในที่สุดก็ได้ชม “บัดสลบหลวงพระบาง” สนุกเพลินตาไปพร้อมบทเพลงและเสียงดนตรีอันไพเราะของชาวลาวในชื่อเพลง “เอื้อยกองามน้องกองาม” เพลงชม (สอง) สาวจะงามไพเราะขนาดไหนหาฟังได้ในยูทูบ
ภาพหนุ่มสาวลาวค่อยๆ เยื้อง ย่อ ย่าง เตะเท้า หมุนตัวพร้อมกันรับไปกับจังหวะดนตรีและบทเพลงของชนชาติ
บ่งบอกเสน่ห์ ความสนุก สุข เรียบง่าย งดงาม เอกลักษณ์แห่งตน
หลวงพระบาง