ตื่นตาตื่นใจ‘ไชน่า 5.0’ ฮ่องกง-มาเก๊า-เซินเจิ้น : ข่าวสดหลาก&หลาย
โดย… นพเก้า คงสุวรรณ
ตื่นตาตื่นใจ‘ไชน่า 5.0’ ฮ่องกง-มาเก๊า-เซินเจิ้น : ข่าวสดหลาก&หลาย – เมื่อกล่าวถึงประเทศจีนเมื่อราว 10-20 ปีก่อน คนส่วนใหญ่ต้องนึกถึงพระราชวังต้องห้าม กำแพงเมืองจีน ผู้คนจำนวนมาก เสียงแตรรถยนต์ เสียงพูดคุยที่เหมือนจะทะเลาะกัน และที่หนีไม่พ้นคงเป็นภาพห้องน้ำที่ทุกคนต่างเล่าขานกันจนไม่อยากไปสถานที่แห่งนี้
แต่ทว่าประเทศจีน ณ ปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยน แปลงไปอย่างก้าวกระโดด ทั้งอาคารที่พักอาศัย การคมนาคม ห้องน้ำตามเมืองใหญ่ๆ ที่สำคัญคือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ทางการจีนยังคงปกป้องรักษาสมบัติอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒน ธรรมควบคู่ไปด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ “ข่าวสดออนไลน์” ได้ไปร่วมทริปพิเศษ “China 5.0 ฮ่องกง–มาเก๊า–เซินเจิ้น” จัดโดย “บมจ.ซีพี ออลล์ และอาศรมสยาม–จีนวิทยา” เพื่อศึกษาสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสาธารณรัฐประชาชนจีน และเขตปกครอง พิเศษ ฮ่องกง–มาเก๊า
ฮ่องกงเป็น 1 ใน 2 เขตปกครองพิเศษของจีน ที่นอกจากจะเป็นทั้งสวรรค์ของนักช็อปตัวยงแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั้งโลกต้องการมาเยือน
ทริปนี้นับว่ามีความพิเศษมากกว่าการมาแหล่งช็อปปิ้ง คือการไปเยือนสถานที่สำคัญ ที่เมื่อมาแล้วต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง คือ “พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมฮ่องกง หรือ Hong Kong Heritage Museum” ซึ่งเพิ่งเปิดทำการเมื่อช่วงปี 2560 ที่ผ่านมานี้เอง
สำหรับที่นี่ ใครที่ชอบงานของ “กิมย้ง” ถือว่าเป็นสวรรค์เลยก็ว่าได้ เพราะภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงเรื่องราวและผลงานของ “กิมย้ง” มากกว่า 300 ชิ้น โดย “กิมย้ง” ได้รับยกย่องเป็น 1 ใน 3 จอมยุทธ์กระบี่มือหนึ่ง แห่งโลกนิยายกำลังภายในจีนเลยทีเดียว
โดยโซนจัดแสดงผลงานของกิมย้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ซึ่งจะเล่าเรื่องราว ประวัติ ผลงานผ่านจอต่างๆ มีการจัดแสดงผลงานอันเป็นลายมือที่กิมย้งได้ลงมือประพันธ์ไว้ด้วยตัวเอง ภาพตัวละครต่างๆ ภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากประวัติของ “กิมย้ง” เอง รวมถึงเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครที่โดดเด่นอย่างลงตัว อาทิ ก๊วยเจ๋ง, อึ้งย้ง, เอี้ยคัง, เล่งฮู้ชง, เฉียวฟง ฯลฯ
นับได้ว่า เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าสู่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ผลงานต่างๆ ของกิมย้งที่เคยได้อ่านผ่านตามาบ้าง เช่น เรื่องมังกรหยก ก็จะพลันย้อนกลับมาให้จำกันได้อย่างแม่นยำ
การเล่าเรื่องราวของบุคคลสำคัญอย่าง “กิมย้ง” ผ่านพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวสนใจ และเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าไปเพียงครั้งเดียวคงไม่พอ ถ้ามีโอกาสคงต้องกลับไปอีกสักครั้งอย่างแน่นอน
อีกสถานที่หนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็น “ระหว่างทาง” ของการเดินทาง แต่สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว นั่น คือ “สะพานฮ่องกง–จูไห่–มาเก๊า” ซึ่งเป็นระบบวิศวกรรมโยธาอันทันสมัยที่เชื่อมระหว่างฮ่องกง จูไห่ และมาเก๊าเข้าด้วยกัน
เป็นสะพานและอุโมงค์ใต้น้ำข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลกด้วยความยาวทั้งหมด 55 กิโลเมตร มีทางรถวิ่งไปกลับ 6 เลน ข้างละ 3 เลน ใช้งบประมาณในการสร้าง 1.269 แสนล้านหยวน
สะพานแห่งนี้แรกเริ่มจากโครงการสะพานข้ามอ่าวหลิงติง เมื่อค.ศ.1983 โดย “หูอิงเซียง” เศรษฐีชาวฮ่องกงมีความคิดจะเชื่อมระหว่างฮ่องกงกับจูไห่ ต่อมา ค.ศ.2003 ก็ถูกแทนที่ด้วยโครงการสะพานฮ่องกง–จูไห่–มาเก๊า
หลังจากผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อ ค.ศ.2009 โครงการนี้ก็เริ่มสร้างอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ธ.ค.ปีเดียวกัน แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ปีค.ศ.2018 และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้เปิดสะพานแห่งนี้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ปีค.ศ.2018 พร้อมประกาศให้รถวิ่งได้ในวันที่ 24 ต.ค. ปีค.ศ.2018 เวลา 09.00 น.
โครงสร้างนี้ถูกออกแบบให้มีอายุใช้งานถึง 120 ปี สามารถทนต่อแผ่นดินไหวระดับ 8 และไต้ฝุ่นระดับ 16 พร้อมรับแรงกระแทก 30 ตัน รวมทั้งอุทกภัยและภาวะน้ำขึ้นบริเวณปากแม่น้ำจูเจียงได้
สะพานแห่งนี้นอกจากเป็นเส้นทางการคมนาคมขั้นพื้นฐานแล้ว ยังเป็นสะพานประวัติศาสตร์ที่เชื่อมต่อ 1 ประเทศ 2 ระบบ โดยทอดผ่าน 3 เขตการปกครองเพียงแห่งเดียวในโลก ทำให้เกิดความเจริญทางเศรษฐกิจจากฝั่งตะวันออกสู่ ฝั่งตะวันตกของปากแม่น้ำจูเจียง และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนในบริเวณนี้ให้มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สถานที่สุดท้าย ที่ภูมิใจนำเสนอคือ “เซินเจิ้น” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
เซินเจิ้น เป็นเมืองริมทะเลทางใต้ของจีนที่อยู่ในเขตการปกครองของมณฑลกวางตุ้ง ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของปากแม่น้ำจูเจียง มีพื้นที่ทั้งหมด 2,020 ตารางกิโลเมตร
จากการที่อยู่ใกล้ชิดกับฮ่องกง ซึ่งเป็นอาณานิคมของอังกฤษที่มีความเจริญ เซินเจิ้นจึงถูกสร้างให้เป็นเหมือนพื้นที่ทดลองแบบ Capitalism แบบสังคมนิยมของจีน และลักษณะที่ตั้งถูกเลือกเพื่อเป็นแหล่งดึงดูดอุตสาหกรรมต่างๆ จากฮ่องกงให้เข้ามาลงทุน จนในที่สุดกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ ณ บริเวณสาม เหลี่ยมแม่น้ำจูเจียงแห่งนี้
เซินเจิ้นนอกจากจะเป็นไข่มุกทางเศรษฐกิจแห่งสำคัญทางตอนใต้ของประเทศจีนแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมความทันสมัยแห่งหนึ่งในมณฑลกวางตุ้ง และยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระดับนานาชาติให้ได้ โดยพุ่งเป้าไปที่การเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีและวิทยาการชั้นสูง ศูนย์กลางโลจิสติกส์ ศูนย์กลางทางการเงินนานาชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล
อีกทั้งสามารถสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศได้เป็นอันดับ 4 ในจำนวนเมืองระดับกลาง และสูงของประเทศ ถือเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีผลกำไรทางธุรกิจดีที่สุด
ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าส่งออกรวมของเซินเจิ้นยังมีสัดส่วนเป็น 1 ใน 7 ของมูลค่ารวมทั้งประเทศ (จีนแผ่นดินใหญ่) สูงเป็นอันดับ 1 โดยรักษาระดับมาได้ต่อเนื่อง 10 ปี
นอกจากนี้ เมืองเซินเจิ้นยังเป็นชุมทางขนส่งและคมนาคมที่สำคัญทั้งทางทะเลและอากาศทางตอนใต้ของประเทศ โดยเฉพาะการเข้าออกของสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ที่บริเวณท่าเรือเมืองเซินเจิ้น มีปริมาณมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และเป็นอันดับ 6 ของโลก สำหรับท่าอากาศยานในเมืองเซินเจิ้นก็ติดอันดับ 1 ใน 4 สนามบินใหญ่ของประเทศด้วย
เซินเจิ้น จึงเป็นอีกเมืองที่เชิดหน้าชูตาประเทศจีนในระดับโลกได้เลยก็ว่าได้
จากการไปเยือน 3 เมืองของจีนในครั้งนี้ทำให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ยังคงอยู่
แม้ว่าเมืองใหญ่ๆ ทั้งประเทศจะพัฒนาไปไกลขนาดไหนก็ตาม แต่ประวัติศาสตร์ ประเพณี และวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมายังคงฝังลึกอยู่ในวิถีชีวิตของชาวจีนทุกคนอย่างไม่อาจแยกจากกันได้
อ่าน : กิมย้ง : ตัวตายแต่ผลงานยังคงอยู่ตลอดกาล
อ่าน : คอลัมน์ ข่าวสดหลากหลาย : ลัดเลาะวังต้องห้าม ศูนย์กลางของแผ่นดิน
อ่าน : มาเก๊า : มาดามตวง FOOD CELEB..สวรรค์ของนักกินที่มาเก๊า (ตอนที่ 1)…ห้องอาหารจีน Lotus Palace
อ่าน : เปิดแล้ว ‘สะพานข้ามทะเลยาวสุดในโลก’ เชื่อมฮ่องกง-มาเก๊า-จีนแผ่นดินใหญ่
